กรุงเทพฯ--30 ส.ค.--On 3 Communication
สสส. จับมือมูลนิธิ EDF จัดเวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้ระดับประเทศ โครงการ "ยิ่งเท่ ยิ่งน่ารัก เพราะกินโปรตีน ผักและผลไม้" ตอบสนองนโยบายการศึกษา ลดเวลาเรียนและเพิ่มการเรียนรู้ของนักเรียน
เพื่อส่งเสริมให้นักเรียนได้ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมและมีโอกาสรับประทานโปรตีน ผัก และผลไม้มากขึ้น สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ได้ร่วมกับมูลนิธิกองทุนการศึกษาเพื่อการพัฒนา (มูลนิธิ EDF) จัดเวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้ระดับประเทศ โครงการ "ยิ่งเท่ ยิ่งน่ารัก เพราะกินโปรตีน ผักและผลไม้" โดยมีผู้แทนจากสำนักงานการศึกษาเขตพื้นที่ คณะครู และนักเรียนกว่า 600 คน เข้าร่วมงานที่โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ คอนเวนชั่น กรุงเทพฯ ภายในงานมีการจัดนิทรรศการและออกบูธของนักเรียน พร้อมเปิดโอกาสให้ผู้เข้าร่วมงานได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นเพื่อนำไปปรับปรุงโครงการและกิจกรรมที่นักเรียนได้ทำต่อไป
"ยิ่งเท่ ยิ่งน่ารัก เพราะกินโปรตีน ผักและผลไม้" เป็นโครงการระยะเวลา 15 เดือนที่สสส.สำนัก 6 สนับสนุนด้านงบประมาณ โดยมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อให้นักเรียนในโรงเรียนประถมและประถมขยายโอกาส 147 โรงเรียน ใน 10 จังหวัด ได้แก่ ปทุมธานี ประจวบคีรีขันธ์ หนองคาย บึงกาฬ นครพนม มุกดาหาร สงขลา พัทลุง กระบี่ และตรัง ได้ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกินโปรตีน ผักและผลไม้ให้เพิ่มมากขึ้นในมื้อกลางวัน โดยได้ร่วมมือเป็นอย่างดีจากสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาจังหวัด โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพระดับตำบล พ่อแม่ผู้ปกครอง และภาคีเครือข่ายในชุมชน เพื่อร่วมกันผลักดันโครงการในโรงเรียนให้เกิดเป็นโรงเรียนนำร่องด้านการกินโปรตีน ผักและผลไม้ ของเขตพื้นที่การศึกษาและขยายไปยังครอบครัวนักเรียนและชุมชน
