กรุงเทพฯ--15 ส.ค.--francomasia
ในปี 2014 แอร์เมสถ่ายทอดเวลาลงสู่ผลงานชิ้นใหม่ที่ประกอบขึ้นอย่างกลมกลืนเป็นหนึ่งเดียวกับความงดงามแห่งอิสตรีราวกับผิวหนังชั้นที่สอง ณ เวลานั้นเองที่นาฬิกาโฟบูร์กได้ประกาศก้องถึงอุบัติการณ์แห่งเรือนเวลาอันเลอค่าเกี่ยวกระหวัดด้วยเส้นสายที่งามวิจิตรจากการรังสรรค์ขึ้นในเวิร์คช้อปให้ปรากฏแก่สายตาในรูปแบบที่หลากหลายตามการตีความต่างแง่มุม ในปี 2015 เรือนเวลานี้ได้พลิกโฉมเป็นนาฬิกาประดับข้อมือหุ้มหนัง เพื่อเชิดชูกำเนิดของแอร์เมสในฐานะผู้ผลิตอานและบังเหียนม้า ประดิษฐกรรมแห่งเวลานี้ได้แปรเปลี่ยนศิลปะแห่งการทำเครื่องหนังให้เหนือระดับกว่าที่เคยโดยใช้การตกแต่งด้วยอัญมณีจนได้เป็นเรือนเวลาหรูรุ่นโฟบูร์ก มองแช็ตต์ โฌอาเยอรี (Faubourg Manchette Joaillerie)
ณ ห้องสร้างงานศิลปะของแอร์เมส ช่างผู้ชำนาญงานตัดจะตัดแผ่นหนังให้ได้ขนาดที่ต้องการสำหรับนำไปทำสายนาฬิกาข้อมือ
ช่างทำเครื่องหนังจะประกอบสายนาฬิกาเข้าด้วยกันโดยใช้เทคนิคการเย็บอานม้าอันลือชื่อเพื่อให้ได้ชิ้นงานที่ตรงตามมาตรฐานสูงสุดที่สืบทอดกันมายาวนานของแอร์เมส ช่างจะเย็บแนวตะเข็บแต่ละด้านด้วยการเย็บย้ำสองครั้งในแต่ละรอบเป็นจำนวนสามรอบ เพื่อการันตีว่าชิ้นงานที่ออกมาจะทนทานแข็งแรงเมื่อเย็บเสร็จแล้วช่างจะลบเหลี่ยมที่ขอบก่อนจะกดร่องระหว่างรอยตะเข็บกับขอบหนังให้แน่น จากนั้นจึงนำตัวสายไปย้อมสีและรีดให้เรียบด้วยความร้อนจากหัวแร้ง โดยกรรมวิธีนี้เรียกว่า การขัดเงา ส่วนขั้นตอนสุดท้ายเป็นการทาขี้ผึ้งเคลือบเพื่อกันน้ำ
สายหนังที่เกี่ยวกระหวัดรอบข้อมือยื่นออกมาจากตัวเรือนที่แอร์เมสบรรจงสร้างขึ้นจากทองให้ความรู้สึกราวกับเป็นผิวหนังชั้นที่สองของผู้สวมใส่ ประดับด้วยอัญมณี 36 เม็ดทรงบาแก็ตต์ที่ผ่านการเจียระไนด้วยมือทั้งหมด ช่างเจียระไนจะค่อยๆ สกัดอัญมณีทั้งเพชร มรกต แซฟไฟร์สีน้ำเงินหรือน้ำตาลทีละเม็ดด้วยความแม่นยำที่สูงมาก จากนั้นช่างตกแต่งอัญมณีจะปรับขนาดอัญมณีเหล่านี้ให้พอดีกับฐานที่อยู่รายรอบขอบตัวเรือนนาฬิกา ก่อนจะค่อยๆ จัดวางอัญมณีเหล่านั้นทีละเม็ด โดยใช้สกอร์เปอร์ตอกลงไปจนแน่นเข้าที่ ขั้นสุดท้ายช่างจะเคลือบเงาเพื่อขับเน้นให้ผลงานที่ประกอบสร้างขึ้นจากศาสตร์หลายแขนงชิ้นนี้เจิดจรัสกว่าใคร