กรุงเทพฯ--31 ส.ค.--
แม้ว่าสภาพเศรษฐกิจโดยรวมทั้งในประเทศและต่างประเทศดูจะไม่ค่อยเป็นใจต่อการจับจ่ายใช้สอยสินค้ามากนัก เห็นได้จากสินค้าเกือบทุกชนิดมีตัวเลขผลประกอบการลดลงอย่างเห็นได้ชัด อันเป็นผลต่อเนื่องจากกำลังซื้อของผู้บริโภคที่ลดลงและนำมาซึ่งการรัดเข็มขัดประหยัดค่าใช้จ่ายชนิดที่ไม่ค่อยปรากฏให้เห็นมากนัก
แต่ทว่า สำหรับกลุ่มสินค้าในกลุ่มที่เกี่ยวเนื่องกับความสวยความงามทุกชนิด กลับไม่ได้รับผลกระทบจากปัจจัยดังกล่าว โดยพบว่ายังมีผลประกอบการที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง เหตุผลส่วนหนึ่งน่าจะมาจากความต้องการให้ตัวเองดูดีอยู่ตลอดเวลานั่นเอง รวมถึงสินค้าในกลุ่มอัญมณีและเครื่องประดับที่พลอยได้รับอานิสงส์ในการเติบโตและเป็นที่นิยมแก่ผู้บริโภคในการแต่งกายโดยทั่วไปด้วย
ยูจิ มาเอทานิ กรรมการผู้จัดการ บริษัท แอนด์ วัน จำกัด (And One Co. Ltd.) ผู้เชี่ยวชาญด้านการตลาดและพัฒนาสินค้าจากประเทศญี่ปุ่น เปิดเผยว่า จากความผันผวนของเศรษฐกิจทั่วโลกถือว่าเป็นจุดร่วมของทุกประเทศที่ได้รับผลกระทบแต่สำหรับสินค้าในกลุ่มแฟชั่นยังคงมีดีมานต์หรือความต้องการตามความนิยมของแต่ละบุคคล ซึ่งเมื่อถูกใจสินค้าก็พร้อมจะซื้อทำให้ตลาดสามารถไปได้และมีการเติบโตอยู่พอสมควร
ขณะที่มุมมองต่อตลาดสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับในประเทศญี่ปุ่นนั้น มีความแตกต่างไปจากประเทศไทย โดยแม้ว่าภาพรวมของเศรษฐกิจในประเทศญี่ปุ่นจะไม่ค่อยสู้ดีนัก แต่ยังมีกลุ่มผู้บริโภคระดับหนึ่งที่มีกำลังซื้อยินดีที่จะซื้อสินค้าที่ถูกใจ โดยเฉพาะเครื่องประดับสำหรับผู้ชายที่พบว่ามีการเติบโตอย่างมาก เนื่องจากผู้ชายญี่ปุ่นให้ความสำคัญและมีรสนิยมในการแต่งตัวมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งสิ่งหนึ่งที่สะท้อนถึงแนวโน้มดังกล่าวคือการที่นิตยสารแฟชั่นผู้ชายในประเทศญี่ปุ่นมีการเปิดตัวกันมากขึ้น
สำหรับประชากรเพศชายที่ให้ความสำคัญและสนใจในการแต่งตัวของชาวญี่ปุ่นอยู่ในช่วงอายุระหว่าง 35-50 ปี ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีรายได้สูงจัดอยู่ในกลุ่มไฮเอนด์ และนับเป็นสัดส่วนที่มากที่สุดของประชากรชาวญี่ปุ่น โดยมีรายได้ขั้นต่ำประมาณ 10 ล้านเยนต่อคนต่อปี หรือ 3 ล้านบาทต่อคนต่อปี มีพฤติกรรมชื่นชอบการแต่งตัว นิยมซื้อเสื้อผ้าแบรนด์เนม นาฬิกาหรู เป็นต้น
จากการเติบโตของธุรกิจแฟชั่นที่ญี่ปุ่นทำให้บรรดาห้างสรรพสินค้าชั้นนำเพิ่มสัดส่วนสินค้าสำหรับผู้ชายมากขึ้น บางห้างให้ความสำคัญถึงขั้นบรรจุสินค้าสำหรับผู้ชายระดับไฮเอนด์ทั้งหมดโดยไม่มีการจำหน่ายสินค้าราคาถูก ซึ่งความนิยมในการแต่งตัวของชายชาวญี่ปุ่นยังส่งผลดีต่อธุรกิจเครื่องประดับให้เติบโตตามไปด้วยและทำให้เป็นโอกาสที่ดีในการขยายตลาดของสินค้าเครื่องประดับและอัญมณีไทยที่คาดว่าจะมีแนวโน้มไปในทิศทางเดียวกัน