เด็กหญิงชนภ์นิภา บุญประทิน และเด็กหญิงกัลทนา ยิ่งสกุล นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนวัดโสภณาราม จังหวัดปทุมธานี เล่าว่า "ที่โรงเรียนวัดโสภณารามมีนักเรียนระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 4-6 เข้าร่วมโครงการ "ยิ่งเท่ ยิ่งน่ารัก เพราะกินโปรตีน ผักและผลไม้" โดยพวกเราร่วมกันทำโครงการกิจกรรมแปรรูปเห็ดเป็นรายการอาหารต่างๆ เช่น น้ำพริกเผาเห็ด น้ำเห็ดสามรส เป็นการเรียนรู้นอกจากการเรียนในห้องเรียน และยังเป็นการฝึกอาชีพไปด้วย เพราะเรานำผลิตภัณฑ์ขายในโรงเรียน และได้ขยายออกไปขายในชุมชนด้วย การได้มีโอกาสทำโครงการนี้ ทำให้พวกเรารู้จักและรับประทานผักชนิดต่างๆ มากขึ้น เวลาที่เพื่อนๆ หรือน้องๆ ไม่กินผัก พวกเราก็จะให้กำลังใจบอกว่า ผักมีประโยชน์ มีคุณค่าทางโภชนาการ ทำให้เราแข็งแรง ดังนั้นอย่าเขี่ยผักและห้ามทิ้งผักนะ"
เด็กชายธงชัย เพ็งจาง นางสาวสุทธิดา สีทน ตัวแทนนักเรียนระดับมัธยมศึกษาปีที่ 3 และเด็กหญิงนันทิมา วงศ์ธานี ตัวแทนนักเรียนระดับมัธยมศึกษาปีที่ 2 จากโรงเรียนบ้านหัวแฮต จังหวัดบึงกาฬ ที่มาร่วมกันโชว์ตำส้มตำที่มาจากผลผลิตจากโครงการที่ร่วมกันทำ เล่าว่า "ที่โรงเรียนเราทำโครงการปลูกผักและเลี้ยงสัตว์ทั้งไก่ เป็ด วัว ควาย โดยสัตว์เล็กเราก็นำมาเป็นอาหารให้นักเรียนภายในโรงเรียน หรือนำผลผลิตที่ได้ไปขาย ส่วนสัตว์ใหญ่เราก็เอามูลไปเป็นปุ๋ยใส่ในพืชผักที่เราปลูก สำหรับคุณค่าสารอาหารจากส้มตำ เราก็ได้โปรตีนจากไข่เค็มซึ่งเป็นผลผลิตจากไข่เป็ดจากเป็ดที่เลี้ยง มะละกอ พริก ถั่วฝักยาว มะนาว ก็มาจากพืชผลที่พวกเราช่วยกันปลูก กิจกรรมที่พวกเราร่วมกันทำซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโครงการ "ยิ่งเท่ ยิ่งน่ารัก เพราะกินโปรตีน ผักและผลไม้" มีประโยชน์มากค่ะ เราทำกันเองเป็นการฝึกการรับผิดชอบโดยมีคุณครูเป็นที่ปรึกษาอยู่ห่างๆ พวกเราภูมิใจมาก และคิดว่ายังสามารถนำไปประกอบเป็นอาชีพในอนาคตได้ด้วย"
ทางด้านโรงเรียนไทยรัฐวิทยา (บ้านคำพี้) จังหวัดนครพนม ซึ่งเปิดทำการสอนตั้งแต่ระดับเตรียมอนุบาล-มัธยมศึกษาปีที่ 3 ที่มีตัวแทนนักเรียนจากชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1-3 ประกอบด้วย นายสุขสันต์ พ่อสิงห์ เด็กชายบรรพต คำแหงพล เด็กหญิงวิชชุดา พรหมพินิจ เด็กหญิงพิมพ์อักษร มาจอมศรี และเด็กหญิงรุ่งทิวา รักความซื่อ เล่าว่า "ที่โรงเรียนเราทำโครงการสุขภาพดี ราศีสวย มีการปลูกพืชผักสวนครัว เช่น ผักกาดหอม ผักบุ้ง ผักหวาน เลี้ยงปลาดุก กบ ไก่พันธุ์เนื้อ และหมู โดยเรานำไปขายให้สหกรณ์ภายในโรงเรียนเพื่อนำมาทำเป็นอาหารกลางวันให้นักเรียน เมี่อก่อนพวกเราจะรับประทานผักกันน้อยมาก แต่พอมาทำโครงการนี้ พวกเรารับประทานผักกันมากขึ้น ส่วนหนึ่งเพราะเป็นผลิตผลที่เราปลูก เราเลี้ยง เป็นความภูมิใจ เราช่วยกันรณรงค์ให้นักเรียนรับประทานผักและออกกำลังกายเพื่อให้มีสุขภาพแข็งแรง นอกจากนั้น เรายังร่วมกันผลิตชา 3 ดี ออกขาย ที่มีส่วนผสมของใบเตย ใบมะตูม และใบผักหวาน ซึ่งเป็นพืชสมุนไพรที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพมาก"
