ฟากอร์ เครื่องใช้ไฟฟ้าในครัวเรือนจากสเปน บุกไทยตั้งเป้าการขาย 50 ล้านบาท ในปีแรก

ข่าวทั่วไป Thursday August 30, 2001 14:01 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--30 ส.ค.--แม็กซิม่า คอนซัลแตนท์
บริษัท ฟากอร์ โฮม อัพไพลแอนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้นำเข้าเครื่องใช้ไฟฟ้าในครัวเรือน "ฟากอร์" แบรนด์อันดับหนึ่ง จากประเทศสเปน วางแผนบุกตลาดเมืองไทย ตั้งเป้าการขายปี 2544 ไม่ต่ำกว่า 50 ล้านบาท หวังสร้างส่วนแบ่งการตลาดในไทย 15% ภายใน 3 ปี
นางสาวสุนีย์ สันติสัมฤทธิ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฟากอร์ โฮม อัพไพลแอนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด ได้เปิดเผยว่า ฟากอร์ เป็นผู้นำด้านเครื่องไฟฟ้าในครัวเรือนจากยุโรป ของประเทศสเปน เป็นหนึ่งใน 120 บริษัท ในเครือ MCC (Mondragon Corporacion Cooperativa) กลุ่มบริษัทมหาชนที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก โดยมีพนักงานกว่า 60,000 คน ประกอบธุรกิจทางด้านการเงิน อุตสาหกรรม และการขนส่ง โดยมี ยอดขายในเครือเมื่อปีที่ผ่านมา 2.87 ล้านล้านบาท ในขณะที่ ฟากอร์ มียอดขายรวมทั่วโลกที่ 44,000 ล้านบาท ในด้านเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน ฟากอร์ เจริญเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องทั้งในตลาดภายในประเทศ และตลาดระหว่างประเทศ จนถึงปัจจุบัน ฟากอร์มีส่วนแบ่งตลาด 24% ภายในประเทศสเปน โดยฟากอร์ ได้เล็งเห็นถึงศักยภาพของตลาดภูมิภาคเอเชีย จึงได้เข้ามาลงทุนเปิดบริษัทพร้อมกัน 3 แห่ง เมื่อกลางปี 2543 ได้แก่ ไทย มาเลเซีย และจีน และคาดว่าในอนาคตจะไปเปิดที่ประเทศสิงคโปร์ อินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์ โดยเป็นธุรกิจเกี่ยวกับการนำเข้าเครื่องใช้ไฟฟ้าและอุปกรณ์สำหรับใช้งานในครัวเรือนเกือบทุกประเภทกว่า 200 รายการ โดยมีกลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้า ประเภทประกอบอาหาร ได้แก่ เตาอบ, เตาอบไม่โครเวฟ, เตาประกอบอาหาร, เครื่องดูดควัน ประเภทซักล้าง ได้แก่ เครื่องซักผ้า, เครื่องล้างจาน, อ่างล้างจาน, ก๊อกน้ำ และ กลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้าอื่นๆ ได้แก่ ตู้เย็น, เครื่องทำน้ำร้อน และเครื่องใช้ไฟฟ้าขนาดย่อม เช่น หม้อแรงดันสแตนเลส, กะทะเทฟล่อน, เครื่องชงกาแฟ, เครื่องทำแซนวิช, เครื่องเป่าผม, เครื่องสกัดน้ำผักและผลไม้, เครื่องคั้นน้ำส้ม, เครื่องปิ้งขนมปัง เป็นต้น ซึ่งผลิตภัณฑ์ "ฟากอร์" ได้รับการรับรองคุณภาพมาตรฐาน ISO 9001 และ ISO 14001 และขณะนี้กำลังอยู่ในขั้นตอนการจัดทำระบบการบริหารคุณภาพสูงสุด TQM (Total Quality Management) และด้วยศักยภาพด้านการผลิต การวิจัย และการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ทำให้สินค้าได้มาตรฐานตรงตามความต้องการของผู้บริโภคทั้งด้านดีไซน์ที่โดดเด่น ดูทันสมัย และการใช้งานที่สะดวกสบาย จึงมั่นใจว่าสินค้าฟากอร์จะได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากผู้บริโภคชาวไทยเหมือนเช่นที่ยุโรป โดยได้เริ่มวางตลาดเมื่อต้นปีที่ผ่านมา
