กรุงเทพฯ--8 ส.ค.--ธนาคารอาคารสงเคราะห์
ธอส.โชว์ผลการดำเนินงานครึ่งปีแรก ปล่อยสินเชื่อใหม่ได้ 75,853 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9.93%เผยแผนงานครึ่งปีหลัง ปรับกระบวนงาน – พัฒนาผลิตภัณฑ์ – สนับสนุนนโยบายรัฐสร้างองค์กรสู่ SMART Organization…เพื่อทำให้คนไทยมีบ้าน
ธนาคารอาคารสงเคราะห์ โชว์ผลการดำเนินงานครึ่งปีแรกของปี 2559 ยอดสินเชื่อปล่อยใหม่ทั้งสิ้น 75,853 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9.93% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เป้าสินเชื่อทั้งปี 170,043 ล้านบาท สินเชื่อคงค้างรวมทะยาน 894,089 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.62 %จากสิ้นปี 2558 มั่นใจกลไกขับเคลื่อน ธอส.ทั้ง 3 ด้าน ได้แก่ Social Solution, Business Solution และ Management Solution จะทำให้สามารถบริหารงานได้อย่างมีประสิทธิภาพด้วยต้นทุนต่ำ ปฏิรูประบบการทำงานภายในเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพรองรับการแข่งขันที่เพิ่มสูงขึ้น คิดค้นผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่สามารถตอบโจทย์ลูกค้าได้รวมถึงสนับสนุนนโยบายรัฐเพื่อทำให้คนไทยมีบ้าน พร้อมเผยความคืบหน้า "โครงการ ธอส. โรงเรียนการเงิน" เพียง 2 เดือนหลังเปิดตัวโครงการมีจำนวนผู้ลงทะเบียน เข้าร่วมโครงการแล้วกว่า 11,000 ราย
นายฉัตรชัย ศิริไล กรรมการผู้จัดการธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานครึ่งปีแรกของปี 2559 ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2559 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนว่า ธนาคารยังสามารถเติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง สามารถปล่อยสินเชื่อปล่อยใหม่ได้ทั้งสิ้น 75,853 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9.93% คิดเป็น 53,925 ราย โดยเป็นสินเชื่อปล่อยใหม่วงเงินกู้ไม่เกิน 2 ล้านบาท จำนวน 43,395 ราย สะท้อนให้เห็นว่าธนาคารยังสามารถสร้างโอกาสให้ประชาชน โดยเฉพาะกลุ่มผู้มีรายได้น้อยและปานกลาง ได้มีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง
ณ สิ้นไตรมาสที่ 2/2559 เมื่อเทียบกับสิ้นปี 2558 ธนาคารมียอดสินเชื่อคงค้างรวมทั้งสิ้น 894,089 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.62% สินทรัพย์รวม 940,900 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.52% เงินฝากรวม 757,849 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.32% มีหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) จำนวน 51,483 ล้านบาท คิดเป็น 5.76% ของยอดสินเชื่อรวม เพิ่มขึ้น 0.31% จาก ณ สิ้นปี 2558 ซึ่ง NPL อยู่ที่ 5.45% ของสินเชื่อรวม และมีกำไรสุทธิ 5,158 ล้านบาท ขณะที่อัตราส่วนเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยง (BIS Ratio) ยังอยู่ที่ระดับแข็งแกร่งมากที่ 16.03% ซึ่งสูงกว่าอัตราเงินกองทุนขั้นต่ำ 8.50% ที่กำหนดโดยธนาคารแห่งประเทศไทย
