กรุงเทพฯ--7 ก.ย.--มีเดีย แพลนเนอร์ คอนซัลแทนท์
บล.โกลเบล็ก มองหุ้นไทยได้แรงบวกคาดการณ์ FED จะชะลอขึ้นดอกเบี้ย หลังตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรโตต่ำกว่าคาด ให้กรอบดัชนี 1,470 - 1,520 จุด แนะซื้อสะสมหุ้น BANPU อานิสงส์ราคาถ่านหินดีดตัวแตะ 69.9 ดอลลาร์/ตัน และให้สิทธิจองซื้อหุ้นเพิ่มทุน BPP จ่อขึ้น XB วันที่ 8 กันยายนนี้ และหุ้นที่ทาง FTSE:Rebalance เพิ่มน้ำหนักการลงทุน กลุ่ม Large Cap เพิ่ม KBANK-SCC กลุ่มMid Cap เพิ่ม BEM และกลุ่ม Small Cap เพิ่ม GPSC-VIBHA-IMPACT ด้านราคาทองคำมีแนวโน้มฟื้นตัว โดยมีแนวรับ 1,325-1,320 เหรียญต่อทรอยออนซ์ และแนวต้าน 1,355-1,360 เหรียญต่อทรอยออนซ์
น.ส.วิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด หรือ GBS ประเมินตลาดหุ้นว่า ยังคงให้ความสำคัญกับการคาดการณ์ FED ที่มีแนวโน้มว่าจะยังไม่ขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเร็วๆนี้ หลังสหรัฐรายงานตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนสิงหาคมเพิ่มขึ้นน้อยกว่าคาด โดยเพิ่มขึ้น 151,000 ตำแหน่ง ขณะที่อัตราการว่างงานทรงตัวที่ระดับ 4.9% รวมทั้งดัชนีภาคบริการในเดือนส.ค.มีการขยายตัวต่ำที่สุดในรอบกว่า 6 ปีและต่ำกว่าคาดการณ์ของนักวิเคราะห์โดยอยู่ที่ระดับ 51.4 ลดลงจากระดับ 55.5 ในเดือนก.ค.
ส่วนแนวโน้มราคาน้ำมันขยับขึ้นหลังมีข่าวว่าซาอุฯและรัสเซียจับมือร่วมกันรักษาเสถียรภาพของราคาน้ำมัน ท่ามกลางภาวะตลาดที่มีความผันผวน ทั้งนี้การประชุมของกลุ่มผู้ผลิตน้ำมันจะมีขึ้นในวันที่ 26 – 28 ก.ย. และนักลงทุนต่างชาติยังคง Net Buy ตลาดหุ้นไทยตั้งแต่ต้นเดือนกันยายน ประมาณ 3 พันล้านบาท
อย่างไรก็ตามยังคงต้องกังวลกับตัวเลขดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจของไทยเดือนสิงหาคม 2559 ปรับลดลงต่อเนื่องจากเดือนก่อน จากระดับ 49.4 มาอยู่ที่ระดับ 47.8 ซึ่งเป็นการปรับลดความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการในเกือบทุกกลุ่ม ขณะเดียวกันรัฐบาลอังกฤษจะกำหนดแผนการดำเนินการในสัปดาห์นี้ เรื่องการเตรียมการออกจากการเป็นประเทศสมาชิกสหภาพยุโรป (EU)
นอกจากนี้ยังคงต้องจับตาการประชุมธนาคารกลางยุโรปในวันที่ 8 กันยายนนี้ซึ่งตลาดคาดหวังว่าจะขยาย QE ที่จะหมดอายุในเดือนมี.ค. 2560 และในช่วงเช้าของวันเดียวกัน ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะรายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจ หรือ Beige Book และในวันที่ 14 ก.ย.มีประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) เกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ยนโยบายซึ่งตลาดคาดว่ากนง.น่าจะมีมติคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับเดิม
