กรุงเทพฯ--31 ส.ค.--กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา
นางกอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวว่าวันนี้ได้ให้กองบังคับการตำรวจท่องเที่ยวรายงานข้อมูลเร่งด่วนและล่าสุดมายังตนถึงความคืบหน้าล่าสุดในการเอาผิดกับ ผู้ต้องหาในข้อหา "ร่วมกันกระทำการเป็นอั้งยี่และร่วมกันทำลายอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว" ซึ่งหัวใจหลักคือต้องทำคดี อย่างรัดกุม เพื่อไม่ให้ขบวนการนี้สร้างความเสียหายให้ประเทศต่อประเทศไทยได้อีก โดยเรื่องนี้ ฯพณฯ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ด้านความมั่นคงได้ให้ความสำคัญมากสั่งการกำชับมายังตนเองโดยตรงให้ดำเนินการตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด เพราะคดีมีมูลค่าเสียหายสูง เกรงจะเกิดยักย้ายถ่ายเท
"คดีนี้ต้องทำเด็ดขาดและรัดกุมทางข้อกฎหมาย ไม่มีเบื้องหน้าเบื้องหลัง ไม่มีคนในรัฐบาลเข้าไปช่วยเหลือหรือเกี่ยวข้องอย่างแน่นอน แม้ ผู้ต้องหาจะได้รับการประกันตัวไปแล้ว เพราะเรื่องนี้ท่านนายกรัฐมนตรีและรองนายกฯได้ย้ำมาโดยตรงเองเลยว่าให้ลุยทำคดีไปจนถึงต้นตอขบวนการ และทำคดีอย่างตรงไปตรงมาให้สังคมประจักษ์ชัดว่าประเทศไทยเราจะไม่ยอมให้มีทัวร์ศูนย์เหรียญเกิดขึ้นในไทย" รมว.ท่องเที่ยวฯกล่าว
นางกอบกาญจน์ กล่าวว่า การจับกุมผู้ต้องหารายนี้ คาดว่าเครือข่ายบริษัทถือเป็นต้นตำรับของทัวร์ศูนย์เหรียญรายใหญ่ที่สุดเป็นของประเทศไทยที่ดำเนินการมากว่า 40 ปี เป็นบริษัทเจลเวลลี่เพชร อัญมณี เครื่องหนัง ร่านอาหาร อยู่ในเครือโดยห้ามคนไทยเข้า ให้เข้าได้เฉพาะคนต่างชาติเท่านั้น ซึ่งบริษัท โอเอทรานสปอร์ตจำกัด อาศัยความฉ้อฉลไม่จดทะเบียนเป็นบริษัททัวร์แต่ทุกบริษัททัวร์โดยเฉพาะบริษัทที่รับนักท่องเที่ยวจากเมืองจีน ใช้ไกด์เถื่อน จะเข้ามาเป็นเครือข่ายกับบริษัทโอเอฯ และนำลูกทัวร์มาซื้อสินค้าในบริษัทร้านค้า ร้านอาหารของบริษัทโอเอฯ ทั้งหมด และโอเอจะเก็บ40 เปอร์เซนต์ของรายได้ที่ลูกทัวร์ไปซื้อสินค้าของร้านตนเอง โดยไม่มีการเสียภาษีแต่อย่างใด
นางกอบกาญจน์ กล่าวว่าข้อมูลขณะนี้บริษัทโอเอฯ จะมีลูกทัวร์วันละประมาณ 20,000 คน แต่เงินได้ไม่มีเข้าประเทศ โดยบริษัทโอเอฯ จะมีรายได้เฉลี่ยปีละหลายพันล้าน น่าจะเกือบหมื่นล้านด้วยซ้ำ จากการสืบสวนจึงได้รวบรวมพยานหลักฐานขออนุมัติต่อศาลออกหมายจับผู้บริหารในข้อหา"ร่วมกันกระทำการเป็นอั้งยี่และร่วมกันทำลายอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว" พร้อมทั้งได้นำกำลังตำรวจท่องเที่ยว กรมสรรพากร กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ กรมการท่องเที่ยว กองบังคับการปราบปรามอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ กองบังคับการปราบปรามการคุ้มครองผู้บริโภค หน่วยทหารในพื้นที่ บูรณาการกำลังร่วมตรวจค้น 5 จุด คือ
1.บริษัทโอเอทรานสปอร์ตจำกัด
2.บริษัทบางกอกแฮนดิคราฟจำกัด
3.บริษัทรอแยล พาราไดซ์จำกัด
4.บริษัทรอแยลเจมส์อินเตอร์เนชั่นแนลจำกัด
5.บริษัทรอแยลไทยเฮิร์บจำกัด
ขณะนี้ได้ตรวจยึดเอกสารเกี่ยวกับชำระภาษีเพื่อจะดำเนินการทางมาตรการภาษีจำนวน 60 ลัง ยึดหมอน ที่นอน เครื่องหนัง เจลเวลลี่ ที่ไม่ติดสลากเพื่อที่จะขายเกินราคาจำนวน 170 รายการ และจับกุมไกด์เถื่อน และดำเนินคดีกรณีรถบัสที่ไม่เสียภาษี และต่อเติมโดยผิดกฏหมาย โดยทำหน้าที่รวบรวมข้อมูลมาเกือบ 1 ปี และขณะนี้ก็ยังคงเก็บข้อมูลเพิ่ม
นางกอบกาญจน์กล่าวว่า ทั้งนี้ ทราบข้อมูลล่าสุดจากตำรวจท่องเที่ยวว่าขณะนี้ ผู้ต้องหาได้รับการประกันตัวโดยสน.พญาไท เนื่องจากขั้นตอนการทำคดีตำรวจท่องเที่ยวจะทำหน้าที่ในการรวบรวมหลักฐานเท่านั้น อย่างไรก็ตามในส่วนของตำรวจท่องเที่ยวก็จะเดินหน้าในการเก็บข้อมูลหลักฐานคดีนี้เพิ่มเติมต่อไปอย่างแน่นอน โดยในส่วนของตำรวจท่องเที่ยวหลังจากนี้ไปจะต้องขยายผลและรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อหาความเชื่อมโยงกับ นอมินีของจีนต่อรวมถึงเรื่องการประสานปปง.ในการเข้ายึดทรัพย์ต่อไป