กรุงเทพฯ--18 ส.ค.--สถานีโทรทัศน์ช่อง 8
รายการ "ปากโป้ง" ทางช่อง 8 กดเลข 27 วันนี้ (17ส.ค.59) นำโดยพิธีกร "หนุ่ม กรรชัย กำเนิดพลอย"และ "เข็ม ลภัสรดา ช่วยเกื้อ" นำเสนอเรื่องราวของพ่อค้าขายเครื่องประดับยนต์บน เฟซบุ๊ก ที่ถูกมิจฉาชีพเข้ามาทำทีท่าขอซื้อของแต่งรถ แต่อ้างว่ากลัวโดนหลอก เลยขอให้พ่อค้าส่งหน้าบัตรประชาชนก่อนส่งเลขบัญชีไปให้ หลังจากนั้นก็ปลอมสำเนาบัตรประชาชนไปทำซิมใหม่และหลอกเอาข้อมูลจากธนาคารโอนเงินออกไปนับล้านบาท เรื่องราวเป็นอย่างไร ไปพูดคุยกับ "คุณพันธุ์สุธี มีลือกิจ" (พ่อค้าเครื่องประดับยนต์บนเฟซบุ๊ก)และ "คุณอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์" (ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม)
คุณจอนห์อายุเท่าไหร่ครับ ปัจจุบันทำอาชีพ?
"ขายของออนไลน์ ขายประดับยนตร์ครับ เช่นชิ้นส่วนตกแต่งรถยนต์ครับ"
ที่คุณขายคือคุณขายอยู่ในเฟสบุ๊คหรือว่ามีหน้าร้าน?
"ขายในเฟสบุ๊คและก็มีหน้าร้านด้วยครับ อยู่ที่อยุธยาครับ ทำมา 5 ปีแล้ว"
อยากให้คุณลองเล่าให้ฟังหน่อยกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น คุณไปเจอมิจฉาชีพคนนี้ได้อย่างไร?
"ก็เขาติดต่อเข้ามาทางเฟสบุ๊คเมื่อวันที่ 28 ที่ผ่านมา คือผมไม่เคยรู้จักเขามาก่อน เขาใช้เชื่อเฟสบุ๊คว่าวันชัย คือเขาติดต่อซื้อของเอ็กซ์บรา (อุปกรณ์แต่งรถ) จากนั้นเราก็ให้เขาดูรูปแบบ ดูของ ยอดทั้งหมดสี่หมื่นแปดพันบาท คุยกันประมาณสองชั่วโมงแล้วเขาก็ตกลงซื้อ แล้วเขาก็ขอเลขบัญทีเพื่อที่จะโอนเงิน แต่เราก็เข้าไปดูในรูปในโปร์ไฟล์เขาก็มีข้อมูลอยู่"
โทษนะครับในเฟสบุ๊คจะขึ้นว่าเขาเล่นมาตั้งแต่ปีไหนปีไหน คุณได้ดูไหม?
"ได้ดูครับ แต่เขาทักเข้ามาในเพจ ซึ่งเราไม่ได้เป็นเพื่อน มันก็ดูได้แค่ข้อมูลบางส่วน นอกจากซะว่าเป็นเพื่อนมันถึงจะเห็นข้อมูลทั้งหมด หลังจากนั้นผมก็ให้เลขบัญชีไป พอให้เลขบัญชีไปเขาก็บอกว่าพี่ขอดูบัตรประชาชนหน่อย ว่าชื่อตรงกับบัญชีไหม "
บัญชีของธนาคารอะไร?
"กสิกรครับ ผมถ่ายรูปหน้าบุ๊คแบงค์ให้เลยครับ และเขาขอบัตรประชาชนด้วย ผมก็ถ่ายให้เขาไป ซึ่งผมได้ปิดเลข13หลักบนบัตรประชาชนของผมไว้ด้วย"
ทำไมถึงปิด?
