กรุงเทพฯ--8 ก.ย.--Thebigpotter
"โพธิ์ทรี" วอลเปเปอร์สั่งตัด ลุยอาเซียนฉลุย หลังยอดขายทั่วโลกขานรับ ยุทธการหน้าร้าน Social ปูพรม โรงแรม ร้านอาหารไทยทั่วโลกกว่า 1000 แห่งแห่เป็นลูกค้า ย้ำชูนวัตกรรมสีเขียว ใช้วิธีคิดต่าง ทางรอด SMEs ไทย
ชลกานต์ วิสุทธิพิทักษ์กุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท โพธิ์ ทรี เดคคอร์ จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่าย วอลเปเปอร์ สั่งตัดแบรนด์ "โพธิ์ทรี" เปิดเผยว่า หลังจากเปิดตัวสินค้ามีดีไซน์ในวิธีคิดต่าง ผ่านการนำนวัตกรรมยุโรปมา ต่อยอดเป็นไอเดียธุรกิจออกแบบ ผลิตวอลเปเปอร์สั่งตัดเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมตามขนาดและดีไซน์ของลูกค้า ใช้เว็บไซต์เป็นหน้าร้าน ได้รับเสียงตอบรับจากลูกค้าดีเกินความคาดหมายเพราะ ยอดสั่งผลิตมาจากทุกมุมโลกเติบโตกว่า 450 ล้านบาทถือว่าโตกว่า 100% จากปีแรก โดยเฉพาะ เชนโรงแรม 5 ดาว ภัตตาคาร ร้านอาหารและสปาไทย ในต่างแดนต่างให้ความไว้วางใจสั่ง สินค้ามาต่อเนื่อง แม้สัญญาณฟื้นตัวทั้งในยุโรปและอเมริกายังไม่ชัดเจนนัก แต่ยอดขายของโพธิ์ทรีกลับโตอย่างมีนัย
โดยจุดแข็งสำคัญของโพธิ์ทรีนั้น ชลกานต์ย้ำว่าเป็นวิธีคิดต่างที่ไม่ต้องการเห็นวอลเปเปอร์แบบเดิมๆ มาเติมเต็มด้วยนวัตกรรมการปริ้นที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ที่ออกแบบเป็นวอลเปเปอร์สั่งตัดตามดีไซน์ ขนาดที่ลูกค้าต้องการ ทำให้ได้ห้องที่มีมุมมองใหม่ ปลอดภัยไม่มีสารก่อมะเร็ง ไม่ลามไฟ โจทย์สำคัญของนักธุรกิจรุ่นใหม่คือต้องมองภาพธุรกิจของตัวเองให้ชัด ชัดเจนตั้งแต่ภาพคิด และถ่ายทอดออกมาเป็นความชัดเจนในธุรกิจ ลูกค้าก็จะสามารถรับรู้ได้ถึงพลังของแบรนด์ที่ชัดเจนในที่สุด
กลุ่มลูกค้าของโพธิ์ทรี วันนี้มีหลักๆ 2 กลุ่ม คือกลุ่ม Commercial เช่น โรงแรม โรงพยาบาล ออฟฟิศ ร้านอาหาร สปา โรงแรม อีกกลุ่มคือกลุ่ม Non-Commercial คือบ้าน คอนโด ที่พักอาศัย วัด เป็นต้น ซึ่งวันนี้ในกลุ่ม Non- Commercial มีอัตราการสั่งซื้อชะลอตัว จากภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว แต่กลุ่มที่มียอดสั่งซื้อเข้ามาต่อเนื่องคือกลุ่ม Commercial โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การเปิด AEC เมื่อต้นปีที่ผ่านมา มีโรงแรม ร้านอาหาร สปา เปิดใหม่ในภูมิภาคนี้เกิดขึ้นต่อเนื่อง และประเทศไทยจะยังคงเป็นเซ็นเตอร์สำหรับการเดินทางของภูมิภาค นั่นจึงเป็นภาพสะท้อนปลายทางได้อย่างหนึ่งว่าไทยยังคงเป็นฮับในหลายมิติ ทั้งในแง่ของการเดินทาง ท่องเที่ยว และสุขภาพนั่นเอง
