กรุงเทพฯ--5 ก.ย.--SCG
คนทุกคนล้วนมีความฝันในชีวิต แต่ที่แต่ละคนแตกต่างกัน คือการปฏิบัติต่อความฝันนั้นของตัวเอง ว่าจะใช้วิธีการหรือลงน้ำหนักกับมันแค่ไหน วันนี้เราจะพาทุกท่านไปรู้จักกับเยาวชนไทยคนหนึ่งที่มีความมุ่งมั่น ศรัทธาในความฝันของตนเอง และพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อให้ฝันนั้นไม่เป็นเพียงฝันอีกต่อไป เพราะเธอคือนักกอล์ฟหญิงไทยคนแรกที่ชนะเลิศการแข่งขันกอล์ฟอาชีพหญิงในแอลพีจีเอ ทัวร์ ซึ่งถือเป็นแมทช์การแข่งขันระดับโลก และยังประสบความสำเร็จสูงสุด ด้วยการคว้าไปแล้วถึง 5 แชมป์ในปีนี้ โลกได้จารึกชื่อของ "เม - เอรียา จุฑานุกาล" ในฐานะนักกอล์ฟมือวางอันดับ 2 ของโลก ด้วยวัยเพียง 20 ปี แต่กว่าที่เธอจะมาถึงจุดนี้ได้ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย
ในอดีต เด็กหญิงเอรียา จุฑานุกาล เองก็มีความฝัน เป็นความฝันบนผืนหญ้าที่เธอเลือกจะปฏิบัติกับมันด้วยการเคี่ยวกรำฝึกฝนมาตลอดตั้งแต่อายุได้เพียง 7 ขวบ
"เมเริ่มเล่นกอล์ฟเร็วมากค่ะ ที่จำได้ก็คือตั้งแต่ 5 ขวบครึ่ง พอ 7-8 ขวบเราก็เริ่มแข่งแล้ว อายุ 17 ก็เทิร์นโปร เป็นความสนุกเพราะเรามีเป้าหมายชัดเจนว่าอยากเป็นอะไร" เมเล่าถึงเส้นทางความฝันของเธอ คงเพราะมองเห็นความฝันของตัวเองชัดเจน เด็กหญิงเมจึงเริ่มต้นขับเคี่ยวความฝันอย่างมุมานะมาตั้งแต่วัยเยาว์ ด้วยแรงผลักดันสำคัญจากครอบครัวและโรงเรียน โดยเฉพาะ คุณพ่อสมบูรณ์ และคุณแม่นฤมล จุฑานุกาลที่ลงทุนทุบหม้อข้าวของครอบครัว ขายรถขายบ้านขายกิจการขายที่ดิน ขาย! เกือบทุกสิ่งอย่าง เพื่อนำมาเป็นทุนผลักดันให้เด็กหญิงเมและพี่สาว เด็กหญิงโม โมรียา จุฑานุกาล ก้าวไปถึงความฝันของพวกเธอกระนั้น การจะไปให้ถึงความฝันได้ ปัจจัยที่สำคัญที่สุดคงไม่ใช่อื่นใด หากคือ การผลักดันตัวเองด้วยตัวเอง"ตอนเรียน ตื่นเช้าเมต้องไปวิ่งประมาณครึ่งชั่วโมง วิ่งเสร็จก็เปลี่ยนชุดนักเรียนในรถ กินข้าวในรถไปโรงเรียน เรียนที่โรงเรียนครึ่งวันเพราะโรงเรียนสนับสนุนค่ะ เสร็จแล้วตอนเที่ยงก็ไปซ้อมกอล์ฟต่อ ซ้อมเสร็จ 5-6 โมงเย็นก็จะไปว่ายน้ำกับทีมโรงเรียน ว่ายวันละ 5-6 กิโลฯ กว่าจะเสร็จก็ 2 ทุ่มกว่า กินข้าวในรถแล้วก็กลับบ้าน เป็นอย่างนี้ทุกวัน คือพยายามทำทุกอย่างให้ตัวเองเล่นกอล์ฟได้ดีขึ้น" เมเล่าด้วยรอยยิ้มภารกิจประจำวันเช่นนี้ถือเป็นชีวิตที่เหนื่อย ซึ่งเมเองก็ยอมรับว่าเหนื่อยจริง"เหนื่อยแต่ก็มีความสุขค่ะ เพราะตอนนั้นเรามีเป้าหมายว่าอยากเทิร์นโปร เข้าแอลพีจีเอไปเล่นกับโปรระดับโลก" เมยิ้ม
