กรุงเทพฯ--16 ส.ค.--สมาคมวิทยาศาสตร์สัตว์ปีกโลกสาขาประเทศไทย
แพทย์ระบุหลายปัจจัยมีผลต่อการหลั่งฮอร์โมนในสมองเด็ก พร้อมชี้ไม่ควรปรักปรำไก่เหตุไม่มีหลักฐานยืนยันว่าเด็กโตเร็วจากเนื้อสัตว์ปนเปื้อนฮอร์โมน ด้านสัตวแพทย์ย้ำเทคโนโลยีพัฒนาสายพันธุ์ไก่ตามธรรมชาติช่วยอัตราเติบโตของไก่เร็วขึ้น ผนวกมาตรฐานการเลี้ยง การกำกับดูแลของกรมปศุสัตว์และคำสั่งซื้อของประเทศคู่ค้าที่เข้มงวดด้านความปลอดภัยในอาหาร ล้วนการันตีไก่ไทยไม่ใช้ฮอร์โมน
พญ.อุมาพร สุทัศน์วรวุฒิ ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทย์ศาสตร์ รพ.รามาธิบดีกล่าวในงานสัมมนาหัวข้อ ไก่ไทยปลอดภัยไม่ใช้ฮอร์โมน จัดโดยสมาคมวิทยาศาสตร์สัตว์ปีกโลกสาขาประเทศไทย ว่าเด็กจะเข้าสู่วัยหนุ่มสาวในช่วงอายุ 8-13 ปี เด็กที่มีภาวะเป็นหนุ่มสาวก่อน 8 ปีจะถือว่าเป็นสาวก่อนวัย และหากเป็นหนุ่มสาวหลัง 13 ปีไปแล้วจะถือว่าเป็นสาวช้ากว่าปกติ โดยภาวะโตเป็นหนุ่มสาวเร็วหรือช้านั้นเกิดจากหลายปัจจัยได้แก่ กรรมพันธุ์ สิ่งแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงได้ (เช่น โภชนาการ การออกกำลังกาย พฤติกรรมต่างๆ) และโรคภัยไข้เจ็บของเด็ก ซึ่งต้องพิจารณาเป็นองค์รวมจะระบุว่าเป็นเพราะปัจจัยใดปัจจัยหนึ่งไม่ได้ อย่างไรก็ตาม งานวิจัยทางการแพทย์หลายชิ้นยืนยันว่า ภาวะโภชนาการเกินหรือภาวะอ้วนในเด็ก มีผลต่อการหลั่งฮอร์โมนเจริญเติบโตของร่างกายและเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกิดภาวะโตเร็ว ส่วนเนื้อไก่ที่อาจมีคนมองว่าเป็นเหตุให้เกิดภาวะโตเร็วนั้น เป็นเพราะความเชื่อเก่าๆที่สมัยก่อนมีการฝังฮอร์โมนเลี้ยงไก่ แต่ปัจจุบันการผลิตไก่ก้าวหน้าไปมาก มีกฏหมายควบคุมไม่ให้มีการใช้ฮอร์โมนแล้ว ที่สำคัญ ยังไม่มีหลักฐานทางการแพทย์ใดๆ ระบุว่าเด็กโตเร็วเพราะกินเนื้อสัตว์ปนเปื้อนฮอร์โมนเลย ขณะที่เด็กหลายๆคนที่ไม่รับประทานเนื้อไก่ก็ประสบภาวะโตเร็วเช่นกัน
น.สพ.ศศิ เจริญพจน์ กองควบคุมอาหารและยาสัตว์ กรมปศุสัตว์ ยืนยันว่า สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยามีประกาศกระทรวงสาธารณสุขที่ 417 /2528 ลงวันที่ 23 กันยายน 2529 เพิกถอนทะเบียนตำรับยาสำหรับสัตว์ Hexoestrol ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่ใช้ในสัตว์ปีก หากมีการลักลอบใช้ถือว่าผิดกฎหมาย และกรมปศุสัตว์มีการเฝ้าระวัง ตลอดจนสุ่มตรวจฮอร์โมนในเนื้อสัตว์ปีกเป็นประจำทุกปี โดยสำนักตรวจสอบคุณภาพสินค้าปศุสัตว์ รายงานว่าในช่วงปี 2553 – 2559 มีการสุ่มตัวอย่างสัตว์ปีกจำนวน 2,192 ตัวอย่าง และไม่พบฮอร์โมนตกค้างแม้แต่ตัวอย่างเดียว
