LIT ฟอร์มดีไม่มีตก! ไตรมาส 2/59 กำไรพุ่ง 48 % คาดครึ่งปีหลังเข้าสู่ช่วงไฮซีชั่น ยอดปล่อยกู้เอสเอ็มอีทะลัก ดันรายได้-กำไร โตเกิน 30% ทุบสถิติสูงสุดใหม่ต่อเนื่อง

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday August 10, 2016 10:18 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--10 ส.ค.--IR network LIT ส่งซิกแนวโน้มครึ่งปีหลังโตไม่ยั้ง! เข้าสู่ช่วงไฮซีซั่นธุรกิจ ยอดปล่อยกู้พุ่งกระฉูด "สมพล เอกธีรจิตต์"มั่นใจรายได้-สินเชื่อ-กำไร ปี"59 เติบโตไม่ต่ำกว่า 30% ทำสถิติสูงสุดใหม่ต่อเนื่อง พร้อมโชว์ผลงานไตรมาส 2/59 สุดตระการตา กำไรสุทธิ 25.1 ล้านบาท เพิ่มขึ้นกว่า 48% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน นายสมพล เอกธีรจิตต์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ลีซ อิท จำกัด (มหาชน) (LIT) ผู้ให้บริการสินเชื่อประเภทNon-Bank ซึ่งมีกลุ่มเป้าหมายเป็นผู้ประกอบการธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานในไตรมาส 2/59 มีรายได้รวม 68.22 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 22.27 ล้านบาท หรือ 48.5 % เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนมีรายได้รวม 45.95 ล้านบาท มีกำไรสุทธิ 25.10 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8.10 ล้านบาท หรือ 47.68 % เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 17.00 ล้านบาท โดยได้รับปัจจัยหนุนจากยอดการปล่อยสินเชื่อเอสเอ็มอีที่เติบโตอย่างแข็งแกร่ง จากการที่รัฐบาลเดินหน้ากระตุ้นเศรษฐกิจด้วยโปรเจ็คราชการต่างๆ ซึ่งส่งผลให้เกือบ 70% ของลูกค้าของบริษัทซึ่งเป็น SMEs ที่รับงานจากภาครัฐ มีความต้องการใช้สินเชื่อเพิ่มขึ้น ทั้งนี้ ภาพรวมในครึ่งแรกของปี 2559 บริษัทฯมีรายได้รวม 124.60 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 35.97 ล้านบาท หรือ 40.58 % เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนมีรายได้รวม 88.63 ล้านบาท มีกำไรสุทธิ 45.14 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12.48 ล้านบาท หรือ 38.21% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 32.66 ล้านบาท "ผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีแรกที่เติบโตอย่างแข็งแกร่ง ยอดปล่อยสินเชื่อเพิ่มขึ้นกว่า 56 % เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจาก "ลีซ อิท" มีโปรดักท์การเงินที่มีความหลากหลาย สามารถตอบโจทย์ความต้องการลูกค้าเอสเอ็มอีที่เป็นคู่ค้าภาครัฐ และคู่ค้าภาคเอกชน ได้อย่างครบวงจร ซึ่งถือเป็นการตอกย้ำ"ลีซอิท"ไม่ใช่"ลิซไอที"เห็นได้จากในช่วงที่ผ่านมามีการประกาศความร่วมมืออย่างต่อเนื่อง ทำให้ยอดสินเชื่อในปีนี้เติบโตอย่างมีนัยสำคัญ และมั่นใจว่าแนวโน้มรายได้ สินเชื่อ และกำไร จะเติบโตไม่ต่ำกว่า 30% ตามเป้าหมายที่วางไว้อย่างแน่นอน"นายสมพลกล่าว ที่ผ่านมา "ลีซ อิท" ได้มีการปล่อยสินเชื่อให้กับเอสเอ็มอีที่เป็นคู่ค้าของภาครัฐในหลายโครงการ ไม่ว่าจะเป็นโครงการสินเชื่อเช่าเหมาเครื่องคอมพิวเตอร์พร้อมอุปกรณ์ต่อพ่วงในมหาวิทยาลัยโครงการสินเชื่อเพื่อเปิด L/C เพื่อซื้อขายมิเตอร์ไฟฟ้า (Watt hour Meters) จำนวนกว่า 200,000 เครื่อง ของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค(กฟภ.)