กรุงเทพฯ--16 ส.ค.--พีอาร์ดีดี
นายสมิทธ์ พนมยงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ไทยพาณิชย์ จำกัด เปิดเผยว่า บลจ.ไทยพาณิชย์เตรียมจ่ายเงินปันผลกองทุนหุ้นที่ลงทุนในตลาดหุ้นไทย สำหรับผลการดำเนินงานระหว่างวันที่ 1 สิงหาคม 2558 – วันที่ 31 กรกฎาคม 2559 โดยจะจ่ายให้กับผู้ถือหน่วยพร้อมกันในวันที่ 19สิงหาคม 2559 พร้อมกันจำนวน 3 กองทุน ประกอบด้วย กองทุนเปิดไทยพาณิชย์ ซีเล็คท์ อิควิตี้ ฟันด์ (SCBSE) ในอัตรา 0.8000 บาทต่อหน่วย ซึ่งเป็นครั้งที่ 11รวมจ่ายปันผล 5.8600 บาทต่อหน่วย (นับจากจัดตั้ง 28 มิ.ย.2544) กองทุนเปิดไทยพาณิชย์ SET BANKING SECTOR INDEX (SCBBANKING) ในอัตรา 0.2500บาทต่อหน่วย เป็นครั้งที่ 5 รวมจ่ายปันผล 3.2000 บาทต่อหน่วย (นับจากจัดตั้ง 28 มิ.ย.2544) และกองทุนเปิดไทยพาณิชย์ SET ENERGY SECTOR INDEX (SCBENERGY) ในอัตรา 0.1000 บาทต่อหน่วย เป็นครั้งที่ 4 รวมจ่ายปันผล 0.8700 บาทต่อหน่วย (นับจากจัดตั้ง 28 มิ.ย.2544)
สำหรับผลการดำเนินงานของทั้ง 3 กองทุนดังกล่าวในช่วง 1 ปีที่ผ่าน ถือว่าอยู่ในระดับที่น่าพอใจเนื่องจากสูงกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับเกณฑ์มาตรฐาน (ข้อมูล ณ วันที่ 5 ส.ค.59) ทั้งนี้กองทุน SCBSE มีผลการดำเนินงานอยู่ที่ 17.32% สูงกว่าดัชนี SET INDEX ซึ่งอยู่ที่ 5.73% โดยมีนโยบายเน้นลงทุนในหุ้นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย จำนวนไม่เกิน 30 หลักทรัพย์ที่มีปัจจัยพื้นฐานดี มั่นคง กองทุน SCB BANKING มีผลการดำเนินงานอยู่ที่ 8.79% ขณะที่SETBANKING INDEX อยู่ที่ 6.31% ส่วนกองทุน SCBENERY มีผลการดำเนินงาน 7.29% ขณะที่ SETENERY INDEX อยู่ที่ 4.44%
นอกจากนี้ บลจ.ไทยพาณิชย์ ยังเตรียมที่จะจ่ายเงินปันผลกองทุนที่ลงทุนในหุ้นต่างประเทศ อีกจำนวน 3 กองทุน สำหรับผลการดำเนินงานระหว่างวันที่ 1กุมภาพันธ์ 2559 - วันที่ 31 กรกฎาคม 2559 โดยจะจ่ายให้กับผู้ถือหน่วยพร้อมกันในวันที่ 22 สิงหาคม 2559 ได้แก่ กองทุนเปิดไทยพาณิชย์หุ้นยุโรป (SCBEUEQ)ในอัตรา 0.1648 บาทต่อหน่วย ซึ่งเป็นครั้งที่ 4 รวมจ่ายปันผล 0.4948 บาทต่อหน่วย (นับจากจัดตั้ง 26 ก.พ.2557) กองทุนเปิดไทยพาณิชย์โกลบอลอิควิตี้ (SCBGEQ) ในอัตรา 0.1244 บาทต่อหน่วย ถือว่าเป็นครั้งที่ 4 รวมเป็นจ่ายปันผล 0.6744 บาทต่อหน่วย (นับจากจัดตั้ง 14 ก.พ.2556) และกองทุนเปิดไทยพาณิชย์หุ้นจีน เอแชร์ (SCBCHA) จ่ายปันผลเป็นครั้งแรกในอัตรา 0.0408 บาทต่อหน่วย (นับจากจัดตั้ง 13 ก.พ.2558)
ในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมากองทุนหุ้นต่างประเทศทั้ง 3 กองทุนดังกล่าวสามารถปรับตัวเป็นบวก (ข้อมูล ณ วันที่ 5 ส.ค.59) โดยกองทุนเปิดไทยพาณิชย์หุ้นยุโรป มีนโยบายการลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุนรวมต่างประเทศเพียงกองทุนเดียว ได้แก่ iShares STOXX Europe 600 (DE) มีผลการดำเนินงาน 3.90% สามารถชนะเกณฑ์มาตรฐานซึ่งอยู่ที่ 2.89% กองทุนเปิดไทยพาณิชย์ โกลบอลอิควิตี้ มีนโยบายเน้นลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุนรวมต่างประเทศเพียงกองทุนเดียว ได้แก่ กองทุน Veritas Global Focus (กองทุนหลัก) ชนิดหน่วยลงทุน (share class) "C share class" ใน class ที่ลงทุนด้วยสกุลเงินดอลล่าร์สหรัฐ (USD) มีผลการดำเนินงานอยู่ที่ 13.29% ขณะที่เกณฑ์มาตรฐานอยู่ที่ 12.29% ส่วนกองทุนเปิดไทยพาณิชย์หุ้นจีนเอแชร์ ซึ่งเน้นลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุนรวมต่างประเทศเพียงกองทุนเดียว ได้แก่ ChinaAMC CSI 300 Index ETF มีผลการดำเนินงานอยู่ที่ 6.91% เกณฑ์มาตรฐานอยู่ที่ 8.14%
นายสมิทธ์ กล่าวถึงภาพรวมการลงทุนตลาดหุ้นไทยว่า เศรษฐกิจที่มีแนวโน้มฟื้นตัวดีทั้งในส่วนของการบริโภคภาคเอกชน และความคืบหน้าในการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน รวมถึงการเมืองที่เริ่มมีเสถียรภาพจะเป็นปัจจัยที่สนับสนุนให้ตลาดหุ้นไทยมีความน่าสนใจเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับตลาดหุ้นภูมิภาค ทั้งนี้แนวโน้มอัตราดอกเบี้ยต่ำในหลายประเทศ และการดำเนินนโยบายผ่อนคลายทางการเงินของธนาคารกลางหลักๆ ทั่วโลกจะสนับสนุนให้มีเงินทุนไหลเข้าสินทรัพย์เสี่ยงที่มีพื้นฐานดี รวมถึงตลาดหุ้นไทยต่อไปอีกระยะหนึ่ง ส่งผลให้โอกาสในการขยายตัวของตลาดหุ้นไทยมีเพิ่มมากขึ้น
ส่วนภาพรวมการลงทุนในตลาดหุ้นต่างประเทศนั้น มองว่าจากสภาพคล่องในตลาดเงินที่เพิ่มขึ้นจากอัตราดอกเบี้ยที่อยู่ในระดับต่ำ และการดำเนินนโยบายการเงินผ่อนคลายของธนาคารกลางในหลายประเทศที่ช่วยประคับประคองเศรษฐกิจเป็นปัจจัยที่สนับสนุนให้มีเงินทุนไหลเข้าสินทรัพย์เสี่ยง ส่งผลให้ตลาดหุ้นทั่วโลกปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมา ทั้งนี้แนวโน้มอัตราดอกเบี้ยที่คาดว่าจะอยู่ในระดับต่ำไปอีกระยะหนึ่งจะยังคงสนับสนุนการขยายตัวของตลาดหุ้น โดยเฉพาะในประเทศที่พื้นฐานเศรษฐกิจแข็งแกร่งและมีปัจจัยที่สนับสนุนการเติบโต