กรุงเทพฯ--15 ส.ค.--โพลีพลัส พีอาร์
นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณล้นพ้นของคนไทย ที่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ทรงอนุรักษ์และฟื้นฟูการแสดงโขนมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพฯ ให้กลับมามีชีวิตเป็นประจำทุกปี เป็นเวลา ๑ ทศวรรษมาแล้ว และในปีนี้ที่นับเป็นวาระอันเป็นมหามงคล ๒ วาระมาบรรจบกัน อันได้แก่ การครบรอบการเสวยราชสมบัติของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวครบ ๗๐ ปี และ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ทรงมีพระชนมพรรษาครบ ๗ รอบ ๘๔ พรรษาจึงได้จัด การแสดงโขนมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพฯ ตอน "พิเภกสวามิภักดิ์" ขึ้น ระหว่างวันที่ ๕ พฤศจิกายน – ๕ ธันวาคม ๒๕๕๙ ณ หอประชุมใหญ่ ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย แต่ก่อนจะถึงวันแสดงจริง หนึ่งในไฮไลท์ที่ควรค่าแก่การรับรู้ก่อนเข้าชม นั่นคือ งานฝีมือสุดวิจิตรของการปักเครื่องโขนที่ใช้สำหรับการแสดง รวมถึงการทอผ้ายกทองของสมาชิกศูนย์ศิลปาชีพสีบัวทอง อำเภอแสวงหา จังหวัดอ่างทอง ที่ได้รับการฝึกปรือฝีมือการทอผ้าจากครูต้นตำรับจากเนินธัมมัง จังหวัดนครศรีธรรมราช
ท่านผู้หญิงจรุงจิตต์ ทีขะระ ผู้ช่วยเลขาธิการมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพฯ และประธานคณะกรรมการอำนวยการจัดการแสดงโขนมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพฯหรือที่รู้จักกันทั่วไปว่า "โขนพระราชทาน" ฉายภาพย้อนกลับไปว่า "นับเป็นเวลาครบ ๑ ทศวรรษ ที่คนไทยได้มีโอกาสชมความวิจิตรตระการตาของการแสดงระดับชาติที่ได้รับการสืบทอดไว้ ตามพระราชเสาวนีย์ของ สมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ ที่ทรงตั้งพระราชหฤทัยฟื้นฟูการแสดง "โขน" ให้กลับมามีชีวิตอีกครั้งนับตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๐ เป็นต้นมา องค์ประกอบต่างๆ ของโขนพระราชทาน ล้วนสร้างความประทับใจและความซาบซึ้งในความงดงามของศิลปะไทย ไม่ว่าจะเป็นฉาก แสง สี เสียง พัสตราภรณ์และเครื่องประดับต่างๆ ที่ประดิษฐ์ขึ้นอย่างประณีต ตามจารีตโบราณ รวมถึงผ้ายกทองที่นักแสดงใช้นุ่งตามบทบาทต่างๆ ที่ได้มีความพยายามในการฟื้นฟูการทอผ้ายกแบบโบราณมาหลายปีโดยมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพฯ จนประสบความสำเร็จ ส่วนหนึ่งได้รับการฟื้นฟูในการสืบลายผ้ามาจาก จังหวัดนครศรีธรรมราช แต่ด้วยกระบวนการในการปักเครื่องโขน และการทอผ้า ต้องใช้ระยะเวลากันเรียกได้ว่าปีชนปี จึงมีการสืบสานงานในส่วนนี้ โดยมาพัฒนาอาชีพให้กับสมาชิกศูนย์ศิลปาชีพสีบัวทอง จังหวัดอ่างทอง ในการเป็นแรงกำลังสำคัญในครั้งนี้ ซึ่งนับเป็นความภาคภูมิใจของมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพฯ เพราะนอกจากจะเป็นการสร้างอาชีพให้กับชาวบ้านแล้ว ยังนับเป็นการฟื้นฟูและอนุรักษ์การปักเครื่องโขน และการทอผ้ายกแบบโบราณให้คงอยู่สืบไป"
