กรุงเทพฯ--26 ส.ค.--อาร์เอส
ต่อสู้ล่ารายชื่อเพื่อการเปลี่ยนแปลงกฏหมายในโทษ "ข่มขืน" มานับปีสำหรับ "ดร.บุ๋ม-ปนัดดา วงศ์ผู้ดี" ที่วันนี้ได้เปิดใจกับทีมข่าว "บันเทิง 8 HOT NEWS" ทาง "ช่อง 8" เข้มทุกเรื่องราว สุดทุกอารมณ์ หลังมีประกาศ "ไม่อภัยโทษ" ให้คดีข่มขืนว่าถึงขั้น "ร้องไห้" ด้วยความตื้นตัน พร้อมโดนขู่ "กูจะข่มขืนมึง" ซึ่งเจ้าตัวบอกถึงจะเจอเรื่องหนักแต่ไม่ท้อ ขอเป็นดาราที่ทำดีเพื่อสังคมให้คนจดจำ
ล่าสุดมีประกาศไม่อภัยโทษผุ้ต้องขังคดีข่มขื่น ?
"ตอนที่เห็นข่าวตอนเช้า พูดตามตรงว่าร้องไห้ ก็อย่างที่ทุกคนเห็นว่าสู้มาหนักมาก แล้วก็พยายามทำอะไรหลายต่อหลายอย่างเพื่อให้ได้สิ่งนี้มา แล้วก็ได้ทั้ง 4 ข้อ 5 ข้อที่ขอไป มันก็เลยรู้สึกพูดอะไรไม่ออกแล้ว เพราะตอนแรกอย่างที่ทุกคนเห็น อย่าฝนอจีจะเห็นได้ว่าบุ๋มไปตามงานสัมนา งานต่างๆ หรือรายการทีวีที่มักจะจับอีกฝ่าย ฝ่ายโน้นฝ่ายนี้มายำบุ๋มกับการต่อสู้ของบุ๋ม พอได้สิ่งนี้มามันก็ร้องไห้เป็นธรรมดา แต่เป็นน้ำตาแห่งความดีใจ ดีใจที่อย่างน้อยผู้ใหญ่รับฟัง"
ก่อนหน้านี้ล่ารายชื่อให้แก้กฏหมาย ?
"ใช่ค่ะ ปี 57 นี่รอบหนึ่งเนาะ ปลายปี 56 อันนั้นแก้กฏหมายในเรื่องของข่มขืน ก็แก้จากโทษข่มขืนโทษปรับที่เป็น 8,000-40,000 ก็เป็น 80,000-400,000 บาท แล้วก็อ้างว่าข่มขนเยาวชน ต่ำกว่า 13 อ้างว่าไม่รู้ไม่ได้ก็ตัดข้อนั้นออก ก็มีการแก้ตรงนี้ให้ เราก็รู้สึกว่ามันก็เป็นอีกก้าวหนึ่งของการเปลี่ยนแปลงตรงนั้นแล้ว ค่าเงินมันเปลี่ยนนะ โทษอื่นๆ ที่เป็นกฏหมายใหม่ยังปรับตั้งล้านนึง ข่มขืนแปดพันเองเหรอ มันไม่ใช่เรื่องแล้วอีกอย่างกฏหมายทางด้านเกี่ยวกับผู้หญิงมันไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลง 30 กว่าปี"
อยากปรับทุกอย่างให้เข้ากับกระแสสังคม ?
"ไม่หรอก กระแสสังคม ข่มขืนเท่ากลับประหารนั่นคือกระแสสังคมที่อยู๋จุดนั้นไปแล้ว เราทำขนาดนั้นไม่ได้เพราะกฏหมายก็คือกฏหมาย เราปรับได้เท่าที่มันจะทำได้ เท่าที่มันไม่ขัดกับสิทธิมนุษยชนด้วย บุ๋มว่ามันต้องหันหน้าเข้าหากันแล้วสร้างความเข้าใจกันมากกว่าแทนที่จะเอาแต่งโสด่าในโซเชี่ยล มันไม่ได้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่แท้จริงไง สิ่งที่บุ๋มทำ บุ๋มอยากให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่แท้จริง บุ๋มไม่รู้หรอกบุ๋มจะมีอายุอีกสักกี่ปี แต่ลูกสาวบุ๋มกำลังจะโตในสังคม 2 มือแม่คนนี้ทำยังไงก็ได้ให้สังคมมันรู้สึกว่าปลอดภัยมากกว่านี้อีกนิดหนึ่งก็ยังดี"
เป็นกระบอกเสียง เรียกร้องความยุติธรรม ?