เคี่ยวกรำความฝันตัวเองเรื่อยมา อย่างมุ่งมั่นและไม่ทดท้อ มอบชีวิตช่วงวัยเด็กให้แก่การฝึกซ้อมจนไม่มีเวลาได้เที่ยวเล่นเหมือนเด็กคนอื่น ซึ่งเมก็อำตัวเองด้วยเสียงหัวเราะว่า "ไม่ได้รู้สึกว่าตัวเองขาดอะไร เพราะไม่เคยมีชีวิตวัยเด็ก"
จนถึง ณ วันนี้ จากเด็กสาวตัวน้อย โปรเมในวัย 20 ปีกลายเป็นนักกอล์ฟขวัญใจชาวไทยที่รั้งตำแหน่งมือวางอันดับ 2 ของโลก ซึ่งเธอต้องใช้เวลาถึง 15 ปีในการเคี่ยวกรำตัวเอง รวมทั้งเอาชนะอุปสรรคและความผิดหวังซ้ำแล้วซ้ำเล่า กว่าจะมาถึงจุดนี้ได้
"ชีวิตเมเจออะไรมาเยอะค่ะ ไม่ว่าจะเป็นตอนล้มในสนาม ไหล่หลุดต้องผ่าตัดหยุดแข่งไปเกือบปี อันดับโลกจากที่ 15 ลงไปร้อยกว่า (ยิ้ม) ชีวิตเมเหมือนเป็นกราฟที่ขึ้นแล้วก็ลงๆ ตลอด ดังนั้นเวลาที่เจออุปสรรคหรืออะไรที่หนักหนา ก็จะไม่ค่อยรู้สึกอะไรเท่าไหร่ เพราะรู้ว่าลงแล้วก็ขึ้นใหม่ได้" เมกล่าว
หรือแม้แต่ตอนที่พลาดแชมป์เมเจอร์รายการแรกในชีวิตในรายการ ANA Inspirations 2016 เมื่อเดือนมีนาคม 2559 เมก็ผ่านพ้นความผิดหวังมาได้ด้วยคมคิดที่น่าสนใจ
"ไม่ได้ผิดหวังมากค่ะ เพราะเมมองสิ่งดีๆ ที่เกิดขึ้น มันเป็นเมเจอร์แมตช์แรกของปี แล้วเราจบท็อป 5 ได้ จริงอยู่เรามีสิทธิจะได้แชมป์ แต่ถ้าเรามัวแต่บ่นตัวเองว่าสิ่งนี้ไม่ควรทำ สิ่งนี้เราทำทำไม มันก็ไม่ได้อะไรขึ้นมา แต่พอเรามองสิ่งดีๆ ที่เกิดขึ้น เราจะเริ่มรู้จักชมตัวเองมากขึ้น และเป็นกำลังใจให้ตัวเองได้" เมกล่าว
ถือเป็นความคิดที่โตเกินกว่าวัย และเป็นระบบความคิดนี่เอง ที่เมบอกว่าเป็นปัจจัยสำคัญที่จะทำให้ไม่ว่าใครก็ตามสามารถประสบความสำเร็จได้
"การตีกอล์ฟให้ประสบความสำเร็จ ทุกอย่างสำคัญหมดค่ะ ตั้งแต่การทีออฟ การพัต แต่สิ่งที่เมคิดว่าเป็นปัจจัยที่ทำให้ประสบความสำเร็จได้ ก็คือเรื่องความคิด คนเราสามารถพูดอะไรดีๆ กับคนอื่นได้ตลอดเวลา แต่เราแทบจะไม่เคยชมตัวเองเลย ทั้งๆ ที่การชมตัวเองเป็นการสร้างความรู้สึกดีๆ ให้กับตัวเอง" เอรียากล่าว