ด้าน อาจารย์วีรธรรม ตระกูลเงินไทย ผู้ออกแบบเครื่องแต่งกายและเครื่องประดับ การแสดงโขนฯ ระบุว่า "จากที่ได้มีการฟื้นฟูการผลิต "ผ้ายกเมืองนคร" มรดกวัฒนธรรมผ้าทอไทยที่ครั้งหนึ่งเหลือเป็นเพียงโบราณวัตถุในพิพิธภัณฑ์ ให้กลับมาเป็นส่วนหนึ่งของพัสตราภรณ์สำหรับการแสดงโขนฯ อีกครั้งโดยช่างทอของมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพฯ ที่เนินธัมมัง และศูนย์ศิลปาชีพบ้านตรอกแค จังหวัดนครศรีธรรมราช นั้น บัดนี้ เราได้มีการพัฒนาฝีมือสมาชิกของศูนย์ศิลปาชีพสีบัวทอง จ.อ่างทอง เพิ่มขึ้นอีกหนึ่งแห่ง ด้วยชาวบ้านในพื้นที่กว่า ๑๐๐ คน โดยกำลังสำคัญในการผลิตชิ้นงานหลัก แผนกชุดปักโขน จำนวน ๑๔ คนนั้น จะมีหน้าที่ในการปักเครื่องโขน ซึ่งเป็นการปักดิ้นทองลงบนผ้า ตามแบบลายที่มีอยู่ โดยต้องอาศัยความประณีตและความตั้งใจทำ โดยการปักเครื่องโขน ที่อำเภอสีบัวทองแห่งนี้นั้น จะมีการทำอยู่ทั้งหมด ๔ ลาย ได้แก่ ๑) ลายราชวัตรดอกลอย ๒) ลายแย่งพุ่มข้าวบิณฑ์หน้าขบดอกใน ๓) ลาย ราชวัตรย่อมุมไม้สิบสอง และ ๔) ขนทักษิณาวัตร ซึ่งในแต่ละปีจะมีการปักเครื่องโขนเพื่อใช้สำหรับ พัสตราภรณ์ในการแสดงที่แตกต่างกันออกไป โดยเครื่องโขนฝีมือสมาชิกศูนย์นั้น ประกอบไปด้วย เสื้อ, แขนเสื้อ, อินธนู, กรองศอ, รัดเอว, สนับเพลา และเกราะด้านหน้า โดยใช้สำหรับตัวละครที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น พิเภก, ทศกัณฑ์, เสนายักษ์ ฯลฯ"
อาจารย์วีรธรรม ฉายภาพให้ฟังเพิ่มเติมว่า "ลายต่างๆ จะใช้สำหรับส่วนต่างๆ ของชุดนักแสดง อาทิ ลายราชวัตรดอกลอย และ ลายแย่งพุ่มข้าวบิณฑ์หน้าขบดอกใน ใช้สำหรับ ตัวละครเสนายักษ์ และตัวละครเอก, ลายราชวัตรย่อมุมไม้สิบสองสำหรับตัวละครพิเภก และ ขนทักษิณาวัตร สำหรับตัวละครหนุมาน โดยขั้นตอนการปักเครื่องโขนนั้น จะมีการใช้ดิ้น-เลื่อม โดยเริ่มจากร่างแบบลายลงบนกระดาษไข แล้วนำไปทำบล็อกซิลค์สกรีน, หลังจากสกรีนลายลงบนผ้าด้วยกาวกระถินผสมดินสอพองแล้วนั้น จะขึงสะดึงด้วยผ้าขาวให้ตึง แล้วนำผ้าที่จะใช้มาปักเย็บตรึงให้เรียบ และเริ่มดำเนินการปักตามลาย โดยเริ่มจากการปักขอบลายด้วยดิ้นข้อก่อน เสร็จแล้วจึงปักด้านในของลายด้วยดิ้นโปร่งให้เต็มลาย"