"ที่ผ่านมามันก็เป็นอย่างนั้น เป็นส่วนหนึ่งของการสร้างสิ่งดีๆ เติมเต็มช่องว่าในสังคม บุ๋มในวันนี้ยังมีชื่อเสียงก็อยากใช้ชื่อเสียงที่มีในวันนี้สร้างสิ่งดีๆ ให้กับสังคมในวันที่บุ๋มยังมีพลังอยู่ บุ๋มไม่รู้หรอกว่าได้ไม่ได้ พอมันได้มันก็เลยดีใจ ดีใจมากและได้หมดเลยที่ขอไปทุกรณ๊ที่ยื่นขอไป ไม่ว่าจะเป็นข่มขืนทั้งชายและหญิงนะคะ ข่มขืนผู้ชายก็ไม่ได้ ข่มขื่นเยาวชนต่ำกว่า 15 ไม่ได้ ข่มขืนแล้วฆ่า ข่มขืนโดยมีอาวุธขู่ก็ไม่ได้ หรือข่มขืนคนที่อยู่ในอำนาจดูแลก็ไม่ได้ เช่น พ่อข่มขืนลูก ปู่ ลง ข่มขืนหลาน หรือเจ้านายข่มขืนลูกน้องก็ไม่ได้รับการอภัยโทษนี่คือสิ่งเราร้องขอไปแล้วก็ได้รับความเห็นใจ ถือว่าเป็นแค่อีกก้าวหนึ่งของการเปลี่ยนแปลงทางด้านนี้ เพราะบุ๋มเชื่อว่ากระแสสังคมก็รับไม่ได้เพียงแต่ว่าก็แค่เปฌนการแก้ปลายเหตุนะ แต่มันก็ยังดีกว่าการที่ไม่ได้ทำอะไรเลยสิ่งที่จะทำต่อไปคือเราต้องไปที่ต้นเหตุ เราจะไปตามโรงเรียนและชุมชนต่างๆ ในการปลูกจิตสำนึกเด็กๆ เยาวชนจะต้องมีความเข้าใจกันและกัน สำหรับผู้ชายเราจะมีศิลปินชาย ผู้ชายเก่งๆ ไปให้ความรู้ว่าการที่จะเติบโตไปเป็นผู้ชายในอนาคตต้องให้เกียรติผู้หญิงอย่างไรถึงจะประสบความสำเร็จในชีวิต ผู้หญิงเองก็ต้องให้เกียรติผู้ชายอย่างไร รู้จักดูแลตัวเองอย่างไร และถ้าหากมันเกิดเรื่องจะแจ้งความกับใคร"
บางคนก็ไม่เห็นด้วยกับสิ่งที่เรากำลังทำ ?
"ส่วนใหญ่เป็นขี้ปาก ออกมาด่า โพสจดหมายมาหา เขาคงรำคาญบุ๋มจริงๆ คงเกลียดบุ๋มด้วยเหตุที่บุ๋มทำ บุ๋มก็บอกว่าถ้าไม่เห็นด้วยกับสิ่งที่บุ๋มทำคุณก็บอกมาสิว่าคุณอยากทำอะไรในสิ่งที่แก้ไขได้ ถ้าคุณคิดว่าสิ่งที่บุ๋มทำไม่ได้แก้ไขปัญหาการข่มขืน ไม่ไดแก้ไขปัญหาทางสังคมที่ถูกต้องคุณก็ออกมาก็ได้ ปัญหาสังคมมันมีเยอะแยะ ต่างคนต่างต้องช่วยกันคนละไม่คนละมือ บุ๋มเองทำได้แค่นี้ คิดได้แค่นี้สมองบุ๋มก็มีอยู่แค่นี้ ก็ทำเท่าที่จะทำได้ แต่ทำแล้วมันเห็นผล เพียงแต่ว่าคุณไม่เห็นด้วยคุณก็ทำในส่วนของคุณไป ไม่เห็นต้องมานั่งด่าบุ๋มแต่คุณไม่ทำอะไร บุ๋มต้องแคร์คนกล่มนี้ไหม แต่บางคนก็ปากร้ายเกินไปมาด่าถึงกระทั่งชีวิตส่วนตัว มาด่าในเรื่องการเลี้ยงลูก หรือเป็นผู้หญิงเซ็กซี่ ซึ่งบุ๋มอยากจะบอกว่าผู้หญิงเซ็กซี่คนนี้แหละค่ะที่เปลี่ยนแปลงสังคม"
มีขู่ทำร้ายบ้างไหม ?
"มีค่ะ ใช้คำว่ากูจะข่มขืนมึง ไม่ได้ท้าให้มา แต่นั่นคือการแก้ปัญหาของคุณคิดได้แค่นั้นใช่ไหม ถ้าคนที่คิดได้แค่นั้นบุ๋มไม่กลัว ถ้ากลัวคงไม่เริ่มต้นมาถึงขนาดนี้"
ท้อบ้างไหม ?
"ร้องไห้หลายหนแล้ว เพราะว่าคนที่บ้านก็เป็นห่วง ห่วงภาวะจิตใจ ภาวะงานทุกอย่าง พี่เป็นคนหนึ่งที่งานยุ่งอยู่แล้วไม่เห็นจะต้องมานั่งเครียดกับงานสังคม งานที่ไม่ได้ตังก์ งานที่อยู่ๆ เอาใครก็ไม่รู้มานั่งด่ามันไม่ใช่เรื่อง แต่พี่ทำแล้วพี่รู้สึกว่าพี่มีคว่ามสุขมากกว่าการเป็นแค่ดารา ดาราเดี๋ยวนี้ใครๆ ก็เป็นได้ คนเข้ามาในวงการเยอะแยะ แต่ดาราที่คนจะกล่าวถึง ณ วันหนึ่งถ้าพี่ตายไปคนยังจำได้ผลงานของพี่ พี่ขอเป็นดาราประเภทที่ 2 กว่า"