กรุงเทพฯ--10 ส.ค.--กรมส่งเสริมสหกรณ์
ดร.วิณะโรจน์ ทรัพย์ส่งสุข อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ กล่าวระหว่างพิธีเปิดการประชุมเชิงปฏิบัติการเตรียมความพร้อมการดำเนินธุรกิจพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ (E-Commerce) ของศูนย์กระจายสินค้าสหกรณ์ ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 8 – 10 สิงหาคม 2559 ณ โรงแรมตรัง ถนนวิสุทธิกษัตริย์ กรุงเทพฯว่า การดำเนินงานของศูนย์กระจายสินค้าสหกรณ์ (CDC) ซึ่งปัจจุบันมีอยู่จำนวน 107 แห่งทั่วประเทศ ยอดจำหน่ายระหว่างเดือนตุลาคม 2558 – พฤษภาคม 2559 รวง 6,391 ล้านบาท และยังมีสหกรณ์สนใจจะเข้าร่วมโครงการเพิ่มเติม รวมเป็น 122 แห่ง ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ทางกรมฯ ได้มีการจัดประชุมเชื่อมโยงเครือข่ายศูนย์กระจายสินค้าสหกรณ์ระดับภาค เพื่อพัฒนาศักยภาพสหกรณ์ ให้สามารถบริหารจัดการธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ
นอกจากนี้ กรมส่งเสริมสหกรณ์ยังมีนโยบายสนับสนุนสหกรณ์เข้าสู่ระบบพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ รวมทั้งศักยภาพของศูนย์กระจายสินค้าสหกรณ์ระดับภาคทั้ง 24 แห่ง ให้เป็นแกนหลักในการคัดเลือกสินค้าป้อนสาตลาดสินค้าสหกรณ์ออนไลน์ เบื้องต้นกำหนดชนิดสินค้าไว้ 9 หมวด ได้แก่ ข้าวสาร น้ำดื่ม นม สินค้าอุปโภคบริโภค สินค้าแปรรูป ผลไม้ กาแฟ สินค้าประมงและสินค้า OTOP โดยให้ชุมนุมสหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย จำกัด เป็นศูนย์กลางการค้าสหกรณ์ โดยทำหน้าที่เป็นตัวแทนของศูนย์กระจายสินค้าสหกรณ์ระดับประเทศ ในการสร้างเครือข่ายการผลิต และการตลาดร่วมกันให้เกิดความเข้มแข็ง เนื่องจากเล็งเห็นว่า จุดเด่นของ E – Commerce คือ ประหยัดค่าใช้จ่าย สามารถลดต้นทุนเรื่องของการจัดทำห้องจัดแสดงสินค้า หรืออาคารจำหน่ายผลิตภัณฑ์ หรือต้องมีคลังสินค้า เพื่อจัดเก็บสินค้ารอการจำหน่าย ซึ่งทำให้ลดต้นทุนในการดำเนินธุรกิจของสหกรณ์ และสามารถขยายตลาดสินค้าไปได้ในทุกพื้นที่
การประชุมเชิงปฏิบัติการเพื่อเตรียมความพร้อม การดำเนินธุรกิจพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ (E- Commerce) ของศูนย์กระจายสินค้าสหกรณ์ มีผู้เข้าร่วมการประชุม 70 คน แบ่งเป็นข้าราชการจากสำนักงานสหกรณ์จังหวัดที่รับผิดชอบโครงการศูนย์กระจายสินค้าสหกรณ์ ผู้จัดการและผู้แทนสหกรณ์ที่เข้าร่วมโครงการศูนย์กระจายสินค้าสหกรณ์ระดับภาค จำนวน 24 คน และเจ้าหน้าที่โครงการอีก 22 คน และได้รับความร่วมมือจากระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด และชุมนุมสหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย จำกัด ส่งเจ้าหน้าที่มาเป็นวิทยากรให้ความรู้ เพื่อแนะนำถึงรูปแบบและวิธีการดำเนินธุรกิจตลาดออนไลน์ ให้กับศูนย์กระจายสินค้าสหกรณ์ 24 แห่ง โดยคาดหวังว่า บุคลากรของสหกรณ์ จะได้เพิ่มพูนองค์ความรู้เกี่ยวกับการบริหารจัดการระบบพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ (E – Commerce) เพื่อนำกลับไปพัฒนาศักยภาพในการดำเนินธุรกิจของศูนย์กระจายสินค้าสหกรณ์ ขณะเดียวกันทางกรมฯ จะเร่งส่งเสริมและสนับสนุนการสร้างเครือข่ายสินค้าสหกรณ์ และพัฒนาศักยภาพการดำเนินงานในด้านต่างๆ ที่จะมีส่วนช่วยขยายเครือข่ายการตลาดของศูนย์กระจายสินค้าสหกรณ์ ด้วยระบบพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ (E – Commerce) ให้ขยายวงกว้างเพิ่มขึ้นในอนาคตต่อไป