กรุงเทพฯ--30 ส.ค.--
ประธานสมาพันธ์อัญมณีและเครื่องประดับโลกมั่นใจประเทศไทยมีโอกาสก้าวขึ้นสู่ผู้นำตลาดอัญมณีโลกได้ แนะให้ไทยกำหนดจุดยืนในเวทีผู้ค้าให้ชัดเจน เริ่มจากตลาดเอเชียก่อน จากนั้นเสริมจุดแข็งที่มีอยู่และปรับแผนการตลาดให้โดดเด่นขึ้น เพื่อให้พร้อมสำหรับการก้าวสู่ผู้นำตลาดอัญมณีของโลก
ดร. เกตาโน คาวาเลียรี ประธานสมาพันธ์อัญมณีและเครื่องประดับโลก กล่าวในงาน Dinner Talk ถึงแนวโน้มธุรกิจและกลยุทธ์การแข่งขันในอุตสาหกรรมอัญมณี ซึ่งงานนี้เป็นส่วนหนึ่งของการจัดงาน Bangkok Gems and Jewelry Fair ครั้งที่ 58 จัดโดยกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศโดยมีสถาบันฝึกอบรมด้านการค้าระหว่างประเทศ ร่วมกับ สถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับไทย (GIT) โดยเป็นการบรรยายให้ความรู้และคำแนะนำแก่ผู้ประกอบการอัญมณีถึงการก้าวสู่การเป็นผู้นำในตลาดอัญมณีและเครื่องประดับของไทยทั้งในระดับเอเชียและ ระดับโลกว่า โดยส่วนตัวนั้น มีความเชื่อมั่นว่าประเทศไทยมีโอกาสที่จะก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งผู้นำในตลาดโลกได้ โดยต้องเริ่มจากการกำหนดจุดยืนในตลาดเอเชียก่อนจากนั้นจึงเสริมจุดแข็งที่มีอยู่ และปรับแผนการตลาดเพื่อให้แข่งขันกับประเทศอื่นๆ ได้ ในส่วนของตลาดเอเชียนั้น ควรเริ่มจากการวางตำแหน่งตัวเองให้เป็น "จุดแรกเข้า" (Primary Access Point) ของกลุ่มอาเซียน (ASEAN) และเป็นศูนย์กลางการค้าการผลิต และบริการของทวีปเอเชีย เพื่อครองความเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับ
ดร.คาวาเลียรีให้ความเห็นว่า สำหรับตลาดสินค้าอัญมณีไทยควรเน้นเจาะตลาดสหรัฐฯ เพราะมีอัตราการบริโภคสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับมากถึง 55% ของการผลิตอัญมณีและเครื่องประดับในโลก ส่วนการเข้าสู่ตลาดจีน ประเทศไทยจะต้องวางตำแหน่งทางธุรกิจให้มีความชัดเจน มีแบบแผนซึ่งจะสะท้อนจากผลิตภัณฑ์ที่ขายการออกแบบและภาพลักษณ์สินค้า เพราะการที่จะเป็นอันดับหนึ่งได้นั้น จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องพยายามเจาะหาตลาดใหม่ๆอยู่ตลอดเวลา" จากนั้นคือการเสริมจุดแข็งที่มีอยู่ เพื่อให้เกิดความเป็นเอกลักษณ์ที่ประเทศคู่ค้าอื่นๆ จะนึกถึงประเทศไทยจากความเป็นเอกลักษณ์นี้ ซึ่งปัจจุบันการที่ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางอัญมณีและเครื่องประดับแห่งอาเซียน ถือได้ว่าเป็นจุดขายอันเป็นเอกลักษณ์ (Unique Selling Proposition (USP) ที่ทรงพลังมาก เพราะจากสภาพภูมิศาสตร์จะเห็นได้ว่าประเทศไทยอยู่ตรงกลางแวดล้อมไปด้วยประเทศที่เป็นคู่ค้าในอุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับกับประเทศไทยทั้งสิ้น
"จากศักยภาพของประเทศไทยที่มีอยู่แล้ว ทั้งการเป็นแหล่งวัตถุดิบ แหล่งฝีมือคุณภาพ เพียงแต่จะปรับในบางจุดทั้งเรื่องของการสร้างเอกลักษณ์ เสริมจุดแข็งที่มีอยู่ และปรับแผนการตลาดให้โดดเด่นชัดเจนมากขึ้น โดยประเทศไทยมีโครงสร้างพื้นฐานของธุรกิจนี้ ทั้งในกรุงเทพฯ และที่นิคมอุตสาหกรรมอัญธานี เป็นแหล่งสำคัญของอุตสาหกรรมอัญมณีสี มีแรงงานที่มีความชำนาญ มียอดขายที่สูงและยังมีบุคลากรที่มีความรู้ความชำนาญในสาขาอัญมณีวิทยาอีกเป็นจำนวนมาก ทั้งนักวิทยาศาสตร์และนักวิชาการ ยังไม่รวมถึงความได้เปรียบของสภาพทางภูมิศาสตร์ที่ประเทศไทย ตั้งอยู่ในจุดศูนย์กลางที่สามารถเดินทางไปภูมิภาคอื่นๆ ได้อย่างสะดวกและใช้เวลาไม่นานโดยส่วนตัวแล้วเชื่อว่าไม่ใช่เรื่องยากที่ประเทศไทยจะก้าวขึ้นเป็นผู้นำในตลาดอัญมณีและเครื่องประดับของโลก ได้ในเวลาไม่นานจากนี้" ดร.คาวาเลียรี่กล่าวสรุป
งาน Bangkok Gems and Jewelry Fair ครั้งที่ 58 กำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ 7-11 กันยายน 2559 นี้ ณ อาคารชาเลนเจอร์ฮอลล์ 1-3 ศูนย์การแสดงสินค้าอิมแพ็ค เมืองทองธานี