กรุงเทพฯ--10 ส.ค.--บลจ. กสิกรไทย
นายนาวิน อินทรสมบัติ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กสิกรไทย จำกัด (บลจ. กสิกรไทย) เปิดเผยว่า บลจ. กสิกรไทย มีกำหนดจ่ายเงินปันผลกองทุนต่างประเทศจำนวน 3 กองทุน ประกอบด้วย กองทุนเปิดเค ยูเอสเอ หุ้นทุน (K-USA) ในอัตรา 0.20 บาทต่อหน่วย สำหรับผลการดำเนินงานตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม 2559 - 31 กรกฎาคม 2559, กองทุนเปิดเค โกลบอล พร็อพเพอร์ตี้ หุ้นทุน (K-GPROP) ในอัตรา 0.25 บาทต่อหน่วย สำหรับผลการดำเนินงานตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม 2558 - 31 กรกฎาคม 2559 และกองทุนเปิดเค เอเชียน สมอลเลอร์ หุ้นทุน (K-ASIA) ในอัตรา 0.40 บาทต่อหน่วย สำหรับผลการดำเนินงานตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2558 - 31 กรกฎาคม 2559 โดยทั้ง 3 กองทุนดังกล่าวจะจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหน่วยลงทุนที่มีรายชื่ออยู่ในสมุดทะเบียน ณ เวลา 8.00 น. ของวันที่ 1 สิงหาคม 2559 และมีกำหนดจ่ายเงินปันผลดังกล่าวพร้อมกันในวันที่ 11 สิงหาคม 2559 นี้ รวมมูลค่าเงินปันผลทั้งสิ้น 208.43 ล้านบาท
นายนาวินกล่าวต่อไปว่า ผลการดำเนินงานของกองทุน K-USA ในรอบ 3 เดือนที่ผ่านมา สามารถปรับตัวเป็นบวก 6.88% เอาชนะเกณฑ์มาตรฐานที่ 5.83% (ข้อมูล ณ 29 ก.ค. 59) ซึ่งเป็นผลมาจากการคัดเลือกหุ้นของผู้จัดการกองทุนหลักที่ให้น้ำหนักการลงทุนในหุ้นกลุ่มไอทีในสัดส่วนที่สูงกว่าเกณฑ์มาตรฐาน และหุ้นกลุ่มดังกล่าวมีการปรับตัวขึ้นโดยเฉพาะหุ้นบริษัทด้าน Social Media ที่มีการปรับตัวขึ้นโดดเด่นในช่วงเดือนมิ.ย.ที่ผ่านมา ประกอบกับตลาดหุ้นสหรัฐฯได้ปรับตัวขึ้นต่อเนื่องจนแตะระดับสูงสุดในประวัติการณ์ที่ระดับ 2,100 จุด ทำให้อัตราส่วนราคาต่อกำไรสุทธิของหุ้นสหรัฐฯ (Forward P/E) ปัจจุบันอยู่ที่ 18.5 เท่า ซึ่งเป็นระดับที่ค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยระยะยาว 10 ปีที่ 15.1 เท่า (ที่มา: Bloomberg 5 ส.ค. 59) ดังนั้นผู้ลงทุนควรใช้ความระมัดระวังหากต้องการเข้าลงทุนเพิ่มเติมเนื่องจากระดับราคาค่อนข้างแพงแล้ว
"ด้านภาวะเศรษฐกิจของสหรัฐฯ จากการประชุมครั้งล่าสุดของธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) เมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา มีมติคงอัตราดอกเบี้ยอยู่ที่ระดับ 0.25% - 0.50% แต่ก็ได้ส่งสัญญาณถึงความเป็นไปได้ที่ยังมีโอกาสปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ เนื่องจากมีมุมมองที่ดีขึ้นต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ อาทิ ตัวเลขฝั่งตลาดแรงงานที่ยังแข็งแกร่งต่อเนื่องเช่นเดียวกับตลาดอสังหาริมทรัพย์และการบริโภคภายในประเทศ อย่างไรก็ตาม ยังมีปัจจัยกดดันจากการแข็งค่าของเงินดอลลาร์สหรัฐฯที่ส่งผลกระทบต่อการส่งออก ทำให้เกิดการขาดดุลการค้าติดต่อกันในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา นอกจากนี้มีประเด็นที่จะต้องติดตามคือการเลือกตั้งของสหรัฐฯในเดือนพฤศจิกายน โดยนโยบายการหาเสียงของแต่ละพรรคอาจมีผลต่อบรรยากาศการลงทุนและความผันผวนของตลาดในระยะสั้นได้" นายนาวินกล่าว