ด้านนายชัยยศ จิวางกูร ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บล.โกลเบล็ก กล่าวว่า ภาวะตลาดหุ้นไทยในสัปดาห์นี้รับปัจจัยบวกจากคาดการณ์ FED จะชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยหลังจากสหรัฐเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจที่อ่อนแอทั้งตัวเลขการจ้างงานนอกภาคการเกษตรที่เพิ่มขึ้นน้อยกว่าคาด และดัชนีภาคบริการที่ชะลอตัว แต่ทิศทางค่าเงินบาทที่อ่อนค่าลงราว 0.6% อาจจะเป็นลบต่อกระแส Fund Flow ประกอบกับสัญญาณทางเทคนิคที่ทิ้งตัวลงแรงเป็นแรงกดดันต่อภาวะตลาด
ดังนั้นประเมินว่า SET แกว่งตัวในกรอบ 1,470 - 1,520 จุด ทั้งนี้แนะนำรอซื้อสะสมช่วงอ่อนตัวแบบ Selective Buy ได้แก่ หุ้น BANPU จากราคาถ่านหินดีดตัวขึ้นล่าสุด 69.9 ดอลลาร์/ตัน และยังให้สิทธิจองซื้อหุ้นเพิ่มทุน BPP ช่วง 18-25 หุ้น BANPU ต่อ 1หุ้น BPP ขึ้น XB วันที่ 8 กันยายนนี้
นอกจากนี้ทาง FTSE : Rebalance Large Cap เพิ่ม KBANK, SCC ส่วน Mid Cap เพิ่ม BEM และ Small Cap เพิ่ม GPSC, VIBHA, IMPACT แต่ถอด THRE โดยมีผล 16 กันยายนนี้
สำหรับนักลงทุนที่สนใจลงทุนหลักทรัพย์ในตลาด MAI สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ใน Company Snapshot ที่ www.ryt9.com/snapshot และwww.thailistedcompany.com/
สำหรับแนวทางการลงทุนในทองคำ นายสุทธิพงษ์ ศรีพรประเสริฐ นักวิเคราะห์การลงทุน บล.โกลเบล็ก เปิดเผยว่า ราคาทองคำเริ่มฟื้นตัวขึ้นในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาหลังกระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้น 151,000 ตำแหน่งในเดือนส.ค. ขณะที่อัตราการว่างงานทรงตัวที่ระดับ 4.9% ซึ่งต่ำกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ว่า การจ้างงานจะเพิ่มขึ้น 180,000 ตำแหน่งในเดือนส.ค. และอัตราการว่างงานจะลดลงสู่ระดับ 4.8% ส่งผลให้ตลาดลดการคาดการณ์การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดในการประชุมนโยบายการเงินช่วงวันที่ 20-21 ก.ย.นี้
ขณะที่ค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินเยนเนื่องจากนักลงทุนรู้สึกผิดหวังต่อถ้อยแถลงของนายฮารุฮิโกะ คุโรดะ ผู้ว่าการธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ซึ่งไม่ได้ให้รายละเอียดมากนักเกี่ยวกับการใช้นโยบายผ่อนคลายทางการเงินในการประชุม BOJ ในวันที่ 20-21 ก.ย.ส่งผลให้นักลงทุนหันมาซื้อเยนเพื่อลดความเสี่ยงเนื่องจากเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย
สำหรับแนวโน้มราคาทองโลกด้านเทคนิคมองว่ามีการฟื้นตัวขึ้นมายืนเหนือเส้นค่าเฉลี่ย 5 และ 10 วัน ด้วยแท่งเทียนสัญญาณบวกลักษณะ Tower Bottom ค่าสัญญาณทางเทคนิคที่ปรับขึ้น ทำให้ราคาแนวโน้มสร้างฐานแนวรับ Double Bottom และสร้างแรงหนุนให้ราคาปรับตัวขึ้นต่อ โดยมีแนวรับ 1,325-1,320 เหรียญต่อทรอยออนซ์ และแนวต้าน 1,355-1,360 เหรียญต่อทรอยออนซ์