กรุงเทพฯ--28 ส.ค.--อาร์เอส
กลายเป็นประเด็นดราม่าเพียงชั่วข้ามคืนสำหรับคลิปของ "เอิร์น-จิรวรรณ" ที่โพสวิดิโอบนรถ ในขณะที่ "ดวงฤทธิ์" สามีกำลังขับรถโดยมี "น้องดี" วัย 2 ขวบ ลูกชายนั่งอยู่บนตัก ซึ่งชาวเน็ตต่างเข้าไปคอมเม้นท์เตือนว่าอันตรายทั้งกับเด็ก และผู้ใช้ถนน โดย "สาวเอิร์น" ได้เปิดใจผ่านรายการ "บันเทิง 108" ทาง "ช่อง 8" เข้มทุกเรื่องราว สุดทุกอารมณ์ ยกมือไหว้ขอโทษและขอบคุณวามเป็นห่วง วอนสังคมช่วยฟังคำชี้แจ้ง พร้อมทั้งพาทีมงานไปขับรถในความเร็วและสถานที่ที่เดียวกันกับในคลิป เพื่อเป็นการยืนยันว่าไม่ได้ใช้ความเร็วจนควบคุมไม่ได้ หากเกิดเหตุฉุกเฉิน
เกิดดราม่าในโซเชี่ยลจากการโพสคลิปลูกขับรถ ?
"อย่างที่ชี้แจงไปในโซเชี่ยลในเรื่องของการขับรถก็เป็นการขับรถเล่นปกติซึ่งตรงนี้พี่ขอโทษถ้าคลิปที่ออกไปแล้วหลายๆ ท่านอาจจะดูว่ามันไม่เหมาะสม ดูแล้วว่ามันมีอัตราที่จะเกิดอันตรายทั้งกับตัวน้องเองและสังคม คำเตือนตอนแรกๆ ที่มาจะมาในลักษณะนี้ว่าระวังอันตรายนะคะ ดูขับรถเร็วจัง ซ฿งตรงนี้พี่ก็น้อมรับ แล้วก็ออกมาขอบคุณในช่วงแรกเลยที่ขอบคุณในไอจีของคลิปนั้นเลย ขอบคุณสำหรับความเป็นห่วง แต่ทีนี้เราก็อยากจะให้ทราบว่า ด้วยความเปฌนแม่จะทำทุกอย่างที่เกี่ยวกับลูกเราคิดเยอะอยู่แล้ว แต่ว่าในภาพที่มันออกไป มันอาจจะดูไม่สมควรที่จะทำ ซึ่งตรงนี้ก็ต้องขอโทษทุกคนจริงๆ ถ้าทำให้ใครดูแล้วรู้สึกไม่ดี ทำไมทำแบบนี้ต้องขอโทษจริงๆ แล้วก็อย่างที่พาน้องออกไปประเด็นแรกที่อยากจะพูดก็คือในเรื่องของความเร็ว ในคลิปหลยคนอาจจะดูว่าขับรถเร็ว ซึ่งพี่เองก็ฌยอมรับและก็ตกใจเองเหมือนกัน พูดตรงๆ ช่อง 8 โทรมาติดต่อพี่คนแรก เราก็ตกใจว่ามันเป็นข่าวเหรอเราไม่ได้เล่นเน็ตอยู่ ทางช่อง 8 ติดต่อมาว่ามีข่าวอันนี้พี่ก็แบบวินาทีแรกคือตกใจ แล้วก็เปิดกลับเข้าไปดูในคลิป ก็มีคอมเม้นท์มาแต่ว่ายังไม่ได้แรงมาก ไม่เยอะมาก แต่ว่าก็ได้ทราบว่ามีกระทู้สาธารณะที่เริ่มออกไปแล้ว ทีแรกก็คแค่ตกใจแล้วก็เปิดเข้าไปดูในคลิปแล้วรู้สึกว่าคำเตือนที่หลายๆ คนพูดดูเร็วจังเลย ระวังอันตรายนะคะ มันจริง ดูในคลิปแล้วรู้สึกว่ามันเร็วจริงๆ มันดูว่าขับรถซิ่งเลยล่ะ เร็วมากเกินการควบคุมถ้าเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉินขึ้นมา อันนี้เราเข้าใจ แต่พอเรื่องราวมันเริ่มไปเยอะพี่ก็รู้สึกว่ามันเริ่มคิดเยอะ แล้วก็เริ่มมีความเครียดเข้ามา"
วันนั้นใครเป็นคนขับรถ ?
"คุณพ่อขับค่ะ(สามีของเอิร์น) สังเกตุดีๆ จะเห็นเลย คือต้องออกตัวก่อนว่าพี่ไม่ขับรถมาตั้งแต่มีลูกคนแรก อันนี้สามารถถามคนรอบข้างเอิร์นได้ เวลาไปไหนมาไหนก็จะมีคนขับรถตลอดเนื่องจากว่าพี่นอนกับลูกตลอด แล้วการนอนของเด็กเนี่ยไม่ได้นอนตลอด นอนแล้วก็ตื่น พี่ก็เลยคิดว่ามันจะทำให้ศักยภาพในการขับรถมันไม่เต็มร้อยในการที่จะขับออกไปบนถนน"
เราเป็นคนถ่ายคลิป ?
