กรุงเทพฯ--5 ก.ย.--กรมส่งเสริมสหกรณ์
จังหวัดอุทัยธานี เป็นอีกหนึ่งเป้าหมายของการดำเนินโครงการจัดที่ดินทำกินให้กับชุมชนตามนโยบายรัฐบาล โดยมีเป้าหมายในการแก้ไขปัญหาบุกรุกที่ป่าสงวนหวงห้ามของรัฐ เพื่อนำที่ดินดังกล่าวมาจัดสรรให้กับเกษตรกรผู้มีรายได้น้อยและไม่มีที่ดินทำกินเป็นของตัวเอง โดยได้มีการจัดตั้งคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ(คทช.) จังหวัดอุทัยธานี โดยได้ดำเนินการจัดสรรที่ดินทำกินให้ชุมชนตามนโยบายรัฐบาลในเขตพื้นที่ตำบลระบำ อำเภอลานสัก และนับเป็นพื้นที่เป้าหมายลำดับที่ 6 ที่รัฐบาลได้ดำเนินโครงการดังกล่าว
พื้นที่ตำบลระบำ อำเภอลานสัก จังหวัดอุทัยธานี ได้จัดทำผังแปลงที่ดินโครงการฯใน 8 ชุมชน พื้นที่ทั้งสิ้น 3,239-2-39 ไร่ จำนวน 486 แปลง เป็นที่อยู่อาศัยรายละ 0-1-50 ไร่ เป็นแปลงเกษตรกรรม รายละ 4-2-50 ไร่ และกันไว้เป็นพื้นที่ส่วนกลาง 866-1-52 ไร่ จากนั้นได้ดำเนินการตรวจสอบคุณสมบัติและคัดกรองเกษตรกรเป้าหมายที่จะเข้าร่วมโครงการจำนวน 486 ราย ต่อมาได้มีการรวมกลุ่มกันจดทะเบียนจัดตั้งเป็นสหกรณ์ปฏิรูปที่ดินระบำ จำกัด เมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน 2558 ที่ดินส่วนหนึ่งได้กันไว้ให้สหกรณ์ฯสำหรับใช้ประโยชน์ จำนวน 50 ไร่ และทางคทช. จังหวัดอุทัยธานีได้อนุญาตให้สหกรณ์ปฏิรูปที่ดินระบำ จำกัด เช่าที่ดิน จำนวน 2,423-0-84 ไร่ พร้อมทั้งยกเว้นค่าเช่า 3 ปี เพื่อให้สหกรณ์บริหารจัดการในรูปแบบแปลงรวม โดยพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้เดินทางมามอบหนังสือสัญญาเช่าที่ดินให้กับสหกรณ์ปฏิรูปที่ดินระบำ จำกัด เมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2559 ที่ผ่านมา ซึ่งกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พร้อมหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องได้ร่วมกันดำเนินการส่งเสริมและพัฒนาอาชีพให้แก่เกษตรกรในโครงการอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันมีเกษตรกรเข้าปลูกสร้างที่อยู่อาศัย 52 ราย และทำการเกษตรในพื้นที่แล้ว 317 ราย แบ่งเป็น ปลูกข้าวโพด 197 ราย ปลูกมันสำปะหลัง 36 ราย ปลูกหม่อนเลี้ยงไหม 50 ราย ปลูกหญ้าเนเปีย 33 รายและ ทำการเกษตรผสมผสาน 2 ราย
