กรุงเทพฯ--9 ก.ย.--กรมส่งเสริมสหกรณ์
จังหวัดกำแพงเพชรจังหวัดเป็นแหล่งผลิตข้าวเปลือกที่สำคัญแห่งหนึ่ง และมีการพัฒนาไปสู่การเป็นแหล่งอุตสาหกรรมแปรรูปข้าวที่สำคัญของกลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนล่าง นอกจากนี้ยังเป็นแหล่งส่งออกข้าวสารที่สำคัญ มีโรงสีที่ทันสมัยครอบคลุมทั่วพื้นที่ มีกำลังการผลิตมาก สามารถรองรับผลผลิตจากจังหวัดอื่นได้อย่างเพียงพอ รวมทั้งการรับจ้างผลิตข้าวส่งออกไปต่างประเทศเป็นจังหวัดที่มีศักยภาพนำไปสู่การพัฒนาเป็นผู้ส่งออกระดับประเทศได้เอง และขณะนี้มีการส่งออกไปต่างประเทศที่สำคัญ คือ ประเทศจีน สิงคโปร์ ฮ่องกง ไต้หวัน อิสราเอล รัสเซีย อิหร่าน เป็นต้น
ศักยภาพของเมืองกำแพงเพชรเป็นพื้นที่มี ดินดี น้ำดี ป่าสมบูรณ์ และเป็นที่มาของการกำหนด วิสัยทัศน์การพัฒนาจังหวัดที่ว่า " ผู้นำการผลิต และแปรรูปเกษตรปลอดภัย และการท่องเที่ยวถิ่นมรดกโลก " จนเป็นที่มาของแนวความคิดที่จะยกระดับจังหวัดกำแพงเพชรให้เป็นแหล่งผลิตข้าวปลอดสารพิษที่สำคัญของประเทศ
ชุมนุมสหกรณ์การเกษตรกำแพงเพชร จำกัด จึงริเริ่มบุกเบิกตลาดข้าวปลอดสารพิษ ซึ่งที่ผ่านมา ชุมนุมฯ ทำหน้าที่รวบรวมผลผลิตข้าวจากสหกรณ์ต่าง ๆ มาเข้าสู่กระบวนการแปรรูป สีเป็นข้าวสารจำหน่ายสู่ตลาด ต่อมาในปี 2557 ชุมนุมฯมีแนวคิดที่จะผลิตข้าวปลอดสารพิษจำหน่าย จึงเชิญชวนสหกรณ์ในกำแพงเพชร 35 แห่งที่เป็นสมาชิกของชุมนุมฯ คัดเลือกเกษตรกรมาเข้าร่วมโครงการ เนื่องจากเล็งเห็นว่า เกษตรกรใช้สารเคมีในการปลูกข้าว เพราะต้องการปริมาณผลผลิตจำนวนมากๆ ทำให้เกษตรกรใช้สารเคมีที่มีอันตรายสูง ส่งผลทำให้ต้นทุนการผลิตต่อไร่ก็สูงตามด้วย เมื่อขายข้าวแล้วเกษตรกรหักลบรายได้กับต้นทุน แทบไม่เหลือกำไร ขณะเดียวกันสารเคมีก็ส่งผลทำร้ายต่อร่างกายชาวนาและผู้บริโภคที่ซื้อข้าวไปกิน
นายพิชิต เกษสุวรรณ์ ผู้จัดการชุมนุมสหกรณ์การเกษตรกำแพงเพชร จำกัด ซึ่งได้ริเริ่มโครงการดังกล่าว เปิดเผยว่า ระยะเริ่มต้นโครงการทางชุมนุมฯได้เพิ่มสายการผลิตข้าวปลอดสารพิษ โดยเริ่มจากข้าวหอมมะลิเป็นหลัก จากนั้นจึงผลิตข้าวหอมนิลและข้าวไรซ์เบอรี่มาเพิ่มเติม โดยจัดอบรมให้ความรู้เกี่ยวกับกระบวนการผลิตข้าวปลอดสารพิษแก่เกษตรกร เชิญตัวแทนนักวิชาการ ปราชญ์ชาวบ้านมาให้ความรู้ เพื่อให้ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในการปลูกข้าวให้มีคุณภาพ มีการกำหนดตารางการทำนาในแต่ละช่วงเวลา มีข้อกำหนดให้ปฏิบัติตามหลักวิชาการ จนถึงการเก็บเกี่ยว ทุกขั้นตอนจะมีเจ้าหน้าที่การเกษตรเข้าไปติดตามดูแลใกล้ชิด ซึ่งการปราบศัตรูของข้าวจะใช้น้ำหมัก ยาสูบ น้ำส้มควันไม้ ส่วนหนึ่งสมาชิกสามารถผลิตไว้ใช้เองได้ ซึ่งในการปลูกข้าวหอมมะลิหากใช้สารเคมี จะได้ผลผลิตประมาณ 400 กก.ต่อไร่ แต่เมื่อใช้สารชีวภาพจะได้ผลผลิตเพิ่มขึ้นเป็นไร่ละ 500-700 กก. ตลอดระยะเวลาของการบุกเบิกโครงการ กรมการข้าวจะเข้ามาอบรมให้ความรู้ส่งเจ้าหน้าที่มาตรวจแปลงและเก็บตัวอย่างข้าวไปตรวจสอบตามมาตรฐาน GAP
การรับซื้อผลผลิตจากเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการ ทางชุมนุมฯให้ราคาที่สูงกว่าตลาด ทำให้เกษตรกรสนใจ เข้าร่วมโครงการประมาณ 200 กว่าราย แบ่งการผลิตข้าวปลอดสารพิษเป็นข้าวขาวกข. ข้าวหอมมะลิและข้าวไรซ์เบอร์รี่ ข้าวหอมนิล และให้เครดิตแก่สมาชิกที่เข้าร่วมโครงการ สามารถกู้ยืมปัจจัยการผลิต วัสดุทางการเกษตร ปุ๋ยอินทรีย์ ปุ๋ยชีวภาพ และยาพ่นชีวภาพ เพื่อนำไปปลูกก่อน แล้วค่อยส่งใช้คืนเมื่อนำข้าวมาขายให้ทางชุมนุม แต่ละปีจะรวบรวมข้าวปลอดสารพิษเข้าสู่โรงสีแปรรูปเป็นข้าวสารจำหน่ายได้ประมาณ 1,500 ตัน
การประชาสัมพันธ์สินค้าก็นับว่าเป็นสิ่งสำคัญ ที่จะช่วยขยายตลาดข้าวปลอดสารพิษให้เข้าถึงผู้บริโภค ในขณะที่กระแสนิยมของคนรักสุขภาพ เริ่มหันมาให้บริโภคอาหารที่ปลอดภัยและช่วยรักษาสุขภาพเพิ่มมากขึ้น ย้อนกลับไปเมื่อ 2 ปีก่อน การประชาสัมพันธ์ข้อมูลเรื่องข้าวปลอดสารพิษผ่านทาง Website ยังไม่เป็นที่นิยมมากนัก ต่อมาทางชุมนุมฯจึงเริ่มขยายช่องทางโปรโมทสินค้าผ่าน Facebook เนื่องจากเห็นว่าจะเป็นช่องทางในการสื่อสารเรื่องราวต่างๆ ได้เข้าถึงลูกค้า และสามารถกำหนดได้ว่าอยากให้ลูกค้ามองสินค้าชนิดนี้อย่างไร ซึ่งจะต้องมีการใส่ข้อมูลต่าง ๆ ที่สม่ำเสมอ มีการสอดแทรกงานวิจัยเรื่องข้าว ประโยชน์ของข้าวกับสุขภาพ มีเกร็ดความรู้เรื่องข้าวแต่ละชนิดมาเสริม มีการลงพื้นที่ไปถ่ายภาพในแปลงนาของเกษตรกรให้ลูกค้าได้เห็นกระบวนการผลิตของจริง ให้รู้ว่ากว่าจะได้ข้าวแต่ละเมล็ด มีรายละเอียดขั้นตอนการผลิตการผลิตมากมาย ให้ลูกค้ารู้ถึงที่มาที่ไปของสินค้า รู้ว่าข้าวแต่ละเมล็ดนั้นชาวนาปลูกเอง สหกรณ์สีเองและส่งตรงถึงผู้บริโภค ทำให้เกิดการเชื่อมั่นและการยอมรับในข้าวปลอดสารพิษของชุมนุมสหกรณ์ฯมากยิ่งขึ้น