"ก็พ่อค้าออนไลน์ส่วนใหญ่เขาก็จะปิดกันทุกคน เป็นการป้องกันส่วนตัว ไม่ให้เอาเลขบัตรประชาชนเราไปทำอย่างอื่น"
ส่งไปให้เขาเสร็จแล้วยังไงต่อ?
"เขาก็บอกว่าเย็น ๆ จะโอนให้ เรื่องนี้เกิดขึ้น 28 ก.ค.59 ประมาณบ่ายสามโมง จากนั้นก็เงียบหายไป ก็ไม่ตกใจนะ เพราะลูกค้าบางคนก็วันสองวันถึงจะโอนก็มี"
พอตอนเย็นเขาไม่โอนเงินมาให้คุณได้ติดต่อเขาไหม?
"ไม่ได้ติดต่อไปครับ เพราะว่าของก็ยังไม่ได้ให้เขา ซึ่งเขาก็มีสิทธิ์ที่จะเอาหรือไม่เอาก็ได้ไม่ซีเรียส อยู่แล้ว หลังจากนั้นเช้าวันที่ 31 ก.ค.เขาก็ทักกลับมาบอกว่าพี่เดี๋ยวสาย ๆ โอนตังให้นะครับ ซึ่งผมก็ไม่ได้คิดอะไร เห็นเงียบไปสองวันแล้ว ผมก็ไม่ได้ตามอะไร คิดว่าไม่เอาแล้วด้วยซ้ำ พอตอนเที่ยงโทรศัพท์มือถือผมโดนตัดสัญญาณ ผมก็คิดว่าวันที่ 31 เออ...เราก็จ่ายค่าโทรศัพท์ปกตินะ แล้วมันตัดเราได้ไงวะ ผมก็ฌลยโทรเข้าคอลเซ็นเตอร์ คอลเซ็นเตอร์บอกว่ามีคนมาแจ้งโทรศัพท์หาย ขอทำซิมใหม่เบอร์เดิมเป็นชื่อผม จากนั้นผมก็ไม่ได้อะไรเท่าไหร่ เพราะตอนนั้นกำลังดิวงานกับลูกค้าอยู่ด้วยก็เลยยุ่ง ๆ และเรามีอีกเบอร์นึงก็เลยเอาอีกเบอร์นึงโทรไปก่อน จากนั้นพอกลับมาบ้านช่วงสามโมง เราก็เช็คบัญชีธนาคารเราปกติ พบว่าเงินในบัญชีผมหายออกไปเหลือแค่ 58 บาท"
หายไปเท่าไหร่?
"เก้าแสนแปดหมื่นหกพันเจ็ดร้อยบาท หายออกไปจากบัญชีธนาคารกสิกรไทย ตอนนั้นเข่าอ่อนเลย ตอนนั้นก็คิดแต่ก็ยังไม่มั่นใจว่าคนนี้หรือเปล่า"
จากนั้นคุณทำอย่างไร?
"ผมก็โทรเข้าคอลเซ็นเตอร์ของธนาคาร ธนาคารบอกว่ามีเงินโอนออกผ่านเคไซเบอร์ 3 ครั้ง ตอนเที่ยง 12 นาที ครั้งแรก 5 แสนบาท ครั้งที่สอง 4 แสนเจ็ด ครั้งที่สาม หกพันเจ็ดร้อยบาท โอนบัญชีผ่านเคไซเบอร์ คือผ่านคอมพิวเตอร์ ระบบอินเตอร์เน็ต"
แน่นอนเลยว่าถ้าผูกเรื่องเนี่ยคนร้ายได้เอาบัตรประชาชนของคุณไปรับซิมใหม่เบอร์เดิมของคุณ ซึ่งเบอร์นั้นเนี่ยคุณใช้ทำธุรกรรมทางการเงินอยู่แล้ว หลังจากนั้นเขาก็ใช้เบอร์นั้นแหล่ะเอาไปทำธุรกรรมทางการเงินโดยวิธีซิกแซก เอาเงินคุณออกจากบัญชีเกือบล้านบาท จากนั้นคุณทำอย่างไร?
