กรุงเทพฯ--22 ส.ค.--ไอทูซี คอมมิวนิเคชั่นส์
ไตรมาสที่ 2 กลุ่ม KTIS ทำกำไรได้สูงกว่าไตรมาสแรกตามคาด โดยมีกำไรสุทธิ 93.76 ล้านบาท รวม 6 เดือน มีกำไรสุทธิ 143.41 ล้านบาท เผยช่วงไตรมาสที่ 2 รายได้จากสายธุรกิจเอทานอลเพิ่มขึ้น 18.8% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน ในขณะที่กำไรจากสายธุรกิจน้ำตาลทรายดีขึ้นเนื่องจากราคาน้ำตาลในตลาดโลกสูงขึ้น มองครึ่งปีหลังรายได้จากธุรกิจไฟฟ้าโตจากการเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ของโรงไฟฟ้าครบทั้ง 3 แห่ง
นายณัฎฐปัญญ์ ศิริวิริยะกุล รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัท เกษตรไทย อินเตอร์เนชั่นแนล ชูการ์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ KTIS ผู้นำในอุตสาหกรรมน้ำตาลและอุตสาหกรรมต่อเนื่อง เปิดเผยว่า แม้ว่าในช่วงครึ่งปีแรกของปีนี้ ภาคการผลิตและจำหน่ายน้ำตาลทรายจะชะลอตัวทั้งอุตสาหกรรม เมื่อเทียบกับปี 2558เนื่องจากประมาณอ้อยเข้าหีบลดน้อยลงจากผลกระทบของภัยแล้ง แต่กลุ่ม KTIS ก็พยายามควบคุมค่าใช้จ่ายในด้านต่างๆ ทำให้สามารถทำกำไรได้ในช่วง 2 ไตรมาสที่ผ่านมา โดยในไตรมาสที่ 2 มีกำไรสุทธิ 93.76 ล้านบาท รวม 6เดือนมีกำไรสุทธิ 143.41 ล้านบาท จากรายได้รวม 8,697.14 ล้านบาท
ทั้งนี้ อ้อยซึ่งเป็นวัตถุดิบในการผลิตน้ำตาลทรายและผลิตภัณฑ์ต่อเนื่อง มีปริมาณลดลงไปมาก จากฤดูการผลิต 57/58 มีอ้อยเข้าหีบประมาณ 106 ล้านตัน ลดเหลือเพียง 94 ล้านตันในฤดูการผลิต 58/59 โดยเฉพาะพื้นที่ปลูกอ้อยของชาวไร่อ้อยคู่สัญญาของ KTIS ส่วนใหญ่อยู่ในพื้นที่แล้ง ทำให้ปริมาณอ้อยเข้าหีบลดลงไปจำนวนมาก จาก 9.8ล้านตัน เหลือเพียง 7.5 ล้านตัน ซึ่งนอกจากจะส่งผลกระทบกับปริมาณน้ำตาลทรายแล้ว ยังกระทบไปถึงผลิตภัณฑ์อื่นๆ ทั้งเยื่อกระดาษ และไฟฟ้าด้วย
อย่างไรก็ตาม ในไตรมาสที่สองที่ผ่านมา กลุ่ม KTIS มีรายได้จากการจำหน่ายเอทานอลเพิ่มขึ้น ตามปริมาณการขายที่เพิ่มขึ้น และรายได้จากการขายไฟฟ้าสูงขึ้น จากโรงไฟฟ้าไทยเอกลักษณ์ จังหวัดอุตรดิตถ์ ที่เริ่มดำเนินการเชิงพาณิชย์เมื่อเดือนเมษายน 2559 แต่รายได้จากสายธุรกิจน้ำตาล ซึ่งเป็นสายธุรกิจที่มีสัดส่วนรายได้สูงสุด ลดลงไป20.9% ทำให้รายได้จากการขายและการให้บริการในไตรมาสที่ 2 ลดลงประมาณ 20.2% โดยที่กำไรสุทธิลดลงประมาณ 14.4% น้อยกว่าการลดลงของรายได้
"ในครึ่งปีหลัง โรงไฟฟ้าอีกแห่งหนึ่ง คือรวมผลไบโอเพาเวอร์ จะเริ่มรับรู้รายได้เข้ามาตั้งแต่ช่วงปลายไตรมาสที่ 3 หรือต้นไตรมาสที่ 4 ทำให้โรงไฟฟ้าของกลุ่ม KTIS เปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ครบทั้ง 3 แห่ง ซึ่งจะทำให้รายได้ในสายธุรกิจโรงไฟฟ้าเพิ่มสูงขึ้น" นายนายณัฎฐปัญญ์ กล่าว
นายณัฎฐปัญญ์ กล่าวถึงโครงการผลิตน้ำเชื่อม (Liquid Sucrose) และโครงการผลิตน้ำตาลทรายขาวบริสุทธิ์พิเศษ (Super Refined Sugar) ที่ได้รับการสนับสนุนจากกลุ่มผู้ถือหุ้นคือ บริษัท นิสชิน ชูการ์ และบริษัท ซูมิโตโม คอร์ปอเรชั่น ด้วยว่า ขณะนี้ได้ผลิตน้ำเชื่อมและจัดส่งให้ลูกค้าซึ่งเป็นผู้ประกอบการเครื่องดื่มรายใหญ่แล้ว ส่วนน้ำตาลทรายขาวบริสุทธิ์พิเศษนั้นมุ่งไปที่ตลาดส่งออก ซึ่งจะเห็นการรับรู้รายได้ที่ชัดเจนตั้งแต่ไตรมาสที่ 4 ของปีนี้เป็นต้นไป