กรุงเทพฯ--1 ก.ย.--เอเอสวี อินเตอร์ กรุ๊ป
"ผลิตภัณฑ์ที่ขายจากท้องถิ่นสู่ท้องฟ้า อยากให้ต่อยอดการขายสู่ท้องน้ำหรือการขายในเรือด้วย วันหน้าจะทำให้คนทั้งโลกรู้จัก OTOP ของไทยนี่คือ Story ที่เราจะต้องสร้าง" คำกล่าวจาก "พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา" นายกรัฐมนตรี ประธานในพิธีเปิดงาน "โอท็อปไทยจากท้องถิ่นบินสู่ท้องฟ้า" และร่วม ลงนามข้อตกลงร่วมมือโครงการพัฒนาผลิตภัณฑ์ "OTOP" เพื่อจำหน่ายบนเครื่องบินของการบินไทย
"กรมการพัฒนาชุมชน" (พช.) เป็นหนึ่งในหน่วยงาน ที่มีบาทบาทสำคัญ ในการร่วมพัฒนาเติมเต็มศักยภาพของชุมชนทั่วประเทศ ตามแนวทางประชารัฐ เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานราก ให้มั่นคงยั่งยืน ตามนโยบายของรัฐบาล โดยสนับสนุนการสร้าง สินค้า "OTOP" และเป็นกำลังสำคัญในการผลักดัน ให้สินค้า "โอท็อป" ได้มีช่องทางทางการตลาด ที่จะกลับมาเป็นรายได้ของชุมชน ยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนทั่วท้องถิ่นไทยให้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นอย่างยั่งยืน! ใน "โครงการพัฒนาผลิตภัณฑ์ "OTOP" เพื่อจำหน่ายเครื่องบินของการบินไทย" ที่มีส่วนในการช่วยพัฒนา "OTOP" และเป็นช่องทางเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ สร้างฐานการตลาดที่เข็มแข็งให้กับสินค้าชุมชน
"พล.อ. อนุพงษ์ เผ่าจินดา" รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยถึงโครงการพัฒนาผลิต ภัณฑ์ "OTOP" ประชารัฐเพื่อจำหน่ายบนเครื่อง หรือ "OTOP" ขึ้นเครื่อง" ว่า "เพื่อเป็นการเพิ่มช่องทางการจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์จากภูมิปัญญาของคนไทยที่ได้รับการพัฒนาให้สามารถเข้าถึง และตอบสนองความต้องการของตลาดได้ในทุกระดับ โครงการพัฒนาสินค้า OTOP เพื่อจำหน่ายบนเครื่องบิน ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่างกรมการพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย และหน่วยงานภาคีที่เกี่ยวข้องในการดำเนินการคัดเลือกและพัฒนาผลิตภัณฑ์
สำหรับช่องทางการจัดจำหน่ายสินค้า OTOP ตามโครงการนั้น สามารถแบ่งช่องทางการจัดจำหน่าย ได้เป็น 3 ช่องทางคือ จัดวางบนเครื่องบินของบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) โดยจัดทำเป็น "OTOP แคตตาล็อก" บนเครื่องบินทุกเที่ยวบิน ซึ่งผู้โดยสารสามารถสั่งซื้อสินค้าได้จากแคตตาล็อก จำนวน 128 รายการ ซึ่งจัดทำโดย บริษัท ไทยแลนด์ มอลล์ จำกัด ร่วมกับ กรมการพัฒนาชุมชน
การจำหน่ายผ่านระบบ E-Commerce ในเว็บไซต์ www.thailandmall.com ในรูปแบบภาษา 3 ภาษา (ไทย อังกฤษ และจีน) โดยมีบริการจัดส่งสินค้าถึงที่ปลายทาง และ การวางจำหน่ายในบูธ "ศาลาไทย" ร้านค้าปลอดภาษี ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ
การดำเนินการในครั้งนี้รัฐบาลมีความมุ่งหวังว่าการจัดให้มีช่องทางการจัดจำหน่ายในระดับที่เป็นสากลจะสามารถช่วยยกระดับการจัดจำหน่ายสินค้า OTOP ของประเทศไทยให้เป็นที่รู้จักในระดับสากลเพิ่มมากขึ้น ซึ่งสินค้า OTOP ส่วนใหญ่ล้วนมีการดำเนินการส่งเสริมตามแนวทางประชารัฐ เพื่อเป็นการพัฒนาเศรษฐกิจในระดับฐานรากของประเทศให้เข้มแข็งต่อไป