"ผมก็ตามเรื่องตามไปที่ทรูก่อน เพราะเราต้องการเบอร์คืนก่อน ก็ได้สอบถามพนักงานทรูที่อยุธยา ซึ่งคนร้ายไปทำที่ทรูเมกกะ บางนา ผมก็เลยไปเมกกะบางนา ไปขอดูกล้องวงจรปิด แล้วได้ข้อมูลว่าคนร้ายเอาสำเนาบัตรประชาชน หมายเลขผมไม่ทราบว่าเอามาจากไหน แล้วรูปหน้าในบัตรเป็นรูปหน้าเขา คือปลอมบัตร แต่เลขบัตรประชาชนเป็นเลขผม วันเดือนปีเกิดข้อมูลทุกอย่างเป็นของผม เพียงแต่ไม่รู้ว่าเขาไปหาเลขบัตรประชามาจากไหน มาทำการขอเปลี่ยนซิม ซึ่งพนักงานที่ทรูก็เซ็นกำกับมาเลยว่าคนที่มาขอซิมเป็นคนเดียวกับในกล้องวงจรปิด"
แล้วสรุปชื่อเขาเป็นคนเดียวกับที่ติดต่อซื้อของในเฟสบุ๊คไหม แล้วคุณจะมั่นใจได้อย่างไรว่าบุคคลคนนี้กับบุคคลในแชทที่ขอซื้อของคุณมาเป็นคน ๆ เดียวกัน?
"ก็คือข้อมูลที่คุยกันแชท เขาให้เบอร์ไว้ มีเบอร์โทรที่ ผมก็ได้โทรไปคุยกับเขาเหมือนกัน ก่อนที่จะเกิดเหตุ ผมก็เอาเบอร์นี้ไปเช็ค ปรากฏว่าเป็นชื่อตรงกัน เป็นของนาย สยาม"
แสดงว่าคนที่ติดต่อซื้อของในเฟสบุ๊คกับคนที่ไปเอาเงินออกมาเป็นคน ๆ เดียวกัน?
"คนทีไปทำซิมเป็นคน ๆ เดียวกันครับ เป็นคนเดียวกับที่ผมส่งเลขที่บัญชีกับหน้าบัตรประชาชน และเป็นคน ๆ เดียวกับที่ไปหลอกธนาคาร"
ประเด็นที่จะถามคือเขาไปนำเงินจากธนาคารได้อย่างไรเก้าแสนกว่าบาท?
"พอเขาได้เบอร์แล้วเขาก็โทรเข้าหาคอลเซ็นเตอร์ของธนาคารกสิกรไทย บอกประมาณว่าลืมรหัสผ่านโอนเงิน ให้คอลเซ็นเตอร์ปลดล็อครหัสให้หน่อย หรือออกรหัสใหม่ให้หน่อย คือคอลเซ็นเตอร์เขาก็ต้องถามว่าวันเดือนปีเกิดอะไร ซึ่งคนร้ายก็ตอบได้หมดเพราะมีหลักฐานหมดเลย บัตรประชาชน เลขที่บัตร เลขที่บัญชี เบอร์โทรศัพท์ จากนั้นธนาคารก็ปลดให้ในวันนั้นเลย ตอน 12.10นาที แล้วคนร้ายถอนเงิน 12.12นาที ใช้เวลาถอนเงินประมาณ2นาที ถอนทั้งหมด 3 ครั้ง ออกไปได้เก้าแสนแปดหมื่น"
ตอนนี้รู้ตัวคนร้ายแล้วได้มีการแจ้งความหรือยัง?
"คุณอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์" (ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม)- "แจ้งความแล้ว แต่ว่าคดีนี้ผู้เสียหายคือธนาคารกสิกรไทย ไม่ใช่ทางคุณพันธุ์สุธี (พ่อค้าเครื่องประดับยนต์บนเฟซบุ๊ก) เพราะว่าคุณพันธุ์สุธี เอาเงินฝากไว้ในกสิกรไทย แล้วคนร้ายไปหลอกธนาคาร ไม่ใช่คุณพันธุ์สุธีไปทำธุรกรรมกับธนาคาร ต้องแยกให้เห็นชัดเจน ทีนี้อยู่ ๆ เงินผมอยู่ในบัญชีธนาคารกสิกรไทยเนี่ย แล้วผมไม่รู้เรือ่งเลย อยู่ ๆ มีคนร้ายมาหลอกธนาคารและสามารถให้เอาเงินออกไปได้ทั้งหมดเนี่ย แล้วผมถามว่าเป็นความผิดของลูกค้าหรือ? ส่วนเรื่องค่ายโทรศัพท์มือถือทรูเนี่ย ก็เป็นเรื่องของธนาคารก็ต้องไปไล่บี้กับทางทรูเอาเอง"
ตอนนี้ธนาคารบอกว่าอย่างไร?
"ธนาคารบอกว่าโอเค ยอมรับว่าเขาผิด แต่เขาผิดแค่ 33 เปอเซ็นต์ ก็คือเขาบอกว่าเงินหนึ่งร้อยเปอร์เซ็นต์ ธนาคารกสิกรไทยรับผิดชอบ 33 เปอร์เซ็นต์ ให้ไปเอากับคนร้าย 33 เปอร์เซ็นต์ ไปเอากับทรู 33 เปอร์เซ็นต์ นี่คือคำตอบเมื่อวานที่คุยมา ผมขอถามว่ามันยุติธรรมกับคนฝากเงินหรือครับ และที่สำคัญคนที่เป็นเจ้าของบัญชีที่เอาเงินไป คือคนนี้ที่เป็นคนเปิดบัญชี สมุดเจ้าของบัญชีที่ถูกโอนเงินไปเก้าแสนบาทก็คือคนนี้ (รูป) และก็ไปเปิดบัญชีเมื่อวันที่ 19 ก.ค.ที่ผ่านมาทีสาขาโรบินสัน ราชบุรี คืออันนี้เราหาเองหมดนะ ธนาคารไม่ให้ความร่วมมือเลย เสร็จแล้วพอหลังจากที่โอนเงินไปได้แล้วเขาก็ไปกดออกที่เมกกะบางนา ตั้งแต่เที่ยงวันยันเที่ยงคืน ทั้งกดออกทางตู้เอทีเอ็ม ทั้งไปเบิกเงินที่เค้าเตอร์ ปรากฏว่าภาพวงจรปิดที่เราไปขอธนาคารอ้างว่ากล้องวงจรปิดเสียเหลืออยู่ตู้เดียว ไม่มีภาพหน้าคนร้ายมีภาพหน้าคนร้ายที่ตู้เอทีเอ็มด้านหน้าตู้เดียวที่ใส่หมวกกันน็อค และผมถามว่าและที่เค้าเตอร์ล่ะ เขาบอกไม่มี เสีย คือไม่ให้ความร่วมมือกับทางลูกค้าเลย ทั้ง ๆ ที่เราไปหาเองหมด ทั้งหมด20ครั้งในการถอนรเงินเก้าแสนกว่า ที่สำคัญคนร้ายตอนนี้ยังแสบมา วันรุ่งขึ้นยังไปเช็คอีกว่ามีเงินเข้ามาอีกหรือเปล่า เพื่อจะเอาอีก แถมได้อันนี้ยังไม่พอ เฟสบุ๊กผม อีเมล์ผม เขายังเข้าไปใช้เฟสบุ๊กผม ทักไปหาเพื่อนบอกยืมเงินสองแสน แต่เพือ่นไม่ได้ให้ครับ เพื่อนโทรกลับมาหาผมก่อน แต่เพื่อนก็พยายามคุยยื้อ ว่าอยู่ที่ไนห แต่เขาก็ไม่ได้บอก"
คาดว่าจะจับคนร้ายได้ไหม?
