กรุงเทพฯ--27 มิ.ย.--ตลาดหลักทรัพย์ฯ
นางภัทรียา เบญจพลชัย ผู้ช่วยผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ในระยะที่ผ่านมามีบริษัทจดทะเบียนอยู่ในระหว่างการศึกษาความเป็นไปได้เกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงมูลค่าหุ้นที่ตราไว้ หรือที่เรียกว่าแตกพาร์กันหลายบริษัท ในขณะเดียวกันหลักทรัพย์ของบริษัทจดทะเบียนที่มีข่าวเกี่ยวกับการศึกษาความเป็นไปได้ดังกล่าวก็ได้รับความสนใจจากผู้ลงทุนบางกลุ่มเข้ามาซื้อขายกันอย่างหนาแน่น โดยมีความเข้าใจว่าการเปลี่ยนแปลงมูลค่าหุ้นที่ตราไว้จะทำให้ราคาหุ้นปรับตัวสูงขึ้นได้
"ในความเป็นจริงแล้ว การปรับลดมูลค่าหุ้นที่ตราไว้ลงจะทำให้บริษัทมีจำนวนหุ้นจดทะเบียนเพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นทางหนึ่งที่จะช่วยเพิ่มสภาพคล่องในการซื้อขายหลักทรัพย์ของบริษัทจดทะเบียนที่มีราคาสูงส่งผลให้ผู้ลงทุนที่สนใจซื้อขายหุ้นของบริษัทที่มีผลประกอบการดี และราคาหุ้นสูง สามารถเข้ามาซื้อขายได้มากขึ้น อย่างไรก็ตาม การปรับลดมูลค่าหุ้นที่ตราไว้ไม่มีผลให้ปัจจัยพื้นฐานของบริษัทมีการเปลี่ยนแปลงไปแต่อย่างใด ดังนั้น ผู้ลงทุนที่สนใจเข้ามาลงทุนในหุ้นของบริษัทจดทะเบียนที่กำลังศึกษาเรื่องการแตกพาร์ดังกล่าว จึงควรพิจารณาปัจจัยพื้นฐานอื่น ๆ ประกอบด้วย" นางภัทรียากล่าว
สำหรับขั้นตอนเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงมูลค่าหุ้นที่ตราไว้ของบริษัทจดทะเบียนนั้น โดยทั่วไปบริษัทจะใช้ระยะเฉลี่ยประมาณ 2 เดือน เนื่องจากต้องมีการขออนุมัติจากที่ประชุมผู้ถือหุ้น และดำเนินการขอจดทะเบียนเปลี่ยนแปลงมูลค่าที่ตราไว้ใหม่ต่อกระทรวงพาณิชย์ก่อนจึงจะมีผลบังคับใช้
ต้องการข้อมูลเพิ่มเติมติดต่อส่วนประชาสัมพันธ์ ฝ่ายสารนิเทศ
ลดาวัลย์ ไทยธัญญพานิช โทร. 229 - 2036
กุลวิดา จินตกะวงส์ โทร. 229 - 2037
จิวัสสา ติปยานนท์ โทร. 229 - 2039--จบ--
-อน-