ซึ่งนี่เองคือเคล็ด (ไม่) ลับที่ทำให้เมสามารถก้าวมายืนอยู่ในจุดที่ความฝันกลายเป็นความจริงได้ ณ วันนี้ "ความฝันในวันนี้คืออยากรักษาระดับการเล่นแบบนี้เอาไว้ค่ะ และมากกว่านั้นก็คืออยากเล่นให้มีความสุข เพราะถ้ามีความสุขมันจะเล่น ออกมาได้ดี สิ่งที่ทำมาตลอดก็คือ โฟกัสว่าทำอย่างไรให้เราเล่นกอล์ฟให้มีความสุขที่สุด ทุกช็อตที่ตีเราจะไม่คิดว่าถ้าชอตนี้พัตลงจะขึ้นนำ หรือพัตไม่ลงแล้วเราจะแพ้ จะไม่คิดถึงสกอร์ ทุกๆ ชอตเมทำเหมือนกันคือทำให้ดีที่สุด แล้วก็คิดถึงสิ่งที่ดีๆ ไม่จำเป็นว่าต้องเป็นเรื่องกอล์ฟ อะไรก็ได้ที่คิดแล้วเรายิ้มได้ ทำให้เรามีความสุข แล้วก็ทำให้เสร็จ ทำให้ครบ ทำให้ดีที่สุดในสนาม ถ้าเกิดเราทำหน้าที่ของเราได้ดีที่สุดแล้ว ถ้าผลมันออกมาไม่ดีเราจะไม่เสียใจเลย" เมกล่าวด้วยแววตามุ่งมั่น
เป็นการก้าวเดินไปสู่ดวงดาวแห่งความสำเร็จโดยใช้ความฝันเป็นเข็มทิศนำทาง และความฝันนั้นก็ถูกขับเคลื่อนด้วยความสุขอีกต่อหนึ่ง ซึ่งด้วยเหตุนี้เอง ทำให้ภาพของเมซึ่งมีรอยยิ้มตลอดเวลาในการแข่งขัน กลายเป็นภาพชินตาของสื่อมวลชนและแฟนกอล์ฟจากทุกมุมโลก เป็นรอยยิ้มแห่งความสุขที่นำพาชีวิตไปสู่ความฝันและความสำเร็จ
"กอล์ฟคืออาชีพของเมค่ะ คิดว่าตัวเองโชคดีที่ได้ทำในสิ่งที่เมรัก และที่สำคัญกว่านั้นคือ สิ่งที่เมรักสามารถเลี้ยงดูคนรอบข้างที่เมรักได้ด้วย" เมกล่าว
ถึงวันนี้ เมได้เดินทางมาไกลจากจุดเริ่มต้นมากนัก ด้วยวัยเพียง 20 ปี เมได้เงื้อวงสวิงแล้วหวดความฝันของตัวเองพุ่งไกลไปสู่ความสำเร็จได้อย่างงดงาม เป็นตัวอย่างของเยาวชนไทยที่มุ่งมั่นทำตามความฝัน แม้ต้องสละช่วงวัยแห่งการเล่นสนุกไป แต่ผลตอบรับที่ได้กลับมาคือความสำเร็จ และเป็นความภูมิใจของครอบครัว รวมถึงประชาชนคนไทยทุกคน
และในขณะที่ตัวเองกำลังมุ่งมั่นไปสู่ดาวดวงต่อๆ ไป เมก็ไม่ลืมที่จะกลับมาเป็นแรงบันดาลใจให้แก่น้องๆ เยาวชนในเมืองไทย ซึ่งเป็นสิ่งที่เธอทำมาโดยตลอด ด้วยการจัดกอล์ฟคลินิกให้กับเด็กๆ ที่มีใจรักในกีฬากอล์ฟ ร่วมกับทาง "เอสซีจี" และ "คอตโต้" ซึ่งเป็นผู้สนับสนุนหลักของเธอ และพี่สาว โม-โมรียา ตั้งแต่ก้าวแรกในการแข่งขันกอล์ฟอาชีพมากว่า 4 ปีแล้ว
"ดีใจที่ได้มาเจอน้องๆ ทุกคนค่ะ และรู้สึกภูมิใจในตัวเองที่สามารถเป็นแรงบันดาลใจให้น้องๆ ได้ พอเราเห็นน้องๆ มองเราเป็นไอดอล เราก็อยากทำตัวดีๆ เป็นแบบอย่างให้น้องๆ ค่ะ ส่วนในอนาคตก็มีแผนกับพี่สาวว่าจะเปิดโรงเรียนสอนกอล์ฟ เพราะอยากพัฒนาเยาวชนนักกอล์ฟของประเทศให้ดีขึ้น" เมกล่าวถึงความฝันก้าวต่อไปด้วยแววตาแจ่มใส
นั่นคือเส้นทางแห่งความสำเร็จของ เม - เอรียา จุฑานุกาล ที่ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ
แต่โรยด้วยความสุข ที่เบ่งบานออกเป็นความภาคภูมิใจของชาวไทยทุกคน