"ยอดสั่งซื้อในต่างประเทศมีเข้ามาแบบสวนกระแสเศรษฐกิจ เราเองยังมองว่าในยุโรปและอเมริกา หรือแม้แต่ประเทศในแถบมหาสมุทรแปซิฟิค อาจส่งผลต่อคำสั่งซื้อบ้าง แต่ปรากฏว่ากำลังซื้อของนักท่องเที่ยวใน ปีที่ผ่านมาเป็นกำลังซื้อจากเอเชียและตะวันออกกลางที่ไปเที่ยวยุโรป ทำให้เชนโรงแรม ร้านอาหารในยุโรปต่าง ต้องปรับตัวรับกับกำลังซื้อนี้ด้วย"
"เราคิดถูกตรงที่ใช้ Social เป็นหน้าร้านในการแนะนำตัวเองกับกลุ่มลูกค้า เพราะสินค้าเราสวย มีความชัดเจน วางตัวเองได้ตรงกับกลุ่มลูกค้า ตอบทุกโจทย์ของความต้องการครบ ตลอดระยะเวลากว่า 4 ปีที่ผ่านมา พิสูจน์วิธีคิดของโพธิ์ทรีแล้วว่า วันนี้โลกธุรกิจได้เปลี่ยนไปสู่ยุคอุตสาหกรรม 4.0 แล้ว แต่หลายคนกลับไปเรียกว่าเศรษฐกิจขาลงเพราะเอาความเติบโตวันนี้ไปเปรียบเทียบกับเศรษฐกิจของเมื่อวาน ทั้งที่ องค์ประกอบต่างๆ ของระบบเศรษฐกิจวันนี้มันเปลี่ยนไปแล้ว โดยมีเทคโนโลยีเป็นตัวขับเคลื่อนสำคัญ ข้อจำกัดของธุรกิจแบบเดิมๆ เปลี่ยนไป เป็นโลกของข้อมูลข่าวสารที่ไหลไปมาระหว่างกันได้อย่างอิสระ ขึ้นอยู่กับความสามารถในการกลั่นกรองข้อมูลเพื่อนำไปใช้ประโยชน์
ผู้ประกอบการต้องมองทะลุไปถึงข้อเท็จจริงและสิ่งที่จะเกิดขึ้น แล้วนำมาวิเคราะห์ประมวลผลเพื่อการตัดสินใจ ยกตัวอย่างการบริโภคข่าวหน้าหนึ่ง ที่มักนำเสนอข่าวร้ายมากกว่าข่าวดี เศรษฐกิจซบ คนตกงาน ข่าวอาชญากรรม แต่เราจะมองข้ามข้อเท็จจริงไปว่า คนตกงานเพราะมีสิ่งอื่นเข้ามาแทนที่ความสามารถของเขาได้ เศรษฐกิจไม่ดี ก็เป็นเฉพาะบางกลุ่มสินค้าที่ขาดการปรับตัว ขาดการพัฒนา ไม่มีข้อแตกต่าง แต่ถ้าเรามองทุกอย่างทะลุ ลดความตระหนก ความกังวล มองหาที่ว่าง ให้ธุรกิจตัวเอง เชื่อว่ายังมีที่ว่างสำหรับกลุ่มธุรกิจสำหรับนักคิดรุ่นใหม่ อยู่เสมอ เพียงแต่ว่าเราต้องพยายามเลือกกลั่นกรอง ข้อมูลที่พร้อมสำหรับการเริ่มต้นแบบชัดเจนให้ได้"
ความสำเร็จอย่างสำคัญของชลกานต์ไม่เพียงแต่ โพธิ์ทรีได้รับความไว้วางใจให้เป็นส่วนหนึ่งของเชนโรงแรม 5 ดาวจากทั่วโลก หรือเป็นมุมสุดโปรดในภัตตาคารอาหารไทย สปาในต่างแดนเท่านั้น หากแต่ ในปี 2012 และปีนี้ 2016 ผลงานเธอได้เป็น Short List International Product Design Award จาก Design Association ใน London และปี 2013 เธอได้รับรางวัลจาก HP Asia Pacific เป็น รางวัล Game Changer Award และในฐานะผู้เปลี่ยนแปลงเกมการแข่งขันในอุตสาหกรรม ชลกานต์ยังได้รับเกียรติเป็นวิทยากรรับเชิญในเวที ออกแบบดีไซน์ระดับโลก ในงานกลุ่มผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมสิ่งพิมพ์ ทั้งในเอเชียและในยุโรป อีกด้วย "โพธิ์ทรี" จึงไม่เป็นเพียงแค่สินค้า แต่หากเป็น "นวัตกรรม" ของนักคิดรุ่นใหม่อย่าง ชลกานต์ วิสุทธิพิทักษ์กุล นั่นเอง