ทิศทางบ้านเมือง พัฒนาด้วยเรื่อง 'สำนึกพลเมือง’

ข่าวทั่วไป Thursday August 11, 2016 10:42 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--11 ส.ค.--มูลนิธิสยามกัมมาจล ปัจจุบันหลายหน่วยงานมีการปรับแนวคิดการทำงานร่วมกับชุมชน จากเคยใช้นโยบายสั่งการ กลายเป็นยึดหลัก 'การพัฒนาจากล่างขึ้นบน' โดยให้ชุมชนเป็นผู้คิดและมีส่วนร่วมในการทำงาน เพื่อให้การแก้ปัญหาเป็นไปตามความต้องการของชุมชนอย่างแท้จริง ซึ่งคาดว่าการขยับขับเคลื่อนท้องถิ่นจะขยายไปสู่การเดินหน้าของประเทศ คล้ายดั่งความตั้งใจของโครงการพลังเด็กและเยาวชนเพื่อการเรียนรู้ภูมิสังคมภาคตะวันตก ภายใต้การสนับสนุนของสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) และมูลนิธิสยามกัมมาจล ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) ที่ "เปิดพื้นที่"ให้เด็กและเยาวชนในภูมิภาคตะวันตกทำโครงการผ่านการใช้ภูมิปัญญาชุมชนเป็นฐานความรู้ เพื่อสร้างการพัฒนาท้องถิ่นอย่างยั่งยืน นอกจากจะทำงานปลุกสำนึกพลเมืองแก่เด็กและเยาวชนสู่การเป็นพลังของบ้านเกิดแล้ว ยังได้ถ่ายทอดแนวคิดดังกล่าวให้หน่วยงานต่างๆ จากทั่วจังหวัดสมุทรสงครามในเวที 'ทิศบ้าน ทางเมือง ...สมุทรสงคราม' เวทีที่จัดขึ้นเพื่อกำหนดแนวทางการพัฒนาจังหวัดสมุทรสงครามร่วมกันระหว่างภาครัฐและภาคประชาสังคม โดยหวังว่าจะมีผู้ใหญ่ยื่นมือเข้ามาร่วมด้วยช่วยกันมากขึ้น นายชิษนุวัฒน์ มณีศรีขำ ผู้บริหารโครงการพลังเด็กและเยาวชนเพื่อการเรียนรู้ภูมิสังคมภาคตะวันตก บอกถึงแนวทางของการแก้ปัญหาในท้องถิ่นอันยั่งยืนว่า สิ่งที่มีคุณค่าของเมืองสมุทรสงคราม มีทั้งสิ่งแวดล้อมและภูมิปัญญาดั้งเดิม ซึ่งทุกคนควรช่วยกันรักษาและปรับตัวให้เข้ากับความเปลี่ยนแปลงในสังคม เพราะสิ่งเหล่านี้จะเป็นทางรอดให้คนสมุทรสงคราม โดยเรื่องไหนที่มีผลกระทบกับวิถีชีวิตให้รีบแก้อย่างเร่งด่วน ขณะเดียวกันก็พัฒนาท้องถิ่นของตัวเองไปเรื่อยๆ ซึ่งจะทำให้การทำงานอยู่บนพื้นฐานที่ใช้ความรู้ไม่ได้ใช้แค่อารมณ์ความรู้สึก นั่นคือ การใช้กระบวนการวิจัยทำงานกับชาวบ้าน โดยเริ่มจากทำให้คนในชุมชนจัดการและพึ่งพาตัวเองในเรื่องใกล้ตัวได้ก่อน ส่วนเรื่องใดที่เกินศักยภาพของชุมชนจึงค่อยขอความร่วมมือจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อไป ด้าน นายพิสิฐ เสือสมิง นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสมุทรสงคราม กล่าวในทำนองเดียวกันว่าการแก้ปัญหาท้องถิ่นควรเริ่มจากคนในท้องถิ่นเอง "ถือเป็นความเข้าใจผิดที่จะให้รัฐเข้ามาแก้ปัญหาของท้องถิ่น เพราะประเทศที่อยู่รอดในเวทีโลก ก็คือประเทศที่พึ่งพาตนเองได้ ดังนั้น การทำให้ตนเองอยู่รอดจึงต้องพึ่งพาตนเองให้ได้มากที่สุด ยืนด้วยลำแข้งของตนเอง จากฐานทรัพยากรที่มีอยู่ในชุมชน และนำภูมิปัญญาของบรรพบุรุษมาประยุกต์ใช้" ขณะที่ผู้ใหญ่กำลังขับเคลื่อนท้องถิ่นไปข้างหน้า ขณะเดียวกันควรส่งเสริมและสนับสนุนให้ลูกหลานได้ลงมือทำสิ่งที่ดีที่จะช่วยสร้างสำนึกพลเมือง เพื่อให้คนรุ่นใหม่เข้ามารับช่วงดูแลท้องถิ่นต่อไป ด้านนายชนม์สวัสดิ์ ฉิมเชื้อ แกนนำเยาวชนจากกลุ่มท่าคาเรียนเจอร์ ในโครงการพลังเด็กและเยาวชนเพื่อการเรียนรู้ภูมิสังคมภาคตะวันตก ที่ผ่านกระบวนการสร้างสำนึกพลเมืองจากการทำโครงการเพื่อชุมชน ด้วยฐานความรู้ของชุมชน สะท้อนถึงการทำงานชุมชนร่วมกันระหว่างผู้ใหญ่กับเด็กและเยาวชนว่า ผู้ใหญ่ต้องสนับสนุนให้เด็กเรียนรู้ถูก-ผิดจากการลงมือทำ "การจะให้เด็กและเยาวชนหันมาสนใจเรื่องชุมชน ต้องสร้างแรงบันดาลใจแก่เด็ก โดยให้ทำกิจกรรมที่สอดคล้องกับความสนใจของเด็กแต่ละช่วงวัย พร้อมทั้งสนับสนุนให้เด็กลองทำ เรียนรู้ถูกผิดจากการลงมือทำ แม้ช่วงแรกอาจลำบากกว่าการทำแบบเก่า แต่จะเกิดการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ที่ช่วยพัฒนาคุณภาพชีวิตได้ เพราะเด็กและเยาวชนเป็นส่วนหนึ่งที่จะต้องเข้ามารับผิดชอบสังคม" สอดคล้องกับความคิดเห็นของนายชิษนุวัฒน์ที่เสริมว่า "ผู้ใหญ่ทุกคนต้องเดินหน้าปกป้องบ้านเมืองให้ลูกหลาน โดยพ่อแม่ผู้ปกครองคอยดูแล ส่วนคนในชุมชนต้องร่วมกันผนึกกำลัง ความรู้ และเปิดพื้นที่ให้เด็กและเยาวชนได้ลงมือทำบางอย่างเพื่อสร้างสำนึกพลเมืองจากการได้รู้ ได้เห็น ลองผิดลองถูกด้วยตัวเอง ซึ่งการสร้างคนรุ่นใหม่ให้สามารถรับมือกับสถานการณ์โลกที่กำลังเปลี่ยนแปลงจะเป็นทางรอดและทางออกสำคัญของสมุทรสงคราม" สำหรับการสร้างคนรุ่นใหม่ให้สามารถรับมือสถานการณ์โลกและขึ้นมาดูแลชุมชนในภายหน้า ผู้ใหญ่ในชุมชน ครอบครัว และสถาบันการศึกษาจำเป็นต้องเน้นให้เด็กและเยาวชนได้เรียนรู้จากฐานทุนเดิมของชุมชน ทั้งวิถีชีวิต ภูมิปัญญา ประวัติศาสตร์ และความเป็นไปต่าง ๆ เพื่อปลูกฝังความเป็นพลเมืองที่จะไม่ละทิ้งถิ่นฐานของตัวเอง ดังที่ ดร.อุษา เทียนทอง ผู้อำนวยการศูนย์การเรียนรู้เพื่อปวงชน จังหวัดสมุทรสงคราม กล่าวว่า "การศึกษาต้องทำให้เด็กและเยาวชนเข้าใจเรื่องการมีส่วนร่วม เข้าใจเรื่องสิทธิหน้าที่ เข้าใจเรื่องบ้านเกิดเมืองนอนของตัวเอง และสำคัญคือต้องสอนเรื่องพลเมือง เพราะการนำวิถีของชุมชนเป็นตัวตั้ง จะทำให้เขายังคงทำหน้าที่ดูแลบ้านเมืองต่อจากเราได้ และสร้างชาติบ้านเมืองให้เข้มแข็งต่อไป"

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