กรุงเทพฯ--26 ธ.ค.--เอ็น.ซี.ซี. แมนเนจเม้นท์ แอนด์ ดิเวลลอปเม้นท์
นับเป็นโอกาสพิเศษจริง ๆ ที่คณะผู้จัดงาน VIV ASIA 2001 ได้จัดให้ผู้สื่อข่าวด้านธุรกิจเกษตรจากทั่วทั้งเอเชียและยุโรป ได้สัมผัสกับธุรกิจสัตว์ปีกและสุกรในประเทศไทย เพื่อศึกษาว่าธุรกิจเหล่านั้นดำรงความเป็นผู้นำในการผลิตและส่งออกอาหารไปยังภูมิภาคเอเชียและทั่วโลกอย่างไรในระหว่างวันที่ 12 ถึง 15 ธันวาคม 2543 ผู้สื่อข่าวธุรกิจเกษตรกว่า 20 คน จากประเทศจีน อินเดีย ฟิลิปปินส์ มาเลเซีย เกาหลี ไทย และ เนเธอร์แลนด์ ได้เข้าร่วมโครงการผู้สื่อข่าวสัญจร ซึ่งจัดขึ้นก่อนที่วาระงานนิทรรศการด้านเกษตรและปศุสัตว์ VIV ASIA 2001 จะได้เริ่มขึ้นในเดือนมีนาคมปีหน้านี้ ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์
โครงการนี้จัดขึ้นโดย บริษัท เอ็น.ซี.ซี. แมนเนจเม้นท์ แอนด์ ดิเวลลอปเม้นท์ จำกัด (N.C.C. Management & Development Co., Ltd.) ประเทศไทย และ Jaarbeurs Exhibitions & Media ประเทศเนเธอร์แลนด์ โดยผู้สื่อข่าวที่เข้าร่วมโครงการทั้งหมด จะได้ใช้เวลาตลอดทั้ง 3 วันนี้ เยี่ยมชม ธุรกิจปศุสัตว์เพื่อการส่งออก ซึ่งตั้งอยู่ไม่ไกลจากกรุงเทพมหานคร โดยเริ่มจากวันที่ 13 ธันวาคม 2543 คณะผู้สื่อข่าวได้ใช้เวลาทั้งวันเข้าเยี่ยมชมฟาร์มไก่เนื้อ (broiler farm) และโรงงานแปรรูปเนื้อไก่ ของ บริษัท สหฟาร์ม จำกัด ณ จังหวัดลพบุรี
สหฟาร์มดำเนินธุรกิจไก่ครบวงจร ซึ่งครอบคลุมตั้งแต่ฟาร์มปู่ย่าพันธุ์ (grandparent stock) จนถึงฟาร์มไก่เนื้อ โดยใช้สายพันธุ์ไก่ "Cobb" จากสหรัฐอเมริกา ไก่เนื้อทั้งหมดที่ผลิตได้นำมาแปรรูปที่โรงงานแปรรูปอาหารของบริษัท เพื่อทำเป็นผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ นับตั้งแต่ไก่สดแช่แข็ง ไปจนถึงสินค้าแปรรูป (further processed products) สินค้าเหล่านี้นำไปจำหน่ายทั้งในประเทศและต่างประเทศ
ไม่บ่อยนักที่สหฟาร์มจะเปิดให้บุคคลภายนอกหรือแม้แต่สื่อมวลชนเข้าชมกิจการของบริษัท ทั้งนี้เพื่อรักษาความปลอดภัยทางชีวภาพ (bio-security) ในสถานประกอบการเหล่านั้น การเข้าชมในครั้งนี้ จึงเป็นโอกาสดีอย่างยิ่งที่จะได้ศึกษาว่า เหตุใดสหฟาร์มสามารถดำเนินธุรกิจจนมาเป็นผู้ส่งออกไก่เนื้อที่ใหญ่ที่สุดของประเทศได้ และเพื่อที่จะปะติดปะต่อ ภาพธุรกิจปศุสัตว์ไทยให้ชัดเจนยิ่งขึ้น คณะผู้จัดได้จัดให้ผู้สื่อข่าวเข้าเยี่ยมชมโรงงาน Thai Feedmill ณ จังหวัดสระบุรี และ ฟาร์มพ่อแม่พันธุ์สุกร SPTC ณ จังหวัดราชบุรี
ผู้เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมสุกรของประเทศไทยพยายามอย่างยิ่งยวดที่จะส่งออกเนื้อหมูไปยังต่างประเทศ เพื่อที่จะรักษาเสถียรภาพราคาสุกรในประเทศ เเละเป็นการประกาศให้โลกรู้ว่า เนื้อหมูจากประเทศไทยนั้นมีความสะอาด ปลอดภัย และอุดมไปด้วยโภชนาการอุปสรรคสำคัญในการส่งออกเนื้อหมูของไทย ก็คือ การขาดแคลนโรงชำแหละสุกรที่ถูกสุขอนามัย สภาพแวดล้อม และกระบวนการผลิตที่ตรงตามข้อกำหนดด้านความปลอดภัยของอาหารระดับนานาชาติ
Fresh Meat เป็นหนึ่งในไม่กี่แห่งในประเทศไทยที่มีโรงงานชำแหละสุกรที่มีมาตรฐาน เป็นที่ยอมรับจากนานาชาติ ซึ่งทำให้บริษัทสามารถส่งออกเนื้อสุกรแช่เย็น และแช่แข็ง ไปยังหลายประเทศในภูมิภาคเอเชีย เช่น ประเทศฮ่องกง ขณะเดียวกัน รัฐบาลไทยโดยกรมปศุสัตว์ก็ได้ตระหนักว่า ผู้บริโภคชาวไทยก็ควรได้รับโอกาสในการบริโภคเนื้อหมูที่สะอาด ปลอดภัย เช่นเดียวกับประเทศผู้นำเข้าเนื้อสุกรจากประเทศไทย กรมปศุสัตว์จึงได้จัดตั้งโรงงานชำแหละสุกรที่ทันสมัยได้มาตรฐานสากลเมื่อไม่นานมานี้ เพื่อชำเพาะสุกรปลอดสารพิษ จำหน่ายในประเทศ
โรงงานดังกล่าวตั้งอยู่ที่ อำเภอบางคล้า จังหวัดฉะเชิงเทรา ปัจจุบันกรมปศุสัตว์ ได้ให้สหกรณ์ผู้เลี้ยงสุกรภาคตะวันออกเช่าดำเนินการ และในวันที่ 15 ธันวาคม 2543 นี้ คณะผู้จัดได้นำผู้สื่อข่าวเข้าเยี่ยมชมโรงชำแหละสุกรทั้งสองแห่งนี้ ซึ่งเป็นโรงชำแหละสุกรที่ทันสมัยได้มาตรฐานมากที่สุดของประเทศ
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
จารุเนตร สุดโต
บริษัท เอ็น.ซี.ซี. แมนเนจเม้นท์ แอนด์ ดิเวลลอปเม้นท์ จำกัด
โทร. 229-3000 ต่อ 4079 โทรสาร 229-3154--จบ--
-อน-