ส่วนมุมมองเศรษฐกิจในเอเชีย นายนาวินกล่าวว่า การปฏิรูปประเทศและมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศหลักๆ ในเอเชีย อาทิ แผนปฏิรูปตลาดเงินของจีนและแผนการปฏิรูปโครงสร้างภาษีสินค้าและบริการของอินเดีย จะเป็นปัจจัยบวกต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจในระยะกลางถึงยาว ประกอบกับสภาพคล่องที่ยังอยู่ในระดับสูงจากการผ่อนคลายทางการเงินของธนาคารกลางหลักๆ ของโลก อาทิ ยุโรปและญี่ปุ่น รวมไปถึงธนาคารกลางในเอเชียอย่างจีนและอินเดีย ยังเป็นปัจจัยสนับสนุนการลงทุนในหุ้น ทั้งนี้ในช่วงที่ผ่านมา ราคาหุ้นเอเชียมีการปรับตัวขึ้นโดยเฉพาะหุ้นเอเชียขนาดเล็กที่ปรับตัวขึ้นโดดเด่น ส่งผลให้กองทุน K-ASIA ของบลจ.กสิกรไทยซึ่งเน้นลงทุนในหุ้นของบริษัทขนาดกลางและขนาดเล็กในภูมิภาคเอเชีย ให้ผลตอบแทนย้อนหลัง 6 เดือนอยู่ที่ 14.66% สามารถเอาชนะเกณฑ์มาตรฐานซึ่งอยู่ที่ 10.73% (ณ วันที่ 29 ก.ค. 59) โดยตลาดหุ้นเอเชียได้แรงหนุนจากการคาดการณ์ว่า FED จะยังไม่ปรับขึ้นดอกเบี้ยในเร็วๆนี้ ประกอบกับตลาดมีแรงซื้อกลับหลังจากประเมินว่าเหตุการณ์ Brexit มีผลกระทบต่อภูมิภาคเอเชียค่อนข้างจำกัด ทั้งนี้แม้ว่าระดับราคาหุ้นเอเชียได้ปรับตัวขึ้นมาอยู่ในระดับที่ถือว่าไม่ถูกมากนักเมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยในอดีต อย่างไรก็ตาม บลจ.กสิกรไทยยังมีมุมมองในเชิงบวกต่อตลาดหุ้นเอเชีย ว่ายังมีแนวโน้มเติบโตได้ดีและมีความน่าสนใจอยู่เมื่อเทียบกับตลาดหุ้นในภูมิภาคอื่นๆ
นายนาวินกล่าวเพิ่มเติมว่า ด้านกองทุน K-GPROP ซึ่งมีนโยบายลงทุนในหุ้นกลุ่มอสังหาฯ กองทุนรวมอสังหาฯ และทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (REITs) ทั่วโลก กองทุนให้ผลตอบแทนย้อนหลัง 6 เดือนอยู่ที่ 13.73% (ข้อมูล ณ 29 ก.ค. 59) ทั้งนี้ปัจจุบันกองทุนได้ให้น้ำหนักลงทุนส่วนใหญ่ใน 3 ประเทศ ได้แก่ สหรัฐฯ ญี่ปุ่นและฮ่องกง ในสัดส่วน 33%, 14% และ 13% ตามลำดับ ซึ่งเป็นการปรับเพิ่มขึ้นจากช่วงต้นปี 2559 และได้ลดสัดส่วนในประเทศอังกฤษมาอยู่ที่ 10% ภายหลังจากช่วง Brexit เพื่อรอประเมินผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นกับราคาอสังหาริมทรัพย์ในอังกฤษ ทั้งนี้บลจ.กสิกรไทยมองว่าการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ยังเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ โดยเฉพาะในช่วงที่ภาวะตลาดโลกมีความผันผวนและความเสี่ยงเพิ่มขึ้น สินทรัพย์ประเภทอสังหาริมทรัพย์ถือว่าเป็นภาคอุตสาหกรรมที่มีความผันผวนหรือมีความอ่อนไหวต่อภาวะเศรษฐกิจค่อนข้างต่ำ และยังสามารถให้ผลตอบแทนที่น่าสนใจได้ท่ามกลางภาวะอัตราดอกเบี้ยตกต่ำทั่วโลก เนื่องจากผู้ลงทุนมีโอกาสได้รับผลตอบแทนที่ค่อนข้างสม่ำเสมอจากรายได้หลักที่มาจากค่าเช่า พร้อมยังมีโอกาสได้รับกำไรส่วนเพิ่มจากแนวโน้มการปรับขึ้นของราคาอสังหาฯในระยะยาวด้วย
ผู้ที่สนใจลงทุนในกองทุน K-USA กองทุน K-GPROP และกองทุน K-ASIA สามารถติดต่อขอรับหนังสือชี้ชวนและสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ธนาคารกสิกรไทยทุกสาขา หรือติดต่อ KAsset Contact Center 02673 3888