น.สพ.บริสุทธิ์ วรรณสุทธิ์ นักวิชาการ บริษัท คอบบ์ แวนเทรส เอเชีย (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทผู้ผลิตและพัฒนาสายพันธุ์ไก่เนื้อ (สายพันธุ์ COBB) ประเทศสหรัฐอเมริกา ระบุว่ากรณีที่ไก่เนื้อทุกวันนี้โตเร็วกว่าในอดีตนั้น เป็นเพราะกระบวนการคัดเลือกสายพันธุ์ตามธรรมชาติที่พัฒนาโดยใช้หลักการพื้นฐานวิชาพันธุศาสตร์ โดยไก่จะต้องผ่านเกณฑ์ลักษณะเด่นทางพันธุกรรม จึงจะถูกคัดเลือกเพื่อนำไปขยายพันธุ์ต่อ เมื่อไก่ที่ได้รับการพัฒนาด้านพันธุกรรมที่ดีแล้ว นำไปเลี้ยงในสิ่งแวดล้อมที่เหมาะสม ให้อาหารที่มีโภชนาการที่ดีกับการเจริญเติบโตของไก่แต่ละช่วงวัย ภายใต้การเลี้ยงที่ถูกต้อง และมีมาตรฐานการป้องกันโรคที่ดี ไก่เนื้อก็จะแสดงลักษณะภายนอกที่ชัดเจน คือ เติบโตรวดเร็ว และแข็งแรงตามพันธุกรรมธรรมชาติ
การคัดเลือกสายพันธุ์ตามธรรมชาติ (Genetic Breeding) ที่ใช้นั้น แตกต่างกับการตัดแต่งพันธุกรรม (GMO)อย่างสิ้นเชิงและไม่มีอันตรายใดๆ จากเทคโนโลยีดังกล่าวทำให้อัตราการเติบโตของไก่สูงขึ้นทุกปีๆละ 45-50 กรัม โดยปัจจุบันใช้เวลา 6 สัปดาห์ จะได้ไก่ขนาด 2.5 กก. แต่ในอีก 10 ปีข้างหน้าอุตสาหกรรมไก่ของโลกจะสามารถเลี้ยงไก่ในเวลา 6 สัปดาห์ จะได้น้ำหนักไก่ถึง 3 กก. โดยไม่มีการใช้ฮอร์โมนใดๆ
ด้าน น.สพ.พยุงศักดิ์ สมยานนทนากุล นักวิชาการ บมจ.เจริญโภคภัณฑ์อาหาร กล่าวว่า เป็นไปไม่ได้เลยที่อุตสาหกรรมไก่เนื้อของไทยจะใช้สารเร่งการเจริญเติบโต เพราะผิดทั้งกฎหมายของประเทศไทย และขัดต่อข้อบังคับของสหภาพยุโรป ซึ่งเป็นกลุ่มประเทศคู่ค้าสำคัญ อีกทั้งปัจจัยสนับสนุนทั้ง 5 ข้อได้แก่ พันธุ์สัตว์ที่ดี อาหารสัตว์คุณภาพดี โรงเรือนและอุปกรณ์ทันสมัย การดูแลด้านสวัสดิภาพสัตว์ที่ดี และระบบการป้องกันโรคที่ดี ก็ทำให้ไก่เนื้อของไทยเติบโตเร็วอยู่แล้วโดยไม่จำเป็นต้องใช้สารเร่งใดๆ
ทั้งนี้ กระบวนการบริหารจัดการฟาร์มที่พัฒนาอยู่ตลอดเวลา สามารถช่วยให้ไก่ที่เลี้ยงเติบโตได้เร็ว โดยเฉพาะการเลี้ยงด้วยระบบโรงเรือนปิดปรับอากาศด้วยการระเหยของน้ำที่สามารถควบคุมองค์ประกอบของการอยู่สบายได้ตามที่ไก่ต้องการ มีระบบอัตโนมัติในการให้อาหารและน้ำอย่างเพียงพอ ตามหลักสวัสดิภาพสัตว์ที่ดี ตลอดจนปัจจัยด้านการป้องกันโรค และการจัดการฟาร์มที่ดี รวมไปถึงการจับและขนส่งสู่โรงงานชำแหละด้วยรถขนส่งที่ถูกควบคุมด้วยระบบดาวเทียม (GPS) สามารถตรวจสอบเส้นทาง และสภาพการขนส่งได้ตลอดเวลา เพิ่มความมั่นใจในระบบอาหารปลอดภัยอีกขั้นตอนหนึ่ง หรือแม้แต่ภายในโรงงานแปรรูปเนื้อไก่ ยังต้องมีการตรวจสอบสารตกค้างทุกครั้ง ทั้งนี้ เพื่อยืนยันว่าไก่ไทยปลอดภัยและปราศจากสารตกค้างใดๆ
ปัจจุบัน ไทยเป็นผู้ส่งออกเนื้อไก่อันดับ 4 ของโลก สร้างรายได้จากการส่งออกเนื้อไก่ไปยังนานาประเทศปีละกว่า 8 หมื่นล้านบาท ซึ่งต้องถูกตรวจสอบมาตรฐานสินค้ารวมถึงสารตกค้างต่างๆ จากประเทศคู่ค้าอยู่ตลอดเวลา จนเป็นที่ยอมรับของประเทศต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสหภาพยุโรปและญี่ปุ่นที่มีมาตรฐานความปลอดภัยทางอาหารสูงมาก จึงมั่นใจได้ในไก่เนื้อของไทยว่าปลอดภัย ไม่ใช้ฮอร์โมน