นางสาวสุนีย์ ยังกล่าวเพิ่มเติมว่า บริษัทฯ มีช่องทางการจัดจำหน่ายสินค้าประเภท Built-in (บิลท์-อิน) ผ่านตัวแทนจำหน่ายในตลาดสุขภัณฑ์,ผ่านตัวแทนจำหน่ายในตลาดเฟอร์นิเจอร์ชุดครัว, ร้านจัดจำหน่ายเครื่องใช้ไฟฟ้า, บริษัทสถาปนิก, โครกงารอสังหาริมทรัพย์, และสำหรับเครื่องใช้ไฟฟ้าประเภท Free Standing และเครื่องใช้ไฟฟ้าขนาดย่อม ได้วางจำหน่ายตามห้างสรรพสินค้า, ดิสเคาน์สโตร์, ร้านจัดจำหน่ายเครื่องใช้ไฟฟ้า นอกจากนี้บริษัทฯ ยังได้เปิดโชว์รูมและศูนย์บริการหลังการขาย ซึ่งขณะนี้มีที่กรุงเทพฯ เชียงใหม่ ภูเก็ต และอุบลราชธานี และคาดว่าภายในสิ้นปี 2544 จะสามารถเปิดโชว์รูมและศูนย์บริการเพิ่มอีก 6 แห่ง อาทิ ที่ อุดรราชธานี นครราชสีมา ขอนแก่น หาดใหญ่ พัทยา และ ระยอง
นอกจากนี้ นายณัฐกิจ เลิศศักดาเดช ผู้จัดการฝ่ายขายและการตลาด ได้กล่าวว่า ปัจจุบันฟากอร์ เป็นผู้นำตลาดในประเทศสเปนและเป็นยี่ห้อระดับโลกที่มีการวางจำหน่ายในกว่า 80 ประเทศทั่วโลก สำหรับในไทย ทางบริษัทฯ จะมุ่งเน้นกลุ่มลูกค้าเป้าหมายหลักในกรุงเทพฯ และจังหวัดใหญ่ๆ ในทุกภูมิภาค โดยการขยายช่องทางการจัดจำหน่าย เพื่อความสะดวกในการเลือกซื้อของลูกค้า มีเทรนนิ่ง เซ็นเตอร์ คอยให้คำปรึกษาชี้แนะแก่ลูกค้า และจุดขายเน้นที่การบริการหลังการขาย อาทิ รับประกันนานถึง 3 ปี และบริการตรวจเช็คสินค้าฟรี ทุก 6 เดือน เป็นเวลา 2 ปี การจัดกิจกรรมที่เป็นประโยชน์ให้แก่สมาชิกครอบครัวฟากอร์ เน้นความรวดเร็วในการให้บริการ ซึ่งถือว่าเป็นจุดแข็งของบริษัทฯ ส่วนเครื่องไฟฟ้าขนาดเล็ก จะมีการรับประกัน 1 ปี เช่นเดียวกับยี่ห้ออื่นๆ ในท้องตลาด ส่วนสาเหตุที่บริษัทกล้าเข้ามาทำตลาดในภาวะเศรษฐกิจขณะนี้ เนื่องจากมั่นใจในคุณภาพสินค้า และการบริการหลังการขาย สินค้าจะนำเข้า 100% ซึ่งยังไม่แผนที่จะผลิตในประเทศไทย โดยเครื่องซักผ้าเป็นสินค้าที่ทำกำไรให้กับบริษัทฯ มากที่สุด และตู้เย็น รองลงมา
สำหรับในด้านการส่งเสริมการขาย ขณะนี้บริษัทฯ ได้จัดรายการลดราคาท้าลอง 25%-40% กว่า 70 รายการ จนถึงวันที่ 30 พ.ย.2544 เพื่อให้ลูกค้าลองซื้อและใช้สินค้าจะได้ทราบถึงคุณภาพสินค้าและการบริการ ทางบริษัทฯ ได้ใช้งบทำกิจกรรมส่งเสริมการขายปีนี้ 15 ล้านบาท และได้ตั้งเป้าหมายขายของปี 2544 ไม่ต่ำกว่า 50 ล้านบาท และยังหวังสร้างการบริการให้เป็นที่ยอมรับใน 5 อันดับแรกของตลาด อีกทั้งจะสร้างมาร์เก็ตแชร์ 15% ภายใน 3 ปี--จบ--
-นห-

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