กรุงเทพฯ--16 ส.ค.--มกอช.
เกษตรฯ เตรียมเปิดเวทีรับฟังข้อคิดเห็นผู้เกี่ยวข้องทั้งระบบ ก่อนตีกรอบฉลากสินค้าเกษตรอินทรีย์ เป็นมาตรฐานบังคับคาดผลักดันให้ใช้ได้ภายในปี'60 หวังดันไทยเป็นฐานตลาดสินค้าออร์แกนิกอาเซียนพร้อมป้องผลกระทบการติดฉลากอินทรีย์โดยสินค้าไม่ผ่านการรับรองในอนาคต
พลเอก ฉัตรชัย สาริกัลยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า กระทรวงเกษตรฯมีนโยบายชัดเจนในการส่งเสริมให้เกษตรกรผลิตสินค้าเกษตรที่ปลอดภัยมีคุณภาพ ได้มาตรฐานมากกว่าการเน้นที่ปริมาณการผลิตแต่เพียงอย่างเดียว โดยกระทรวงเกษตรฯ มีนโยบายส่งเสริมสนับสนุนระบบการผลิตแบบเกษตรอินทรีย์ หรือออร์แกนิก (Organic) เพื่อยกระดับผลผลิตให้มีคุณภาพและมีความปลอดภัยเป็นไปตามความต้องการของตลาด ซึ่งประเทศไทยถือเป็นแหล่งผลิตสินค้าเกษตรอินทรีย์หรือออร์แกนิคที่มีศักยภาพของภูมิภาคอาเซียน โดยปัจจุบันมีพื้นที่เกษตรอินทรีย์ที่ได้รับการรับรองมาตรฐานแล้วกว่า 150,000 ไร่ และมีการส่งออกผลิตภัณฑ์สินค้าเกษตรอินทรีย์ปีละประมาณ 3,000 - 4,000 ล้านบาท ขณะที่ความต้องการของตลาดมีแนวโน้มขยายตัวเพิ่มขึ้นทั้งในและต่างประเทศ ทำให้มีผู้ประกอบการบางรายฉวยโอกาสแอบติดฉลาก"อินทรีย์" โดยที่สินค้าไม่ได้มาตรฐานและไม่ผ่านการรับรองจำนวนมาก ส่งผลให้ผู้บริโภคภายในประเทศ รวมถึงประเทศคู่ค้าขาดความเชื่อมั่นต่อสินค้าเกษตรอินทรีย์ของไทย และกระทบต่อภาพลักษณ์สินค้าเกษตรอินทรีย์โดยรวม
จากปัญหาดังกล่าวกระทรวงเกษตรฯ ได้มอบหมายให้ มกอช.เร่งจัดทำร่างมาตรฐานสินค้าเกษตร เรื่อง การแสดงฉลากสินค้าเกษตรอินทรีย์ พร้อมผลักดันเป็นมาตรฐานบังคับ ภายใต้พระราชบัญญัติมาตรฐานสินค้าเกษตรเพื่อควบคุมการแสดงฉลากและใช้ชื่อ "อินทรีย์" บนสินค้าเกษตรอินทรีย์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมใช้เป็นเกณฑ์อ้างอิงในการปฏิบัติ การตรวจสอบรับรองมาตรฐาน และกำกับดูแลสินค้าที่ติดฉลากเกษตรอินทรีย์ที่ผลิตและจำหน่ายทั้งภายในประเทศ และสินค้านำเข้า เพื่อปกป้องคุ้มครองผู้บริโภค และขับเคลื่อนแผนพัฒนาเกษตรอินทรีย์ตามนโยบายรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ให้เป็นรูปธรรมด้วย
ด้านนายพิศาล พงศาพิชณ์รองเลขาธิการสำนักงานมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติ (มกอช.) กล่าวว่า ขณะนี้ร่างมาตรฐานฯการแสดงฉลากสินค้าเกษตรอินทรีย์ ได้ผ่านการพิจารณาจากคณะกรรมการวิชาการพิจารณามาตรฐานสินค้าเกษตรเรื่องเกษตรอินทรีย์แล้ว อยู่ระหว่างขั้นตอนเปิดรับฟังความคิดเห็นและข้อเสนอแนะจากผู้มีส่วนได้ส่วนเสียและผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่ายครอบคลุมทั่วประเทศ โดยในครั้งแรก มกอช. ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดเวทีระดมความเห็นต่อร่างมาตรฐานฯ การแสดงฉลากสินค้าเกษตรอินทรีย์เป็นมาตรฐานบังคับ ในวันที่ 10 ส.ค.นี้ ณ โรงแรมอมารี ดอนเมือง กรุงเทพฯ เพื่อนำข้อมูลมาปรับปรุงร่างมาตรฐานฯให้มีความสมบูรณ์เป็นที่ยอมรับของทั้งเกษตรกร ผู้ประกอบการ และผู้บริโภค และสามารถนำไปใช้ปฏิบัติได้จริง ก่อนที่จะเสนอให้ ครม.พิจารณาประกาศใช้เป็นมาตรฐานบังคับของประเทศต่อไป เบื้องต้นคาดว่ากระทรวงเกษตรฯจะเร่งผลักดันให้ประกาศมาตรฐานฯการแสดงฉลากสินค้าเกษตรอินทรีย์ภายในปี 2560 นี้ แต่จะให้เวลาปรับตัวเตรียมความพร้อมเป็นเวลา 3 ปี ซี่งคาดว่าจะบังคับใช้ในทางปฏิบัติในปี 2563
"ปัจจุบันไทยสามารถผลิตสินค้าเกษตรอินทรีย์ได้ปีละกว่า 50,000 ตัน มีทั้งข้าวอินทรีย์ พืชผัก ผลไม้ พืชสมุนไพร ชา กาแฟ เครื่องเทศ สัตว์น้ำ และปศุสัตว์อินทรีย์ ซึ่งสินค้าส่วนใหญ่ส่งออกไปจำหน่ายยังต่างประเทศ สำหรับช่องทางตลาดสินค้าเกษตรอินทรีย์ภายในประเทศนั้น ประกอบด้วย ซุปเปอร์มาร์เก็ต ร้านค้า ตลาดสินค้าเพื่อสุขภาพหรือตลาดกรีน ตลาดนัดชุมชน ตลาดซื้อขายโดยตรงจากเกษตรกร และผู้ประกอบการบางรายยังเปิดซื้อขายผ่านทางออนไลน์ด้วย"นายพิศาล กล่าว