ด้าน นายอภิชาติ โตดิลกเวชช์ อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน กล่าวว่า "กรมการพัฒนาชุมชนได้ดำเนินงานส่งเสริมและสนับสนุนสินค้า OTOP มาอย่างต่อเนื่องมากกว่า หนึ่งทศวรรษ กรมการพัฒนาชุมชน ได้กำหนดให้มี การพัฒนาสินค้า OTOP เพื่อจำหน่ายบนเครื่องบิน" หนึ่งในแผนการตลาดเชิงรุกที่วางเป้าหมายการดำเนินงานไว้มากกว่าการจำหน่ายสินค้า OTOP โดยทางกรมฯ ได้ร่วมกับบริษัทการบินไทย จำกัด (มหาชน) สนองตอบนโยบายของรัฐบาล และมีการแบ่งหน้าที่กันอย่างชัดเจน โดยกรมการพัฒนาชุมชนจะรับผิดชอบการจัดหาสินค้าให้พร้อมขาย ส่วนการบินไทยรับผิดชอบในเรื่องของการจัดจำหน่าย" นายอภิชาติ กล่าว
สำหรับ ผลิตภัณฑ์ OTOP ที่มีจำหน่ายบนเครื่องบินประกอบด้วย ผลิตภัณฑ์ OTOP ประเภทอาหารที่พร้อมเสิร์ฟบนเครื่องบิน การบินไทย จำนวน 8 ผลิตภัณฑ์ อาทิ ไพทิพกระเจี๊ยบกรอบ กลุ่มวิสาหกิจชุมชนสนามจันทร์ จังหวัดนครปฐม, กล้วยตากออแกนิค จิราพรฟู๊ด จังหวัดพิษณุโลก, ลำไยอบแห้งเนื้อสีทอง กลุ่มวิสาหกิจชุมชนกลุ่มแม่บ้านน้ำริมร่อง จังหวัดลำพูน, ข้าวโพดรสคาราเมลเนยสดเค็ม จังหวัดน่าน กล้วยเล็บมือนางอบ กลุ่มแปรรูปกล้วยเล็บมือนางบ้านท่ามะปริง จังหวัดชุมพร, ข้าวตังหน้าธัญพืช สุคันธา ไทยสแน็ค จังหวัดเพชรบุรี และคุกกี้ข้าวสังข์หยดคุณหญิง จังหวัดพัทลุง
กลุ่มผลิตภัณฑ์ OTOP ที่นำไปจำหน่ายบนเครื่องบินของการบินไทย ผ่านแคตตาล็อก จัดวางไว้หน้าที่นั่งผู้โดยสารทุกที่นั่ง ผลิตภัณฑ์ อาทิ ผ้าคลุมไหล่ไหมแพรวา กลุ่มผู้ผลิตชุมชนภูไทดำ จังหวัดกาฬสินธุ์ ผ้าตีนจก จากจังหวัดแพร่ เป็นต้น และ ผลิตภัณฑ์ OTOP จำนวน 128 ผลิตภัณฑ์
จากจุดเริ่มของความร่วมมือในการพัฒนา "OTOP" กรมการพัฒนาชุมชน ในชุมชนต่างๆ ทั่วประเทศ ซึ่งเป็นต้นน้ำ สู่ความร่วมมือระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการพัฒนาเติมเต็มศักยภาพ กลางน้ำสู่เส้นทางแห่งช่องการทางการตลาดที่ทรงประสิทธิภาพในโครงการ "OTOP" ขึ้นเครื่อง" ปลายน้ำ ที่จะทำให้ "OTOP" เป็นที่รู้จักกันอย่างแพร่หลายทั้งตลาดในประเทศและต่างประเทศ จากฐานลูกค้าที่ใช้บริการเครื่องการบินไทยที่มีมากถึง 75,000 ที่นั่ง ทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ ที่นอกจากจะเป็นช่องทางการจัดจำหน่าย "OTOP" นำรายได้กลับมาสู่ชุมชนสร้างเศรษฐกิจฐานรากแล้ว ยังเป็นช่องทางที่แสดงให้เห็นถึง "ฝีมือ" และ "ศักยภาพ" ของท้องถิ่นไทย ที่จะสรรค์สร้างผลิตภัณฑ์ ที่มีคุณภาพมาตรฐาน ไปสู่สายตาชาวโลกอีกด้วย
นายอภิชาติ โตดิลกเวชช์ อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน กล่าวอีกว่า "กรมการพัฒนาชุมชน หวังว่าการดำเนินโครงการในครั้งนี้จะช่วยผลักดันยอดจำหน่ายสินค้า OTOP ให้เพิ่มมากขึ้น จากที่ตั้งเป้ายอดจำหน่ายสินค้า OTOP ในปี 2559 อยู่ที่ 1.2 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้น 10-12 % จากปี 2558 ที่มียอดขายรวมอยู่ที่ 1.09 แสนล้านบาท ซึ่งเม็ดเงินที่เพิ่มขึ้นนี้ก็จะกระจายไปยังกลุ่มผู้ผลิต ผู้ประกอบการ OTOP ทั่วประเทศ ที่ถือได้ว่าเป็นเศรษฐกิจฐานรากของประเทศ ให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น" นายอภิชาติ กล่าว
จากนโยบายที่ชัดเจน สู่แนวทางการปฏิบัติที่สัมฤทธิ์ผลอย่างเป็นรูปธรรม สู่เส้นทางแห่งการพัฒนาเติมเต็มศักยภาพครั้งสำคัญ สำหรับ "OTOP" จากชุมชนทั่วไทย โดยกรมการพัฒนาชุมชน ที่กำลังจะก้าวเข้ามามีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ ซึ่งสะท้อนผลกลับมาสู่การกระจายรายได้ และพัฒนาชุมชนให้เข็มแข็งอย่างยั่งยืนในอนาคต เป็นกุญแจสำคัญในการขับเคลื่อนเดินหน้าประเทศไทย