"ใช่ค่ะ นั่งอยู่ข้างๆ กัน"
คาดเข็มขัดเซฟยังไง ?
"มันจะเป็นสามจุดใช่ไหมคะ คุณพ่อเนี่ยก็จะคาดตรงไหน แล้วก็จะมีข้างล่างที่รัดติดกับตัวน้อง ตัวน้องจะรัดติดไว้กับคุณพ่ออยู่ ถ้าสังเกตุดีๆ จะเห็นมือคุณพ่อที่จับน้องอยู่ เข็มขัดจะอยู่ใต้นั้นนิดหนึ่ง"
ก็คือคาดเข็มขัดแน่นอน ?
"ใช่ค่ะ แล้วคุณพ่อก็จับไว้อีกทีหนึ่ง"
ความเร็วที่ขับตอนนั้น ?
"ก็เดี่ญววันนี้จะพาทีมงานไปถ่ายตามที่ขับ คือพี่ก็ไม่สังเกตุเรื่องนี้จริงๆ พอถ่ายถึงได้ทราบมาเกิดประเด็นนี้กับตัวเอง จริงๆ แล้วการขับรถแล่นแล้วถ่ายภาพมันดูเร็วจริงๆ แต่ความเร็วจริงๆ อัตราประมาณ 50-60 ค่ะ"
ช่วงเวลาไหน ?
"สายๆ ค่ะ ประมาณ 11 โมงกว่า"
คนเยอะไหม ?
"ไม่มีค่ะ เพราะว่าเป็นวันธรรมดา วันที่พี่ลงคลิปเป็นวันจันทร์ จะคนเยอะๆ จริงๆ ในซอยประมาณเที่ยงกว่าเหมือนกับว่าออกมาทานข้าว แล้วก็เยอะอีกทีก็จะเป็นช่วงเย็นหลังเลิกเรียน"
กระแสที่แรงสุดที่เราเห็นนี่มันขนาดไหน ?
"ตรงนี้ไม่ขอพูดดีกว่า พี่อ่านบ้างนะคะ แต่ไม่ได้อ่านทั้งหมด หลายๆ คนก็เตือนว่าอย่าไปอ่าน คือเราเลี้ยงลูกด้วยก็กลัวเราเครียด"
ร้องไห้เลยไหม ?
"ไม่ได้ร้องนะแต่ว่าคิด ก็คิดตามในมุมมองของคนที่คอมเม้นท์ว่ามันก็เป็นจริงที่เขาสามารถจะคิดได้"
หลังจากนี้จะไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ ?
"แน่นอน ก็เป็นสิ่งที่สอนตัวเองด้วยว่าจะทำอะไรก้ต้องคิดแล้วคิดอีก คิดเยอะ แน่นอนว่าก็คงไม่ให้เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นแก"
คุณสามีว่ายังไงบ้าง หลังจากมีข่าว ?
"สามีให้กำลังใจค่ะ เราเปฌนพ่อเป็นแม่สิ่งที่เราทำ เราก็คิดว่ามันปลอดภัยที่สุดสำหรับลูก หนึ่งคือเรื่องความเราก็ให้อยู่ในระดับที่ปลอดภัยสามารถควบคุมรถได้ถ้าเกิดเหตุฉุกเฉิน ในเรื่องราวอื่นๆ เราก็เต็มที่ในเรื่องความปลอดภัยของลูกอยู่แล้ว สมีก็เตือนในเรื่องของการกระทำอย่างนี้ด้วย เรื่องขอโซเชี่ยลด้วย"
ฝากอะไรถึงคนดูมั้ย ?
"สิ่งแรกเลยก็ต้องขอโทษทุกๆ คนที่เห็นว่าการกระทำนี้ไม่เหมาะสม เอิร์นน้อมรับทุกอย่างในเรื่องของว่าความประมาทอาจจะทำให้เกิดอุบัติเหตุได้ทุกวินาที แต่ก็อยากให้รับฟังข้อเท็จจริงในบางส่วนที่บางคนอาจจะไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ ไม่ทราบก็เลยจินตนาการไปในอีกทางหนึ่ง อยากจะให้รับฟังในเหตุผลตรงนี้ด้วย แล้วก็อยากจะขอบคุณทุกคนที่ส่งกำลังใจมาให้ทั้งเรื่องห่วงในในเรื่องระวังความเร็ว เขาเตือนมาเรารู้สึกดี เขาห่วงลูกเราทั้งๆ ที่ไม่เคยรู้จักกันแต่ว่าเขาเห็นคลิปแล้วเขาก็เป็นห่วงลูก อันนี้คือขอบคุณจริงๆ ที่เป็นห่วงน้อง แล้วก็ขอบคุณกำลังใจที่ส่งมาให้หลังจากที่เกิดเรื่องราว ที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งคือขอบคุณสื่อด้วยให้ความสนใจตรงนี้แล้วก็นำข้อเท็จจริงๆไปเสนอ ขอบคุณสื่อทุกที่ที่เป็นกลางและให้โอกาสเอิร์นด้วยค่ะ"