กรุงเทพฯ--31 ส.ค.--ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
บมจ. โรงพยาบาลราชธานี (RJH) ดำเนินธุรกิจโรงพยาบาลเอกชนใน จ.พระนครศรีอยุธยา พร้อมซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ 1 ก.ย. นี้ ด้วยมูลค่าหลักทรัพย์ ณ ราคา IPO 4,800 ล้านบาท
ดร. สันติ กีระนันทน์ รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานผู้ออกหลักทรัพย์ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า บมจ. โรงพยาบาลราชธานี (RJH) จะเข้าจดทะเบียนและเริ่มซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ ในกลุ่มบริการ หมวดธุรกิจการแพทย์ ในวันที่ 1กันยายน 2559 นี้ โดย RJH และบริษัทย่อยให้บริการทางการแพทย์ขนาด 353 เตียง ภายใต้ชื่อ "โรงพยาบาลราชธานี" และ "โรงพยาบาลราชธานี โรจนะ" รองรับผู้ป่วยในจังหวัดพระนครศรีอยุธยาและพื้นที่ใกล้เคียงซึ่งเป็นที่ตั้งของนิคมอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ โดยมีกลุ่มแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ โดยเฉพาะศูนย์หัวใจ ศูนย์อุบัติเหตุฉุกเฉินและศัลยกรรมสมอง กลุ่มลูกค้าหลัก ได้แก่ ลูกค้าทั่วไป และลูกค้าโครงการประกันสังคม
RJH มีทุนชำระแล้ว 300 ล้านบาท มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท ประกอบด้วยหุ้นสามัญเดิม 225 ล้านหุ้น และหุ้นสามัญเพิ่มทุน74.99 ล้านหุ้น โดยเสนอขายต่อประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) 70.37 ล้านหุ้น และกรรมการ ผู้บริหาร และพนักงานของบริษัท 4.62 ล้านหุ้น เมื่อวันที่ 24-26 สิงหาคม 2559 ในราคาหุ้นละ 16 บาท มูลค่าระดมทุนรวม 1,199.99 ล้านบาท มูลค่าหลักทรัพย์ ณ ราคา IPO 4,800 ล้านบาท โดยมีบริษัทหลักทรัพย์ ธนชาต จำกัด (มหาชน) เป็นที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย
นายแพทย์วชิระ วุฒิกุลประพันธ์ กรรมการผู้จัดการ บมจ. โรงพยาบาลราชธานี (RJH) เปิดเผยว่า การนำหุ้นสามัญของบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ครั้งนี้ จะช่วยเสริมความแข็งแกร่งด้านเงินทุนให้กับบริษัท โดยจะนำเงินจากการระดมทุนไปใช้ขยายกิจการโรงพยาบาล โดยการสร้างตึกใหม่ 9 ชั้น รองรับลูกค้าเงินสด สร้างศูนย์การแพทย์เฉพาะทาง สร้างศูนย์ MRI ขยายกิจการบริษัทย่อย คือ โรงพยาบาลราชธานีโรจนะ และเป็นเงินทุนหมุนเวียนเพื่อยกระดับคุณภาพและการบริการเพื่อเป็นโรงพยาบาลชั้นนำใน จ. พระนครศรีอยุธยาและภาคกลางตอนล่าง
RJH มีผู้ถือหุ้นใหญ่ 3 ลำดับแรกหลัง IPO ได้แก่ กลุ่มตระกูลประสิทธิ์หิรัญ ถือหุ้นรวม 24.64% กลุ่มตระกูลวุฒิกุลประพันธ์ ถือหุ้นรวม 11.05% และบริษัท โรงพยาบาลวิภาราม จำกัด ถือหุ้น 7.94% การกำหนดราคาเสนอขายหุ้น IPO มาจากการสำรวจความต้องการซื้อหลักทรัพย์ของนักลงทุนสถาบันในประเทศ (Book building) โดยคิดเป็นอัตราส่วนราคาต่อกำไรสุทธิต่อหุ้น (P/E ratio) ที่ 41.89 เท่า โดยคำนวณจากผลประกอบการในรอบ 12 เดือน (1 กรกฎาคม 2558-30 มิถุนายน 2559) หารด้วยจำนวนหุ้นทั้งหมดภายหลังการเสนอขายหุ้นครั้งนี้ (fully diluted) คิดเป็นกำไรสุทธิต่อหุ้นเท่ากับ 0.38 บาท ทั้งนี้ บริษัทมีนโยบายการจ่ายเงินปันผลในอัตราไม่น้อยกว่า 40% ของกำไรสุทธิของงบการเงินของบริษัทหลังหักภาษีเงินได้นิติบุคคลและเงินสำรองตามที่กฎหมายกำหนด
ผู้ลงทุนและผู้สนใจ โปรดดูรายละเอียดจากหนังสือชี้ชวนของบริษัทที่เว็บไซต์ของสำนักงาน ก.ล.ต. ที่ www.sec.or.th และข้อมูลทั่วไปของบริษัทที่ www.rajthanee.com และที่เว็บไซต์ www.set.or.th