"สาเหตุที่ทำให้ผลการดำเนินงานของธนาคารยังคงปรับตัวดีขึ้น เป็นผลมาจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ภาคอสังหาริมทรัพย์ของรัฐบาล รวมถึงความมุ่งมั่นในการพัฒนานวัตกรรมสินเชื่อที่อยู่อาศัยที่หลากหลายเพื่อให้เข้าถึงลูกค้าทุกระดับ อาทิ โครงการบ้านประชารัฐ วงเงินกู้รายละไม่เกิน 1.5 ล้านบาท โครงการบ้าน ธอส. เพื่อข้าราชการ ให้กู้สำหรับกลุ่มข้าราชการ ทหาร ตำรวจ บุคลากรทางการศึกษา และพนักงานรัฐวิสาหกิจ โครงการบ้าน ธอส. เพื่อสานรัก วงเงินกู้ไม่เกิน 2 ล้านบาท และโครงการบ้าน ธอส. อุ่นใจ สำหรับลูกค้าวงเงินกู้เกิน 2 ล้านบาท เป็นต้น พร้อมมั่นใจว่าจากทิศทางเศรษฐกิจในช่วงครึ่งปีหลังที่มีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้น จะช่วยส่งผลให้การปล่อยสินเชื่อใหม่ของธนาคารเป็นไปตามเป้าหมาย 170,043 ล้านบาท" นายฉัตรชัยกล่าว
นายฉัตรชัยยังกล่าวถึงความคืบหน้าในการดำเนิน "โครงการ ธอส. โรงเรียนการเงิน" ซึ่งจัดทำขึ้นเพื่อสนับสนุนนโยบายของรัฐบาล ที่ให้ความสำคัญในการส่งเสริมความรู้ทางการเงิน (Financial Literacy) ให้ประชาชน ที่ต้องการมีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง แต่ขาดความพร้อมและการเตรียมตัวที่ถูกต้อง โดยหลังจากเริ่มดำเนินโครงการมาตั้งแต่วันที่ 23 พฤษภาคม 2559 ล่าสุด ณ วันที่ 5 สิงหาคม 2559 มีประชาชนที่ลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการแล้วกว่า 11,000 ราย และมีผู้ที่เปิดบัญชีเงินฝากตามเงื่อนไขของโครงการซึ่งจะนำไปสู่การเพิ่มโอกาส ในการเข้าถึงสินเชื่อบ้านในอนาคตแล้วกว่า 2,000 ราย
นายฉัตรชัย กล่าวเพิ่มเติมถึงแผนงานครึ่งปีหลัง ว่าธนาคารยังคงมุ่งเน้นเดินหน้าตามพันธกิจหลักเพื่อทำให้คนไทยมีบ้าน พร้อมเป็นสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐที่ช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมให้เติบโตอย่างยั่งยืน โดยใช้กลไกขับเคลื่อน (Drive Engines) 3 ด้าน ได้แก่ 1.Social Solution หรือ การดูแลกลุ่มผู้ด้อยโอกาสให้เข้าถึงระบบการเงินเพื่อที่อยู่อาศัย พร้อมการเป็นผู้นำสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยสำหรับผู้มีรายได้น้อยและปานกลางผ่านโครงการสินเชื่อหลายรูปแบบรวมถึงโครงการสินเชื่อนโยบายรัฐ พัฒนาผลิตภัณฑ์ทางการเงินเพื่อรองรับการก้าวสู่สังคมผู้สูงอายุ โครงการยกระดับคุณภาพชีวิตของกลุ่มผู้ด้อยโอกาส 2.Business Solution หรือ การเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับกลุ่มผู้มีรายได้สูงด้วย New Business Model พร้อมนวัตกรรมสินเชื่อที่อยู่อาศัยที่หลากหลาย โครงการสินเชื่อบ้านวงเงินกู้มากกว่า 3 ล้านบาท และยกระดับการให้บริการ พร้อมประสานความร่วมกับผู้พัฒนาโครงการที่อยู่อาศัย อาทิ จัดทำศูนย์ปฏิบัติการสินเชื่อนครหลวง หรือ Premier Service Center 3.Management Solution หรือ การบริหารงานอย่างมีประสิทธิภาพด้วยต้นทุนต่ำ ภายใต้กรอบภารกิจและหลักธรรมาภิบาล โดยการปฏิรูประบบการทำงานภายในของธนาคารเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานรองรับการแข่งขันที่เพิ่มสูงขึ้น อาทิ การพัฒนาระบบ IT ทั้งระบบ Internet & Mobile Banking โครงการ Service Excellence มุ่งเน้นการให้บริการที่ดีทั่วทั้งองค์กร โครงการ Prototype DE ปฏิรูปกระบวนการทำงานส่วน Front โดยแบ่งบทบาทหน้าที่ให้เป็น Sale & Service อย่างชัดเจน โครงการ Digital Banking โครงการ e – Payment การรับชำระเงินแบบพร้อมเพย์ : PromptPay และโครงการบัตรเติมเงินเพื่อชำระเงินกู้ รวมถึงการปรับเปลี่ยนภาพลักษณ์องค์กรให้เป็น SMART Organization เพื่อก้าวไปสู่วิสัยทัศน์ : ธนาคารที่ดีที่สุดสำหรับการมีบ้าน