กรุงเทพฯ--22 ส.ค.--IR network
บมจ.ยูเรกา ดีไซน์ (UREKA) งบไตรมาส 2/59 เริ่มฟื้น! กวาดรายได้กว่า 82 ล้านบาท พุ่งเกือบ 20% "นรากร ราชพลสิทธิ์"มั่นใจปีนี้ดีขึ้น หลังปรับกลยุทธ์ในการเสนอราคาขาย-คุมต้นทุนการผลิตได้อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมรุกคืบกลุ่มอุตสาหกรรมพลาสติก-การเกษตร โชว์ Backlog หนา 110 ล้านบาท จ่อรับรู้รายได้ปีนี้ 80 ล้านบาท เตรียมเข้าประมูลงานใหม่มูลค่ากว่า 70 ล้านบาท รู้ผลไตรมาส 4/59 พร้อมรับอานิสงส์โครงการ "ไทยแลนด์ 4.0" เต็มๆ
นายนรากร ราชพลสิทธิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ บริษัท ยูเรกา ดีไซน์ จำกัด (มหาชน) (UREKA) เปิดเผยว่า ผลประกอบการในไตรมาส 2/2559 มีรายได้รวม 82.26 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 19% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 69.04 ล้านบาท และผลขาดทุนลดลงเหลือเพียง 2ล้านบาท ซึ่งถือว่าดีกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีผลขาดทุน 26.57 ล้านบาท สาเหตุหลักเกิดจากการปรับกลยุทธ์ในการเสนอราคาขาย และการควบคุมต้นทุนการผลิตที่มีประสิทธิภาพดีมากยิ่งขึ้นอย่างชัดเจน
ทั้งนี้ คาดว่าผลประกอบการในปีนี้จะดีกว่าปีก่อนที่มีผลประกอบการขาดทุน 54 ล้านบาท เนื่องจากแนวโน้มยอดขายในช่วงครึ่งปีหลังเติบโตอย่างแข็งแกร่ง จากแผนขยายช่องทางการสร้างรายได้ไปยังกลุ่มอุตสาหกรรมพลาสติกและอุตสาหกรรมการเกษตรที่ได้ดำเนินการมาตั้งแต่ครึ่งปีแรกแล้ว โดยเชื่อมั่นว่าจะได้รับปริมาณคำสั่งซื้อมากขึ้นจากทั้งสองกลุ่มอุตสาหกรรมดังกล่าว
"ที่ผ่านมา UREKA ได้ขยายช่องทางการสร้างรายได้ไปยังกลุ่มอุตสาหกรรมพลาสติก และอุตสาหกรรมการเกษตรคาดว่าจะมีคำสั่งซื้อเพิ่มมากขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ ซึ่งมั่นใจว่าจะช่วยผลักดันให้ธุรกิจเติบโตอย่างแข็งแกร่งในอนาคต และถือเป็นการกระจายความเสี่ยงธุรกิจ เพราะต้องยอมรับว่ากลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ยังไม่ฟื้นตัวมากนัก"นายนรากร กล่าวในที่สุด
ปัจจุบันบริษัทมีมูลค่างานในมือ (Backlog) มูลค่าประมาณ 110 ล้านบาท แบ่งเป็นงานกลุ่มยานยนต์ 34 ล้านบาท กลุ่มพลาสติก 60 ล้านบาท และกลุ่มเกษตรอีก 16 ล้านบาท โดยคาดว่าจะสามารถรับรู้เป็นรายได้ในปีนี้ 80 ล้านบาท ตามกำหนดส่งมอบงานของลูกค้า นอกจากนี้ยังมีงานโครงการต่าง ๆ ที่อยู่ระหว่างการร่วมเสนอราคาและประมูลงาน รวมมูลค่ากว่า 70 ล้านบาท ซึ่งอย่างช้าคาดว่าจะทราบผลการประมูลในช่วงปลายไตรมาส 4/2559 นี้
สำหรับโครงการโมเดลไทยแลนด์ 4.0 (Thailand 4.0) ที่เปลี่ยนแปลงโครงสร้างเศรษฐกิจไปสู่ "Value-Based Economy" หรือ "เศรษฐกิจที่ขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรมเพื่อพัฒนาประเทศ ซึ่งนับเป็นโครงการที่ภาครัฐจะสนับสนุนให้มีความต้องการด้าน Automation มากขึ้น ซึ่งบริษัทฯได้ให้ความสำคัญเรื่องดังกล่าวมาอย่างต่อเนื่อง เพราะประเมินว่าในอนาคตแรงงานคนจะถูกทดแทนด้วยเครื่องจักร ขณะเดียวกันยังมีความเชี่ยวชาญด้านออกแบบก็มีกลุ่มธุรกิจด้านเครื่องมือและอุปกรณ์อัตโนมัติทดแทนคน ทำให้มั่นใจว่าจะได้รับอานิสงส์จากโครงการดังกล่าว โดยปัจจุบันบริษัทได้เร่งทำการโฆษณาประชาสัมพันธ์อย่างต่อเนื่อง