ยูจิ มองว่าผู้ประกอบการไทยในกลุ่มสินค้าเครื่องประดับและอัญมณีมีสินค้าที่หลากหลายประเภท อีกทั้งมีความยืดหยุ่นในการปรับเปลี่ยนรูปแบบสินค้าได้อย่างรวดเร็วกว่าผู้ประกอบการชาวญี่ปุ่นและมีความกระตือรือร้นในการคิดค้นนวัตกรรมใหม่ๆ อยู่ตลอดเวลา แต่ก็ยังมีจุดอ่อนคือ ผู้ประกอบการไทยยังไม่ศึกษาตลาดอย่างถ่องแท้ในการทำตลาด ดังนั้นหากมีการศึกษาอย่างละเอียดและรอบคอบมากกว่านี้ เชื่อว่าจะทำให้สินค้าได้รับความนิยมมากขึ้นอย่างแน่นอน
"ผู้บริโภคชาวญี่ปุ่นที่มีความชื่นชอบสินค้าจากประเทศไทยอยู่แล้วหากมีการปรับเปลี่ยนให้ตรงตามรสนิยมชาวญี่ปุ่น คุณภาพเป็นที่ยอมรับและวางระดับราคาที่เหมาะสมก็จะประสบความสำเร็จในการเข้าไปทำตลาดที่ญี่ปุ่น"
ทั้งนี้ การจัดงาน Bangkok Gems Jewelry 2016 ซึ่งจัดขึ้นเป็นครั้งที่ 58 ในปีนี้ ถือได้ว่าเป็นประวัติศาสตร์หน้าใหม่ของงานบางกอกเจมส์ที่ไม่เคยจัดขึ้นมาก่อน เพราะนอกจากการปรับเสริมภาพลักษณ์ของงานให้มีความทันสมัยมากขึ้นด้วยการจัดผังงานรูปแบบใหม่แล้ว ยังเน้นสินค้าที่มีการออกแบบดีเยี่ยม สินค้าที่แปลกใหม่ไปจากท้องตลาด รวมถึงจัดโซนที่นำเสนอสินค้าเฉพาะตามกลุ่มเป้าหมายรวม 6 รูปแบบซึ่งถือเป็นยุทธศาสตร์หน้าใหม่ในการขยายกลุ่มเป้าหมายใหม่ๆ ในลักษณะนิช มาร์เก็ตหรือเจาะจงเฉพาะกลุ่มมากขึ้น โดยทุกรูปแบบล้วนเป็นเทรนด์ที่กำลังมาแรงในทั่วโลก อาทิ
Ø อัญมณีสำหรับผู้สูงอายุ (60+ Exhibition): กลุ่มสินค้าสำหรับผู้สูงอายุ
Ø อัญมณีสำหรับผู้รักสัตว์เลี้ยง (Pet Parade): กลุ่มสินค้าสำหรับสัตว์เลี้ยง และเครื่องประดับรูปสัตว์ต่างๆ
Ø อัญมณีสำหรับงานเทศกาลสำคัญ (The Moments): กลุ่มสินค้าสำหรับเทศกาลต่างๆ อาทิ งานแต่งงาน
Ø เครื่องประดับอัญมณีและศิลปหัตถกรรม (Art Craft): กลุ่มสินค้าศิลปหัตถกรรม
Ø อัญมณีสำหรับกลุ่มผู้ชาย (Gemtlemens): โซนที่รวบรวมเครื่องประดับสำหรับคุณผู้ชายหลากหลายสไตล์
Ø เครื่องประดับอัญมณีมงคลและความเชื่อ (Spiritual Horoscope): กลุ่มสินค้าเครื่องรางของขลัง
ใครที่กำลังมองหาไอเดียออกแบบอัญมณีและเครื่องประดับแปลกๆ ใหม่ๆ หรือมองหาธุรกิจคู่ค้า ด้านอัญมณีและเครื่องประดับ ขอบอกว่าไม่ควรพลาด งานBangkok Gems Jewelry Fair ครั้งที่ 58 นี้ ซึ่งจะมีขึ้นระหว่างวันที่ 7-11 กันยายน ศกนี้ ณ ห้องชาเลนเจอร์ ฮอลล์ 1-3 ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมอิมแพ็ค เมืองทองธานี โดยวันเจรจาธุรกิจจะเป็นวันที่ 7-9 กันยายน 2559 และวันจำหน่ายปลีกสำหรับบุคคลทั่วไป ในวันที่ 10-11 กันยายน 2559