GL กำไร Q2 พุ่งเท่าตัว ทำนิวไฮ 7 ไตรมาสต่อเนื่อง

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday August 15, 2016 11:00 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--15 ส.ค.--เอ็ม ที มัลติมีเดีย บมจ.กรุ๊ปลีส ผู้บุกเบิกธุรกิจดิจิทัลไฟแนนซ์ในอาเซียน ประกาศงบไตรมาส 2 โชว์กำไรสุทธิ 255.85 ล้านบาท พุ่งขึ้น97.6% เทียบกับไตรมาสเดียวกันปีก่อนหน้า เนื่องจากผลประกอบการของบริษัทแม่ในประเทศไทยและบริษัทในเครือในภูมิภาคโดยเฉพาะกัมพูชาเติบโตต่อเนื่องอย่างโดดเด่น ด้านผู้บริหารแสดงความมั่นใจจะเดินหน้าทุบสถิติทำกำไรนิวไฮอย่างต่อเนื่อง หลังจากที่บริษัทร่วมทุนกับกลุ่ม J TRUST เริ่มดำเนินธุรกิจอย่างเป็นทางการในอินโดนีเซีย ซึ่งเป็นตลาดใหญ่มหึมา นายทัตซึยะ โคโนชิตะ ประธานคณะกรรมการบริหาร บริษัท กรุ๊ปลีส จำกัด (มหาชน) หรือ GL ผู้บุกเบิกธุรกิจดิจิทัลไฟแนนซ์ในอาเซียน กล่าวชี้แจงว่า ฝ่ายบริหารได้เคยตั้งเป้าว่าจะทำกำไรเพิ่มขึ้นเท่าตัวจากกำไรสุทธิกว่า500 ล้านบาทในปี 2558 มาเป็น 1,000 ล้านบาทในปีนี้ ซึ่งเรามีความมั่นใจว่าบริษัทฯ จะสามารถบรรลุเป้าหมายได้ หากรวมกำไรสุทธิไตรมาส 1 ปีปัจจุบันที่ 222.17 ล้านบาท กับกำไรสุทธิในไตรมาสล่าสุดแล้ว ยอดรวมกำไรสุทธิครึ่งปีแรกจะอยู่ที่ 478 ล้านบาท ทั้งนี้ กำไรสุทธิ 255.85 ล้านบาท ในไตรมาส 2 ปีนี้ เทียบเท่ากับเพิ่มขึ้น 97.6% จากกำไรสุทธิ 129.47 ล้านบาทในไตรมาส 2 ของปีที่แล้ว โดยแบ่งเป็นกำไรจากผลประกอบการในประเทศไทยประมาณ 105 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้าประมาณ 17% ส่วนกำไรที่เหลืออีก 150 ล้านบาท มาจากผลประกอบการในประเทศกัมพูชาและ สปป.ลาว นายทัตซึยะชี้แจงว่า สำหรับกำไรจากกัมพูชาประมาณ 120 ล้านบาทนั้นมีนัยสำคัญมาก เนื่องจากเพิ่มขึ้น 3เท่าจากกำไรประมาณ 40 ล้านบาทในไตรมาส 2 ของปีที่แล้ว ซึ่งยืนยันถึงศักยภาพในการขยายตัวของธุรกิจอย่างแข็งแกร่งในกัมพูชา ส่วนบริษัทย่อยใน สปป.ลาวและบริษัท ธนบรรณ ในประเทศไทยนั้นมีกำไรสุทธิแห่งละประมาณ 15 ล้านบาท โดยบริษัทย่อยใน สปป.ลาวเริ่มดำเนินธุรกิจตั้งแต่เดือนกันยายนปีที่ผ่านมาและบริษัท ธนบรรณ ถูกควบรวมโดย GL ตั้งแต่ปี 2557 นายทัตซึยะกล่าวว่า ผลประกอบการใน สปป.ลาวนั้นถือว่าน่าพอใจมาก เนื่องจากถึงแม้เป็นประเทศเล็กแต่มีศักยภาพที่จะทำกำไรได้ประมาณ 10 ล้านบาทต่อเดือนภายในปีนี้ โดยบริษัทย่อยใน สปป.