กรุงเทพฯ--24 ส.ค.--ธนาสิริ กรุ๊ป
ธนาสิริ กรุ๊ป หรือ THANA หุ้นจิ๋วแต่แจ๋วในตลาดเอ็มเอไอ เจ้าตลาดอสังหาฯในเมืองนนท์ พร้อมบุกปีนี้เปิดโครงการใหม่อีก 4 โครงการมูลค่ากว่า2,275 ล้านบาท เพื่อรองรับเป้าหมายการเติบโตอีกกว่า 15% อีกทั้งยังพัฒนาทีมงานคุณภาพและระบบบริหารโครงการแบบมืออาชีพ เพื่อเปิดรับผู้ร่วมทุน
นายสุทธิรักษ์ เสถียรภาพอยุทธ์ กรรมการผู้จัดการบริษัท ธนาสิริ กรุ๊ป จำกัด(มหาชน) ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ที่จดทะเบียนอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ ภายใต้ชื่อ THANA เปิดเผยว่าบริษัท ธนาสิริ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เป็นผู้ประกอบธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ประเภทบ้านจัดสรรพร้อมที่ดินเพื่อขาย ประเภททาวน์เฮ้าส์ บ้านแฝด และบ้านเดี่ยว โดยบริษัทจะเป็นผู้พัฒนาโครงการ และเป็นเจ้าของโครงการ เน้นการพัฒนา โครงการในเขตปริมณฑล โดยเน้นทำเลย่านจังหวัดนนทบุรี เนื่องจากเป็นจังหวัดที่มีศักยภาพ ปัจจุบันบริษัทพัฒนาโครงการทั้งสิ้น 26โครงการ จำนวน 2,649 ยูนิต มูลค่า 10,209 ล้านบาท (รวม 2 โครงการใหม่ที่จะเปิดตัวในไตรมาส 4/59) ซึ่งเป็นโครงการในจังหวัดนนทบุรี 19โครงการ จำนวน 2,249 ยูนิต มูลค่า 8,699 ล้านบาท ในจังหวัดภูเก็ต จำนวน 5 โครงการ 209 ยูนิต มูลค่า 729 ล้านบาท และในภาคตะวันออกเฉียงเหนืออีก 2 โครงการ รวม 191 ยูนิต มูลค่า 781 ล้านบาท โดยในครึ่งแรกของปี 2559 บริษัทฯ ยอดขาย 376 ล้านบาท มีรายได้สุทธิ 341 ล้านบาท และมียอดรอโอนอยู่ที่ 146 ล้านบาท โดยมาจากโครงการที่อยู่ระหว่างการเปิดขายทั้งหมด 7 โครงการ (6 โครงการที่นนทบุรี และ 1 โครงการที่อุดรธานี) ขายไปแล้วกว่า 40% คงเหลือรอขาย รวมทั้งสิ้น 2,092 ล้านบาท
ในส่วนของแผนการดำเนินงานในปี 2559 บริษัทยังคงเน้นการพัฒนาโครงการใหม่ ๆ ในพื้นที่จังหวัดนนทบุรีเป็นหลักเนื่องจากเป็นจังหวัดที่มีศักยภาพ มีแผนงานการพัฒนาระบบสาธารณูปโภคต่างๆ อย่างต่อเนื่องจากภาครัฐทั้งระบบการขนส่งมวลชนเพื่อรองรับการขยายตัวของชุมชน โดยมีแผนที่จะเปิดโครงการใหม่ทั้งสิ้น 4 โครงการ โดยในครึ่งปีแรกเปิดตัวไปแล้ว 2 โครงการ ที่โซน จ.นนทบุรี และ จ.อุดรธานี ทั้งนี้ ในครึ่งปีหลัง มีแผนเปิดโครงการอีก 2 โครงการ ที่โซน จ.นนทบุรี 2 โครงการ มูลค่ารวมทั้ง 4 โครงการ ประมาณ 2,275 ล้านบาท โดยมีรายละเอียดของแต่ละโครงการ ดังนี้
1. โครงการ สิริวิลเลจ อุดรธานี-แอร์พอร์ต มูลค่าโครงการ 706 ล้านบาท จำนวน 179 ยูนิต พื้นที่ 39 ไร่ สินค้า บ้านเดี่ยว 2 ชั้น ราคาขายเฉลี่ย3.9 ล้านบาท/ยูนิต เปิดขายไปแล้วใน เดือนกุมภาพันธ์ 2559
2. โครงการ ธนาคลัสเตอร์ ราชพฤกษ์-สถานีบางพลู มูลค่าโครงการ 334 ล้านบาท จำนวน 77 ยูนิต พื้นที่ 8 ไร่ สินค้า ทาวน์เฮ้าส์ 3 ชั้น ราคาขายเฉลี่ย 4.3 ล้านบาท/ยูนิต ได้ทำการเปิดขายไป เมื่อวันที่ 30 กรกฏาคม 2559 ที่ผ่านมา
3. โครงการ ธนาคลัสเตอร์ สถานีเซ็นทรัล-บางใหญ่ มูลค่าโครงการ 357 ล้านบาท จำนวน 77 ยูนิต พื้นที่ 10 ไร่ สินค้า ทาวน์เฮ้าส์และบ้านแฝด 3ชั้น ราคาขายเฉลี่ย 4.9 ล้านบาท/ยูนิต คาดว่าจะเปิดขายในไตรมาส 4/59
4. โครงการ ธนาฮาบิแทต 2 ราชพฤกษ์-สิรินธร มูลค่าโครงการ 860 ล้านบาท จำนวน 95 ยูนิต พื้นที่ 26 ไร่ สินค้า บ้านเดี่ยว 2 ชั้น ราคาขายเฉลี่ย9.1 ล้านบาท/ยูนิต คาดว่าจะเปิดขายในไตรมาส 4/59