เด็กหญิงกัญญ์วรา คมสันต์ เด็กหญิงกฤตติยาพร บุญมาเลิศ และเด็กชายสิทธิพร คุณเกียรติ ตัวแทนนักเรียนชั้นประถมปีที่ 6 โรงเรียนวัดธัญญะผล จังหวัดปทุมธานี บอกว่า "พวกเราทำโครงการปลูกวอเตอร์เครส (ผักสลัดน้ำ) ซึ่งเป็นพืชที่ปลูกง่าย สามารถรับประทานสด เป็นผักสลัด เป็นเครื่องเคียงรับประทานกับน้ำพริกก็อร่อย สามารถสร้างรายได้ด้วย"
รศ.ดร.อำนาจ ศรีรัตนบัลล์ ประธานกรรมการบริหารแผน คณะที่ 6 สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) เผยว่า "ตามพระราชบัญญัติสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ. 2550 ได้ให้คำจำกัดความหมายของ "สุขภาพ" ว่าหมายถึง สภาวะของมนุษย์ที่สมบูรณ์ทั้งทางกาย ทางจิต ทางปัญญาและทางสังคม เชื่อมโยงเป็นองค์รวมอย่างสมดุล ปัญญา หมายถึง ความรู้ทั่ว รู้เท่าทันและความเข้าใจอย่างแยกได้ในเหตุผลแห่งความดี ความชั่ว ความมีประโยชน์ และความมีโทษ ซึ่งนำไปสู่ความมีจิตใจอันดีงามและเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ สสส.เป็นองค์กรที่มีหน้าที่จุดประกาย กระตุ้น สาน และเสริมพลังบุคคลและองค์กรทุกภาคส่วน ให้มีขีดความสามารถและสร้างสรรค์ระบบสังคมที่เอื้อต่อการมีสุขภาวะ โดยเราได้ทำงานร่วมกับภาคีจากหลากหลายภาคส่วนในการร่วมกันขับเคลื่อนงานสร้างเสริมสุขภาพ ก่อให้เกิดความสำเร็จในการสร้างผลกระทบต่อสุขภาวะของคนไทยมากมายตลอดระยะเวลา 15 ปีที่ผ่านมา โครงการ "ยิ่งเท่ ยิ่งน่ารัก เพราะกินโปรตีนผักและผลไม้" สอดคล้องกับเป้าหมายและตัวชี้วัดระดับชาติที่เป็นทิศทาง 10 ปี ของ สสส. ในประเด็นการเพิ่มอัตราการบริโภคผักและผลไม้อย่างพอเพียงตามข้อแนะนำ (400 กรัม/วัน) อย่างน้อยร้อยละ 50 ในปี พ.ศ.2564 และอัตราชุกของภาวะน้ำหนักตัวเกินและโรคอ้วนในเด็กวัยเรียน อายุ 6 – 14 ปี ให้น้อยกว่าร้อยละ 11 ภายในเวลา 3 ปี ซึ่งจะสอดคล้องกับการดำเนินงานของสำนักสร้างสรรค์โอกาส/อ นำเสนอข้อมูลย้อนหลัง และนวัตกรรม (สำนัก 6) ในการขยายและกระจายโอกาสการทำงานสร้างเสริมสุขภาพสู่ภาคี รายย่อยให้กว้างขวาง โดยเพิ่มการบูรณาการการทำงานกับแผนเชิงรุก เพื่อตอบสนองต่อทิศทาง เป้าหมายและยุทธศาสตร์ 10 ปี สสส."