โครงการสินเชื่อเช่าซื้อชุดเครื่องยนต์ดีเซลกำเนิดไฟฟ้าของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค เพื่อแก้ไขปัญหาการจ่ายไฟฟ้าในพื้นที่เกาะเต่า จังหวัดสุราษฎร์ธานี เป็นต้น นอกจากนี้ ยังได้ร่วมมือกับคู่ค้าให้บริการสินเชื่อเพื่อสนับสนุนโครงการ (Project Backup Finance) เพื่อสนับสนุนสัญญาจัดหาและติดตั้งเครื่องกั้นถนนจำนวน 2 สัญญา รวมเป็นมูลค่าสัญญา 211 ล้านบาท ซึ่งการว่าจ้างดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของโครงการจัดหาและติดตั้งเครื่องกั้นถนนของการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) จำนวน 200 แห่งทั่วประเทศ โดยในล็อตแรกมีจำนวนสองสัญญาแบ่งเป็น 1. สัญญาจ้างเหมาจัดหาและติดตั้งเครื่องกั้นถนนจำนวน 35แห่ง แขวงบำรุงรักษาอาณัติสัญญาณแก่งคอย ฉะเชิงเทรา ขอนแก่น และธนบุรี มูลค่า 109 ล้านบาท 2. สัญญาจ้างเหมาจัดหาและติดตั้งเครื่องกั้นถนน จำนวน 33 แห่ง แขวงบำรุงรักษาอาณัติสัญญาณลำชี มูลค่า 102 ล้านบาท ส่วนที่เหลือคาดว่าจะมีการทยอยเซ็นสัญญาออกมาในระยะต่อไป กรรมการผู้จัดการ บริษัท ลีซ อิท จำกัด (มหาชน) (LIT) กล่าวอีกว่า แนวโน้มผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งหลังของปี 2559 คาดว่าจะเติบโตอย่างแข็งแกร่ง เนื่องจากเป็นช่วง High season ของบริษัทฯ ทำให้มั่นว่ายอดปล่อยสินเชื่อจะเติบโตตามเป้าหมายที่วางไว้ โดยคาดว่าสินเชื่อ Factoring ในปีนี้จะเติบโตกว่า 100% มาอยู่ที่ 8,000 ล้านบาท เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา มียอดรับซื้อหนี้การค้าประมาณ 3,887 ล้านบาท ขณะที่สินเชื่อ Bid Bond หรือสินเชื่อเพื่อออกหนังสือค้ำประกันซองประมูลสำหรับ SMEs คาดว่าจะเติบโต 100% จากการที่งานภาครัฐเพิ่มมากขึ้น ทำให้ความต้องการสินเชื่อเพื่อค้ำซองประมูลมากขึ้น ส่วนสินเชื่อ Project Backup Finance หรือ สินเชื่อเพิ่สนับสนุนโครงการ คาดว่าจะมีส่วนแบ่งรายได้ที่ 30% ของรายได้เช่นเดียวกับปีที่ผ่านมา เนื่องจากผลิตภัณฑ์นี้ให้ผลตอบแทนสูงแต่ก็มีความเสี่ยงสูงเช่นกัน ซึ่งอาจไม่เหมาะสมที่จะไปเร่งยอดเติบโตในภาวะเศรษฐกิจปัจจุบัน นอกจากนี้ บริษัทฯยังเร่งตั้งสำรองค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญให้ไปที่ระดับเป้าหมาย 3% ของยอดสินเชื่อคงค้าง โดยในปี 2559 ตั้งเป้าหมายการสำรองไว้ที่ 2.50% ของสินเชื่อคงค้าง และตั้งเป้าหมายคุมสัดส่วนหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPLs) ที่ระดับ 2.50% ของพอร์ตสินเชื่อรวมเช่นกัน

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