การประชาสัมพันธ์ข้าวปลอดสารพิษผ่านทาง Facebook นับว่าเป็นช่องทางที่ดีที่สามารถกำหนดกลุ่มเป้าหมายได้ เน้นกลุ่มคนรักสุขภาพ คนที่ชอบทำอาหารและบริโภคอาหาร Organic ซึ่งการที่สหกรณ์ไม่ต้องไปเสียค่าวางจำหน่ายบนห้าง และใช้สื่อ Social ซึ่งมีต้นทุนไม่มากนักมาช่วยขยายตลาด ทำผู้บริโภคทุกระดับสามารถซื้อข้าวปลอดสารพิษไปรับประทานได้ เป็นการทำธุรกิจเพื่อสังคม ที่ช่วยสร้างทัศนคติของลูกค้าให้รู้สึกว่าทุกคนสามารถบริโภคข้าวดีได้ในราคาที่ไม่แพง
ขณะที่ในปัจจุบันผู้บริโภคเริ่มเรียนรู้และนิยมสั่งซื้อสินค้าผ่านอินเตอร์เน็ตมากขึ้น ผู้บริโภคจึงสนใจสั่งซื้อ ข้าวปลอดสารพิษ 100 % บรรจุถุงสุญญากาศขนาดถุงละ 1 กิโลกรัม ผ่านทาง Facebook และทางชุมนุมฯจะจัดส่งสินค้าผ่านบริษัทขนส่งสินค้าเอกชน เพียงวันเดียวข้าวปลอดสารพิษของสหกรณ์จะถูกจัดส่งถึงหน้าบ้าน ทำให้ได้รับกระแสตอบรับจากลูกค้าอย่างล้นหลาม ซึ่งลูกค้าจะแบ่งเป็นสองช่วงอายุ 25-40 ปี นิยมข้าวไรซ์เบอรี่ เป็นวัยที่ดูแลสุขภาพ และออกกำลังกาย ส่วนผู้สูงอายุจะนิยมข้าวกล้อง ซึ่งทางชุมนุมฯได้พยายามพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้มีคุณภาพเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เน้นการผลิตที่ได้มาตรฐานปลอดภัยและห่วงใยสุขภาพของคนรับประทาน และพัฒนาเมล็ดข้าว ไม่ให้มี สิ่งปลอมปน มีขนาดของเมล็ดที่เท่าๆ กัน และมีสีที่สม่ำเสมอกัน ด้วยความเชื่อที่ว่าการขายสินค้าดีมีคุณภาพจะส่งผลต่อธุรกิจที่ยั่งยืน ทำให้ยอดขายข้าวไรซ์เบอรี่ผ่านทาง Facebook ของชุมนุมสหกรณ์การเกษตรกำแพงเพชร จำกัด มียอดจำหน่ายสูงสุดลำดับต้นๆ ของประเทศ
การขายข้าวผ่านทาง Facebook จึงเป็นมิติใหม่ของตลาดสารของสหกรณ์ ทำให้มีลูกค้าใหม่ๆ สนใจสอบถามกันมากขึ้น และใช้ช่องทาง Facebook สื่อสารโดยตรงกับผู้ขาย ส่งข้อความสอบถามและมีการโต้ตอบได้ทันที เป็นการสื่อสารที่เข้าถึงตรงตัว และเปิดรับคำติชมต่าง ๆ จากลูกค้า เพื่อผลักดันให้เกิดการพัฒนาสินค้าให้ดียิ่งขึ้น ตามที่ลูกค้าต้องการ หากใครผ่านไปทางภาคเหนือ อยากจะแวะเวียนไปเยี่ยมชมและเลือกซื้อข้าวปลอดสารพิษของทางชุมนุมสหกรณ์การเกษตรกำแพงเพชร จำกัด สามารถติดต่อสอบถามรายละเอียดได้ที่ โทร.055-840688 หรือเลือกซื้อสินค้าผ่านทาง https:m.facebook.com/ricevery : ข้าวปลอดสารพิษ จากสหกรณ์กำแพงเพชรโดยตรง