นางสาวจารุวัฒน์ บุษมาลี ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาโครงการ มูลนิธิกองทุนการศึกษาเพื่อการพัฒนา (มูลนิธิ EDF) กล่าวว่า "โครงการ "ยิ่งเท่ ยิ่งน่ารัก เพราะกินโปรตีน ผักและผลไม้" ได้รับงบประมาณสนับสนุนจาก สสส.สำนัก 6 มีเป้าหมายหลักเพื่อให้นักเรียนในโรงเรียนประถมและประถมขยายโอกาส จำนวน 147 โรงเรียน ใน 10 จังหวัด มีพฤติกรรมการกินโปรตีน ผักและผลไม้เพิ่มมากขึ้นในมื้อกลางวัน โดยมีระยะเวลาดำเนินงาน 15 เดือน เริ่มตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2558 ถึง ตุลาคม 2559 ซึ่งจากการดำเนินโครงการที่ผ่านมาเกิดผลลัพธ์กล่าวคือ 1) มีนักเรียนในโรงเรียนเป้าหมายจำนวน 32,345 คน ได้รับประทานอาหารกลางวันที่มีโปรตีน ผักและผลไม้ปลอดสารพิษเพิ่มมากขึ้น โดยมีเด็กที่สามารถกินโปรตีน ผักและผลไม้ได้ตามเกณฑ์ในมื้อกลางวัน ร้อยละ 81.56 /กินได้ต่ำกว่าเกณฑ์ร้อยละ 18.09 และยังไม่กินผักผลไม้เลย ร้อยละ 1.89 2) เกิดครอบครัวตัวอย่าง 2,116 ครอบครัว ที่ปลูกผักผลไม้และสมาชิกในครอบครัวประมาณ 8,464 คน ได้กินผักผลไม้ปลอดสารพิษเพิ่มมากขึ้น 3) นักเรียนที่เข้าร่วมโครงการร้อยละ 86.52 มีความรู้เรื่องโภชนาการ ทราบประโยชน์ของการกินโปรตีน ผักผลไม้ การออกกำลังกายทำให้เกิดการเปลี่ยนพฤติกรรมหันมากินโปรตีน ผักผลไม้ และออกกำลังกายเพิ่มมากขึ้น 4) สามารถลดจำนวนนักเรียนผอม/อ้วน ได้บางส่วน 5) โรงเรียนทุกโรงเรียนมีแปลงผักปลอดสารพิษเพื่อป้อนอาหารกลางวัน เป็นแหล่งเรียนรู้และฝึกทักษะอาชีพด้านการเกษตร 6) มีโรงเรียนที่สามารถจัดอาหารกลางวันที่มีปริมาณโปรตีน ผักผลไม้ได้ตามเกณฑ์ทุกวัน ร้อยละ 83.03 (122 ร.ร.) และทุกโรงเรียนมีระบบสมุดบันทึกพฤติกรรมการกินของนักเรียน นอกจากนั้นยังเกิดพื้นที่ที่มีสภาพแวดล้อมหรือปัจจัยทางสังคมที่เอื้อต่อสุขภาวะของคน องค์กรและชุมชน กลุ่มเป้าหมายที่ได้รับการพัฒนาศักยภาพให้เป็นแกนนำในการทำกิจกรรมสร้างเสริมสุขภาพในพื้นที่ เกิดโครงการตัวอย่างปฏิบัติการที่ดี เช่น โรงเรียนต้นแบบด้านการกินผักผลไม้ โดยสามารถสร้างกลไกการบริหารจัดการในโรงเรียนได้อย่างเป็นระบบและมีประสิทธิภาพ และเกิดนวัตกรรมสร้างเสริมสุขภาพในเรื่องการสร้างกระบวนการเรียนรู้ในการจัดกิจกรรมลดเวลาเรียนเพิ่มเวลารู้/ แหล่งอาหาร ปันอยู่ ปันกิน ปันกัน และ ลูกหลานเรียนรู้เมนูผู้เฒ่า เป็นต้น"
ดังนั้น โครงการ "ยิ่งเท่ ยิ่งน่ารัก เพราะกินโปรตีน ผักและผลไม้" จึงน่าสนใจและสามารถนำไปเป็นแบบอย่างปรับใช้ในการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของเยาวชนไทยในปัจจุบัน เริ่มตั้งแต่ครอบครัวที่เป็นหน่วยเล็กที่สุดของสังคมให้หันมาดูแลลูกหลานได้รับประทานโปรตีน ผัก และผลไม้กันมากขึ้น เพื่อการมีสุขภาพอนามัยที่ดี
สำหรับหน่วยงานหรือองค์กรใดที่สนใจร่วมทำกิจกรรมกับมูลนิธิ EDF สามารถติดต่อได้ที่อีเมล public@edfthai.org หรือ
คลิก www.edfthai.org หรือโทรศัพท์ 02 579 9209-11