เมื่อวันที่ 29 สิงหาคม 2559 ที่ผ่านมา นายวิทยา ผิวผ่อง ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้เดินทางลงพื้นที่จังหวัดอุทัยธานี เพื่อติดตามความคืบหน้าในการดำเนินโครงการด้านการส่งเสริมและพัฒนาอาชีพแก่เกษตรกรที่ได้รับการจัดสรรที่ดินในชุมชนตำบลระบำ โดยมีนายปริญญา เพ็งสมบัติ รองอธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ นางสาวเยาวรัตน์ เรืองสาตรา สหกรณ์จังหวัดอุทัยธานี พร้อมด้วยผู้แทนหน่วยงานต่าง ๆ ในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และส่วนราชการในจังหวัดอุทัยธานี พร้อมตัวแทนชาวบ้านในพื้นที่ให้การต้อนรับและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นถึงแนวทางในการพัฒนาอาชีพให้กับเกษตรกรในชุมชนตำบลระบำ
ทั้งนี้ ภายหลังจากเกษตรกรของชุมชนระบำได้รวมกลุ่มกันจัดตั้งเป็นสหกรณ์ปฏิรูปที่ดินระบำ จำกัด ปัจจุบันมีสมาชิกจำนวน 331 ราย ทุนดำเนินงานทั้งสิ้น 1,916,962.70 บาท ทุนเรือนหุ้น 65,800 บาท และกรมส่งเสริมสหกรณ์ได้จัดสรรงบประมาณให้การสนับสนุน เพื่อสร้างอาคารเอนกประสงค์ จำนวน 1.8 ล้านบาท ซึ่งได้ดำเนินการเสร็จเรียบร้อยแล้ว มีการฝึกอบรมทำอิฐดินซีเมนต์บล็อกเพื่อสร้างที่อยู่อาศัย มีการจัดทำบันทึกข้อตกลง เพื่อเชื่อมโยงธุรกิจระหว่างสหกรณ์ปฏิรูปที่ดินระบำ จำกัด กับสหกรณ์นิคมลานสัก จำกัด เพื่อส่งเสริมการปลูกหญ้าเนเปียร์ สำหรับนำมาผลิตเป็นอาหารให้โคขุน โดยดำเนินการส่งเสริมสมาชิกจำนวน 15 ราย รายละ 2 ไร่
นอกจากนี้ยังได้สนับสนุนการเข้าถึงแหล่งทุน โดยกรมส่งเสริมสหกรณ์ได้สนับสนุนเงินกู้จากกองทุนพัฒนาสหกรณ์ จำนวน 500,000 บาท ให้สหกรณ์นำไปให้สมาชิกกู้ยืมเพื่อประกอบอาชีพ 52 ราย และสหกรณ์ได้วางแผนขอรับการสนับสนุนแหล่งทุนจากธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร รวมถึงเครือข่ายในขบวนการสหกรณ์อื่นๆ อีกจำนวน 15 ล้านบาท เพื่อกู้ยืมมาใช้สนับสนุนการประกอบอาชีพให้กับสมาชิก โดยมีกรมตรวจบัญชีสหกรณ์เข้ามาแนะนำเรื่องการจัดทำบัญชีครัวเรือน และส่งเสริมให้สมาชิกสหกรณ์นำระบบบัญชีมาใช้วิเคราะห์เพื่อวางแผนการดำเนินธุรกิจและการประกอบอาชีพต่าง ๆ ไม่ให้เกิดความเสี่ยงและลดต้นทุนการผลิต เพิ่มรายได้ที่ยั่งยืนยิ่งขึ้น
นายวิทยา ผิวผ่อง ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า พลเอกฉัตรชัย สาริกัลยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ให้ความสำคัญกับพื้นที่ตำบลระบำเป็นอย่างยิ่ง และสั่งการให้ทุกหน่วยงานในกระทรวงเกษตรและสหกรณ์บูรณาการการทำงานร่วมกันในการเข้าไปสนับสนุนการดำเนินงานและขับเคลื่อนนโยบายการส่งเสริมอาชีพด้านการเกษตรให้กับเกษตรกรในชุมชนระบำ และส่งเสริมความเข้มแข็งโดยให้รวมกลุ่มกันในรูปของสหกรณ์ เพื่อให้ร่วมกันคิดร่วมกันทำ ช่วยลดต้นทุน พัฒนาคุณภาพผลผลิตและขยายโอกาสด้านการตลาด โดยมีภาครัฐและเอกชนเข้ามาช่วยสนับสนุน ซึ่งจะทำให้เกษตรกรมีรายได้และสามารถประกอบอาชีพให้มั่นคงได้ ซึ่งในอนาคตเกษตรกรต้องร่วมกันวางแผนว่าจะผลิตสินค้าการเกษตร ให้ตั้งใจในการผลิตอย่างเต็มที่ เพื่อให้ได้ผลผลิตทางการเกษตรที่มีคุณภาพ ตรงกับความต้องการของผู้บริโภค
สำหรับพื้นที่ทำกินของเกษตรกรที่ได้รับรายละ 4.5 ไร่ จะมีการวางระบบระบบการผลิตรวมกันให้เป็นแปลงใหญ่ ส่วนที่ดินและการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานคาดว่าภายในปี 2560 จะสามารถพัฒนาพื้นที่ได้สมบูรณ์ ซึ่งจะทำให้เกษตรกรได้รับความสะดวกในการใช้ประโยชน์มากยิ่งขึ้น สิ่งสำคัญคือเกษตรกรจะต้องมีการวางแผนเรื่องการพัฒนาอาชีพการเกษตรและการสร้างรายได้ โดยจะต้องร่วมกันคิดว่าจะเดินหน้าไปในทิศทางไหน เนื่องจากภายในเดือนพฤศจิกายน 2559 นี้ ระบบการส่งน้ำเข้าสู่พื้นที่การเกษตรของเกษตรกรกำลังจะเริ่มขึ้น เพื่อระบบน้ำส่งมาถึงแล้ว ต้องช่วยกันวางแผนตั้งแต่ตอนนี้ว่าจะผลิตพืชชนิดไหน วางแผนการใช้น้ำอย่างไร ซึ่งสิ่งเหล่านี้ทางคณะกรรมการสหกรณ์จะเชิญชวนสมาชิกมาร่วมพูดคุยและทำความเข้าใจร่วมกัน โดยทางภาคราชการจะเป็นพี่เลี้ยงให้ ส่วนภาคเอกชนจะมาร่วมเป็นส่วนผลักดันด้านการขยายโอกาสทางการตลาดและช่องทางการจำหน่ายผลผลิตของเกษตรกร ตามนโยบายประชารัฐ
ด้าน นายปริญญา เพ็งสมบัติ รองอธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ เปิดเผยว่า กรมส่งเสริมสหกรณ์เน้นส่งเสริมให้สหกรณ์ปฏิรูปที่ดินระบำ จำกัด ให้บริหารจัดการที่ดินที่เช่าจากสปก. ในอนาคตเกษตรกรต้องดูแลที่ดินแปลงนี้ส่งต่อให้เกษตรกรรุ่นลูกรุ่นหลานได้ใช้ประโยชน์ต่อ สำหรับปีต่อไปหากสหกรณ์มีแผนจะขยายธุรกิจ ทางกรมฯพร้อมจะสนับสนุนเงินทุนให้สหกรณ์กู้ยืมในอัตราดอกเบี้ยต่ำ เพื่อใช้ในการส่งเสริมอาชีพของสมาชิก การรวบรวมผลผลิตและเป็นทุนหมุนเวียนภายในสหกรณ์ ในอนาคต ทางอำเภอจะพัฒนาให้เป็นจุดท่องเที่ยวเชิงเกษตร คาดว่าจะสามารถพัฒนาความเป็นอยู่ของเกษตรกรในพื้นที่ให้เจริญก้าวหน้ายิ่งขึ้นได้ กรมส่งเสริมสหกรณ์จะส่งเจ้าหน้าที่เข้ามาดูแลให้คำแนะนำแก่สหกรณ์ปฏิรูปที่ดินระบำ จำกัด อย่างใกล้ชิด เพื่อให้สหกรณ์ดำเนินการประสบผลสำเร็จและสามารถเป็นต้นแบบ Uthai Model ได้ตามที่พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้คาดหวังไว้