ลาวนั้นเป็นผู้นำตลาดสินเชื่อทั้งรถจักรยานยนต์และเครื่องจักรกลการเกษตรที่โดดเด่นทิ้งห่างคู่แข่งเป็นอย่างมาก นายทัตซึยะกล่าวชี้แจงเพิ่มเติมว่า เนื่องจากธุรกิจในอินโดนีเซียยังอยู่ในระยะเริ่มแรก ดังนั้นธุรกิจในกัมพูชาจะยังเป็นดาวเด่นของกลุ่ม GL ในอนาคตอันใกล้นี้ โดยกรณีของผลประกอบการในกัมพูชานั้น นายทัตซึยะอธิบายว่าตัวเลขในไตรมาส 2 ที่เพิ่งผ่านพ้นไปนั้นน่าจะดีกว่าตัวเลขที่รายงานด้วยซ้ำ แต่เนื่องจากมีปัญหาแทรกซ้อนจากการชะลอตัวของตลาดรถจักรยานยนต์อันเป็นผลสืบเนื่องจากการบังคับใช้ภาษีมูลค่าเพิ่ม 10% อย่างจริงจังสำหรับการซื้อขายรถจักรยานยนต์ตั้งแต่เดือนเมษายนที่ผ่านมา ตลอดจนผลกระทบจากภาวะภัยแล้งคล้ายกับในประเทศไทย ดังนั้นบริษัทฯ จึงมั่นใจว่าผลประกอบการในกัมพูชาจะฟื้นตัวได้อย่างแข็งแกร่งหลังจากที่ปัญหาการบังคับใช้ภาษีมูลค่าเพิ่มได้รับการแก้ไขเรียบร้อยแล้วและภาวะภัยแล้งก็คลี่คลายสู่ปกติ ทั้งนี้ GL ได้พัฒนาระบบดิจิทัลไฟแนนซ์ที่มีต้นทุนต่ำและมีประสิทธิภาพสูงในการดำเนินธุรกิจปล่อยสินเชื่อรถจักรยานยนต์ HONDA เครื่องจักรกลการเกษตร KUBOTA ตลอดจนการให้สินเชื่อกับผู้ประกอบการ SMEs โดยประสบความสำเร็จอย่างดียิ่งในกัมพูชา ซึ่งระบบดิจิทัลไฟแนนซ์ดังกล่าวถูกนำมาใช้ใน สปป.ลาวและอินโดนีเซีย โดยใน สปป.ลาวนั้นสามารถทำกำไรได้ในระยะเวลาอันสั้นเพียง 4 เดือนหลังจากที่เปิดกิจการ สำหรับธุรกิจใหม่ในอินโดนีเซียนั้น นายทัตซึยะกล่าวแสดงความมั่นใจว่ามีแนวโน้มที่ดีมาก เนื่องจากวันแรกที่เปิดดำเนินธุรกิจหลังจากได้รับใบอนุญาตจากทางการอินโดนีเซียในวันที่ 25 กรกฎาคมที่ผ่านมา บริษัท PT Group Lease Finance Indonesia (GLFI) ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนระหว่าง Group Lease Holdings PTE. Ltd (GLH) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ GL ที่จดทะเบียนในสิงคโปร์ซึ่งถือหุ้นอยู่ใน GLFI 65% และบริษัท J TRUST ASIA (JTA) ถือหุ้น 20% รวมถึงกลุ่มทุนท้องถิ่นอีก 15% สามารถเซ็นสัญญาปล่อยสินเชื่อให้กับลูกค้าเครื่องจักรกลการเกษตร 2 รายในวันแรกที่เริ่มเปิดกิจการคือวันที่ 25 กรกฎาคมที่ผ่านมาและยังได้รับการขอสินเชื่อจากลูกค้าอีก 12 รายภายในสัปดาห์แรก ซึ่งถือว่าเป็นการเริ่มต้นทำธุรกิจที่ดีมาก โดยการเจาะเข้าตลาดอินโดนีเซียนั้นนับเป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญ ซึ่งจะหนุนกลุ่ม GL ให้มีการขยายธุรกิจครั้งใหญ่จากศักยภาพที่มีอยู่สูงมากในประเทศอินโดนีเซียซึ่งมีประชากรกว่า 250 ล้านคน โดยนายทัตซึยะอธิบายว่ากลุ่มGL เป็นผู้เชี่ยวชาญการปล่อยสินเชื่อในพื้นที่ชนบทและตลาดในอินโดนีเซียจะเป็นเป้าหมายหลัก เนื่องจากว่าพื้นที่ส่วนใหญ่เป็นเกาะแก่งประมาณ 12,000 เกาะซึ่งอยู่ห่างไกล ขณะที่นายมิทซึจิ โคโนชิตะ ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร GL ได้เคยกล่าวแสดงความมั่นใจว่าตลาดอินโดนีเซียนั้นจะมีขนาดใหญ่กว่ากัมพูชาถึง 10เท่า

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