นอกจากนี้ เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมในการพัฒนาโครงการในอนาคต บริษัทยังมีที่ดินที่รอการพัฒนาอยู่อีก 4 แปลง ได้แก่ ที่ดินริมถนนรัตนาธิเบศร์ (ด้านหน้าโครงการธนาสิริ - รัตนาธิเบศร์) ขนาด 2-0-87.9 ไร่ มูลค่าตามบัญชี 18.5 ล้านบาท ราคาประเมิน 62.2 ล้านบาท, ที่ดินเปล่า 4 ผืนในโครงการรัตนาธิเบศร์ (ต.บางรักใหญ่ อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี) 0-3-94.6 ไร่ มูลค่าตามบัญชี 8.4 ล้านบาท ราคาประเมิน 17.4 ล้านบาท, ที่ดินเปล่าริมถนนซอยวัดไผ่เหลือง (ต.บางรักพัฒนา อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี) 3-2-80.6 ไร่ มูลค่าตามบัญชี 26.4 ล้านบาท (อยู่ระหว่างคัดเลือกผู้ประเมิน) และที่ดินเปล่า กมลา (อ.กระทู้ จ.ภูเก็ต) 104-2-76.9 ไร่ มูลค่าตามบัญชี 52.7 ล้านบาท ราคาประเมิน 764 ล้านบาท
ด้วยจุดแข็งด้านต่าง ๆ อาทิ ทีมงานที่เปี่ยมไปด้วยความสามารถ และทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ เนื่องจากองค์กรมีขนาดไม่ใหญ่มาก ดังนั้น จึงมีความคล่องตัวและยืดหยุ่นในการทำงานค่อนข้างสูง ซึ่งถือเป็นข้อได้เปรียบทางด้านการบริหารและการจัดการ รูปแบบบ้านที่แตกต่างจากคู่แข่ง และตรงตามความต้องการของลูกค้า มีการจัดสรรพื้นที่ส่วนกลาง การให้ความสำคัญกับคุณภาพชีวิตของลูกค้า โดยทุก ๆ โครงการของบริษัท ไม่ว่าจะเป็น โครงการทาวน์เฮ้าส์ บ้านแฝด และบ้านเดี่ยว บริษัทนำพื้นที่ส่วนกลางดังกล่าวมาสร้างเป็นสระว่ายน้ำ สโมสร และฟิตเนส เพื่อให้เป็นจุดพักผ่อน และให้ลูกค้าได้ออกกำลังกาย ลูกค้ามีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ซึ่งโครงการของคู่แข่งทั่วไปจะไม่เน้นการเพิ่มพื้นที่ส่วนกลางแต่จะนำพื้นที่มาพัฒนาเป็นที่อยู่อาศัยมากกว่า ระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ บริษัทได้นำมาพัฒนาใช้ในการบริหารจัดการด้วยระบบคอมพิวเตอร์เชื่อมโยงกันระหว่างทุกโครงการ และสำนักงานใหญ่ ทั้งโปรแกรมบริหารข้อมูลโครงการ ซึ่งทีมผู้บริหารสามารถตรวจสอบข้อมูลที่เกี่ยวกับการขายและสินค้าคงเหลือทั้งหมดได้ตลอดเวลา โปรแกรมบริหารงานขาย เพื่อให้ฝ่ายการตลาดสามารถวิเคราะห์ลักษณะความชื่นชอบและสิ่งที่ลูกค้าต้องการได้อย่างมีประสิทธิภาพและรวดเร็ว โปรแกรมระบบจัดการบริการงานหลังการขาย โปรแกรมบริหารงานจัดซื้อ ฯลฯ
"จากการที่บริษัทได้มีการปรับรูปแบบธุรกิจให้มีเป้าหมายที่ชัดเจน และสามารถวัดผลได้ เพื่อกำหนดทิศทางในการทำงานให้ผู้บริหารและพนักงานทุกคน โดยการวางแผนการทำงาน ให้ในสิ่งที่ลูกค้าต้องการ มีการตอบสนองต่อลูกค้าอย่างรวดเร็ว และสามารถควบคุมต้นทุนแลค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ให้เป็นไปตามเป้าหมายทางการเงินที่ได้กำหนดไว้ ด้วยศักยภาพและความเป็นมืออาชีพ ที่คร่ำหวอดอยู่ในวงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์มากว่า 30 ปี และจากการที่ พ.ร.บ.ที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ที่จะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 ม.ค. 2560 จะส่งผลกระทบต่อผู้ที่มีที่ดินอยู่ในมือเป็นจำนวนมาก ทางบริษัท ธนาสิริ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เองก็มีความพร้อมเป็นอย่างยิ่งที่จะเปิดโอกาสให้กับผู้ที่มีที่ดินรอการพัฒนาเหล่านี้ หรือนักลงทุนที่สนใจเข้ามาร่วมลงทุนกับบริษัทในรูปแบบต่างๆ" กรรมการผู้จัดการ กล่าวในที่สุด