กรุงเทพฯ--17 ส.ค.--มีเดีย แพลนเนอร์ คอนซัลแทนท์
บล.โกลเบล็ก เผยดัชนีตลาดหุ้นไทยรับปัจจัยบวกราคาน้ำมันที่ปรับตัวขึ้น มองความไม่สงบในจังหวัดภาคใต้กระทบต่อความมั่นใจในการลงทุนแค่ช่วงสั้น ให้กรอบดัชนี 1,525 - 1,555 จุด แนะลงทุนหุ้นปันผลครึ่งปีแรกโดดเด่น ชู INTUCH -ADVANC -TCAP -KKP ด้านราคาทองคำยังผันผวน หลังตัวเศรษฐกิจสหรัฐออกมาต่ำกว่าคาด โดยมีแนวรับ 1,315 – 1,310 เหรียญต่อทรอยออนซ์ และแนวต้าน 1,365-1,370 เหรียญต่อทรอยออนซ์
น.ส.วิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด หรือ GBS เปิดเผยว่า ทิศทางตลาดหุ้นไทยสะท้อนปัจจัยบวกราคาน้ำมันปรับตัวขึ้น หลังรัสเซียเตรียมหารือกับซาอุฯ และประเทศผู้ผลิตน้ำมันรายอื่นๆ เกี่ยวกับการรักษาเสถียรภาพตลาดน้ำมัน และกลุ่มโอเปกจะจัดประชุม 26 – 28 ก.ย. เพื่อรักษาสมดุลของราคาน้ำมันดิบส่งผลบวกเชิงจิตวิทยาต่อหุ้นกลุ่มพลังงาน ขณะเดียวกันนักลงทุนต่างชาติมีการซื้อสุทธิตลาดหุ้นไทยในช่วง 2 เดือน (ก.ค.-ส.ค.) มูลค่า 6.9 หมื่นล้านบาทแม้จะขายสุทธิสลับออกมาบ้าง
ส่วนปัจจัยส่งผลเชิงลบต่อทิศทางตลาดหุ้นไทยนั้น ยังคงต้องจับตาเหตุการณ์ความไม่สงบในจังหวัดภาคใต้ในชุมชน และแหล่งท่องเทียวซึ่งมีทั้งผู้บาดเจ็บและผู้เสียชีวิตกระทบต่อความมั่นใจในการลงทุน ประกอบกับธนาคารแห่งประเทศไทยแนะจับตาNPL แบงก์รัฐใกล้ชิด โดยหนี้เสียอยู่ที่ 5.9% ของสินเชื่อรวม ส่วนสินเชื่อโตแค่ 4.4% และตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐที่แข็งแกร่งอาจส่งผลให้ FED ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างน้อย 1 ครั้งในปีนี้สอดคล้องกับความเห็นของประธานธนาคารกลางสหรัฐสาขานิวยอร์กและแอตแลนตาส่งสัญญาณว่าอาจจะปรับขึ้นดอกเบี้ย
นอกจากนี้ยังคงต้องจับตารายงานการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันที่ 18 ส.ค. ที่จะรายงานผลการประชุมเมื่อวันที่ 26-27 ก.ค.ที่ผ่านมา และวันที่ 26 ส.ค.จะมีการประชุมประจำปีของธนาคารกลางสหรัฐ ซึ่งนางเจเน็ต เยลเลน ประธานเฟด จะขึ้นกล่าวในการประชุมครั้งนี้โดยอาจมีการส่งสัญญาณเกี่ยวกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้
ด้านนายชัยยศ จิวางกูร ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บล.โกลเบล็ก กล่าวว่า ภาวะตลาดหุ้นไทยสัปดาห์นี้ได้ปัจจัยหนุนจากFund Flow ต่างชาติ และ GDP ไตรมาส 2/2559 ของไทยที่ออกมาดีกว่าคาด แต่ความกังวลต่อเหตุการณ์ระเบิดในหลายพื้นที่ภาคใต้ ความกังวลว่าธนาคารกลางสหรัฐอาจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งหน้า ทำให้เกิดมีแรงขายระยะสั้นออกมา รวมถึงภาวะOverbought ทางเทคนิคจะเป็นตัวกดดันให้ดัชนีมีความผันผวนง่าย
ดังนั้นประเมินว่า SET จะแกว่งตัวในกรอบ 1,525 - 1,555 จุด โดยแนะนำซื้อเก็งกำไรแบบ Selective Buy ได้แก่ มพลังงานรับอานิสงส์ราคาน้ำมันที่ปรับตัวขึ้น และกลุ่มปันผลครึ่งปีโดดเด่น ได้แก่ INTUCH, ADVANC, TCAP และKKP
สำหรับแนวทางการลงทุนในทองคำ นายสุทธิพงษ์ ศรีพรประเสริฐ นักวิเคราะห์การลงทุน บล.โกลเบล็ก เปิดเผยว่า ราคาทองคำแกว่งตัวผันผวนในกรอบแคบในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาโดยมีปัจจัยที่เข้ามากระทบได้แก่รายงานตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 2 ของสหรัฐที่ขยายตัวเพียง 1.2% ซึ่งต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ระดับ 2.6% รวมถึงรายงานตัวเลขยอดค้าปลีกสหรัฐเดือนก.ค.ไม่เปลี่ยนแปลงจากเดือนมิ.ย.จากที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้น และดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ปรับลดลงผิดคาดในเดือนก.ค. เมื่อเทียบรายเดือนซึ่งลดลงครั้งแรกในรอบ 4 เดือนและลดลงมากที่สุดนับแต่เดือนก.ย.58 ประกอบกับตัวเลขดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI)สหรัฐที่ทรงตัวในเดือนก.ค.เมื่อเทียบรายเดือน ได้ลดแรงกดดันด้านเงินเฟ้อซึ่งเป็นปัจจัยในการตัดสินใจขึ้นดอกเบี้ยของเฟด ทำให้ตลาดคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะยังไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในระยะใกล้นี้เป็นปัจจัยบวกต่อทองคำ
อย่างไรก็ตามการที่นายวิลเลียม ดัดลีย์ ประธานเฟดสาขานิวยอร์ก ได้ออกมาเปิดเผยว่า มีความเป็นไปได้ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมวันที่ 20-21 ก.ย.นี้จากเศรษฐกิจสหรัฐที่มีแนวโน้มปรับตัวแข็งแกร่งขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง ขณะที่นายเดนนิส ล็อคฮาร์ท ประธานเฟดสาขาแอตแลนตา กล่าวว่า เศรษฐกิจสหรัฐมีความแข็งแกร่งเพียงพอที่จะรองรับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างน้อย 1 ครั้งก่อนสิ้นปีนี้ ได้เพิ่มความกังวลต่อแนวโน้มการขึ้นดอกเบี้ยของสหรัฐซึ่งจะกลับมาสร้างแรงกดดันต่อทองคำ
ดังนั้นประเมินแนวโน้มราคาทองคำยังคงอยู่ในช่วงพักตัวจากแรงกดดันสัญญาณ Dead Cross รวมถึงแนวพักตัวที่อยู่ในช่วงแขนของรูปแบบ Bearish Flag ระยะสั้น ทำให้ราคายังมีแรงกดดันการปรับตัวลงรอบใหม่ โดยมีแนวรับ 1,315 – 1,310 เหรียญต่อทรอยออนซ์ และแนวต้าน 1,365-1,370 เหรียญต่อทรอยออนซ์