"นอกจากการปักเครื่องโขนแล้ว ยังมีการทอผ้ายก โดยเป็นความร่วมมือระหว่าง ๒ ศูนย์ศิลปาชีพ ซึ่งจะมีการยกตะกรอมาจากศูนย์ศิลปาชีพ เนินธัมมัง มาสืบตะกรอที่สีบัวทอง และสามารถขึ้นกี่ทอได้เลยโดยสมาชิกศูนย์ศิลปาชีพสีบัวทอง เพื่อทำหน้าที่ในการทอจนเสร็จเป็นผืนเพื่อใช้ในการแสดงต่อไป โดย ผ้ายกทอง นั้นคือ ผ้าไหมที่ทอด้วยเทคนิคการยกลวดลายให้ปรากฏเด่นชัดขึ้น มีชื่อเสียงมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยาในฐานะที่เป็นผ้าราชสำนักซึ่งทอด้วยเส้นไหมเนื้อละเอียด แทรกลวดลายด้วยไหมเงิน ไหมทองที่บางเบา และทออย่างประณีตโครงสร้างของการวางลวดลาย อันประกอบด้วยท้องผ้าและกรวยเชิงมีลักษณะแบบราชสำนัก ที่ใช้สำหรับเจ้านายชั้นสูงในอดีต เป็นทั้งผ้านุ่งโจงและนุ่งจีบ โดยความพิเศษในอนาคตนั้น จะมีการพัฒนาลายให้ใหญ่เพิ่มเติมขึ้น เพื่อให้เห็นลวดลายชัดเวลานุ่ง จากเดิมที่เราใช้ ๑,๖๐๐ ลายไม้ ในอนาคตจะมีการทอ ๒,๐๐๐ ลายไม้ เพิ่มเติม" อาจารย์วีรธรรม กล่าวเพิ่มเติม
นอกเหนือจากการปักเครื่องโขน และการทอผ้ายกแล้ว ภูมิปัญญาที่ชาวบ้านสีบัวทอง ร่วมสืบทอดนั้น ยังมีการทำหัวโขน โดยการใช้กระดาษข่อย โดยเริ่มต้นเมื่อเดือนพฤศจิกายน ๒๕๕๘ เป็นต้นมา เป็นการทำแบบโบราณ มีข้อดี คือน้ำหนักเบา มีความทนทาน ไม่บุบและไม่ยุบ โดยผลงานการทำหัวโขนนี้ จะเริ่มนำไปใช้ในการแสดงโขนมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพฯ ปีพ.ศ.๒๕๖๐ รวมไปถึงการปั้นและวาดลวดลายเซรามิก โดยเริ่มต้นสร้างสรรค์ และมีการส่งไปเพื่อเป็นเครื่องใช้บนโต๊ะเสวย โดยลายแรกที่ทำนั้น ได้แก่ ลั่นทมขาว จากนั้น จึงมีการทำลายต่างๆ เพิ่มเติม ได้แก่ สัตบงกช (บัวหลวง) และกำลังเริ่มต้นวาดลายดอกไม้ พระนาม นอกจากนั้น เครื่องเซรามิก ได้จัดทำขึ้นเพื่อจำหน่ายเป็นของที่ระลึกให้แก่ผู้เข้าชมโขนมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพฯ บริเวณด้านหน้าโถงการแสดง ที่หอประชุมใหญ่ ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย อีกด้วย
สำหรับ การแสดงโขนมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพ ในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถประจำปี พ.ศ.๒๕๕๙ ตอน"พิเภกสวามิภักดิ์" กำหนดจัดแสดง ระหว่างวันที่ ๕ พฤศจิกายน –๕ธันวาคม ๒๕๕๙ณ หอประชุมใหญ่ ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทยผู้สนใจสามารถซื้อบัตรเข้าชมได้ตั้งแต่วันที่ ๑ สิงหาคม ๒๕๕๙เป็นต้นไปที่ไทยทิคเก็ต เมเจอร์ ทุกสาขา โทร.๐๒-๒๖๒-๓๔๕๖ หรือwww.thaiticketmajor.com บัตรราคา ๖๒o, ๘๒o, ๑,๐๒๐, ๑,๕๒๐ และ ๑,๘๒๐ บาท รอบนักเรียน นักศึกษา บัตรราคา๑๒o บาท (หยุดการแสดงทุกวันจันทร์)
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.khonperformance.com