"ก็ไม่น่าจะยากครับ แต่ประเด็นคือเราไม่ได้เป็นผู้เสียหาย ธนาคารเป็นผู้เสียหายเพราะเงินเราอยู่ในบัญชี และพคนร้ายไปหลอกธนาคาร ไปหลอกค่ายโทรศัพท์มือถือทรู มันไม่ได้เกี่ยวกับเราเลย เพราเงินเราอยู่ในบัญชีอะ"
ถ้าเขาบอกว่าก็คุณให้เบอร์บัญชีกับหน้าบัตรไปเองอะ?
"ให้หน้าบัตรไปตแต่เราก็ปิดเลข 13 หลัก เราไม่ได้ไปร่วมมือกับคนร้ายนิ แต่นี่คือเรามีการซื้อขายสินค้า ข้อความโปรแกรมไลน์หรืออะไรก็มี ทุกอย่างเรามีแสดงให้เห็นหมด แต่ทำไมคุณไม่ดูล่ะครับว่าถ้าอยู่ ๆ เราไปให้รหัสเขาเลย ก็ไม่ใช่ พนักงานสอบสวนก็สอบสวนแล้ว ที่อยุธยา เขาก็บอกว่าทางเราเป็นพยาน ไม่ได้เป็นผู้เสียหาย"
ที่แน่ ๆ ทางธนาคารเองเขาก็ยอทมรับว่าเขาผิดจริง?
"เขาบอกว่าเขาแบ่งความผิดเป็นสามส่วน ธนาคาร ทรู คนร้าย และเขาขอรับผิดชอบเฉพาะในส่วนของเขา ผมก็บอกว่าผมเป็นลูกค้าคุณ คุณจะไม่ออกหน้าแทนผมเลยหรือ ไม่ดูแลผมเลยหรือ เพราะตั้งแต่วันเกิดเหตุจนถึงทุกวันนี้ข้อมูลทุกอย่างผมวิ่งหาเอง คือถ้าเขาไม่ปลดรหัสให้คนร้ายก็ถอนเงินไมได้"
คุณจอนห์คะทุกวันนี้เดือดร้อนไหมคะ?
"ก็มันเป็นเงินทั้งหมดเลยครับ เป็นเงินหมุนมในการทำธุรกิจทั้งหมด เราไม่สามารถไปซื้อของเข้ามาเพื่อซื้อต่อไปได้ มันก็เลยต้องหยุดทุกอย่าง มีรายจ่ายมีลูกน้อง"
สุดท้ายพี่อัจ "คุณอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์" (ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม) จะทำอย่างไรในเมื่อทางธนาคารยืนยันจะจ่ายแค่33เปอร์เซ็นต์?
"ต้องเรียนธนาคารกสิกรไทย ถึงผู้บริหารสูงสุดนะครับว่า ผมและครอบครัวผมก็ใช้กสิกรไทยมากมากว่าสิบปี แล้วน้องเชขาก็เอาเงินทั้งชีวิตเขาเก็บสะสมเพราะว่าเขาเชื่อมั่นในธนาคารกสิกรไทย และรักธนาคารกสิกรไทยเพราะคิดว่าจะดูแลเขาเหมือนครอบครัวเขา แต่วันนี้เราได้รับการปฏิเสธที่จะช่วยเหลืออย่างสิ้นเชิง วันนี้ก็เลยขอเรียกร้องไปยังผู้บริหารสูงสุด เพราะวันนี้คนที่มาอธิบายกับเราเป็นพนักงานระดับล่าง ต้องเรียนนิดนึงครับว่าทุกเคสที่เราเคยเจอปัญหาของกสิกรไทยแบบนี้ ผู้บริหารสูงสุดแสดงความรับผิดชอบด้วยการคืนเงินให้กับลูกค้าทุกราย"