กรุงเทพฯ--12 ก.ย.--แบรนด์ เวลท์
บริษัท สหกลอิควิปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ SQ ผู้รับเหมางานเหมืองครบวงจรรายเดียวของไทย เป็นปลื้ม รายได้ครึ่งปีแรกสูงกว่าพันล้าน คาดครึ่งปีหลังแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง
นายศาศวัต ศิริสรรพ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.สหกลอิควิปเมนท์ หรือ SQ เปิดเผยว่า "ผลประกอบการครึ่งปีแรกของปี 2559 บริษัทฯ มีรายได้จากการให้บริการขุด-ขนดินและถ่านหินให้กับโรงไฟฟ้าถ่านหินแม่เมาะ และโรงไฟฟ้าหงสา ประเทศสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว รวมทั้งสิ้น 1,354 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 61% เมื่อเทียบกับรายได้จากการให้บริการ 841 ล้านบาท ในช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน ด้านกำไรสุทธิ ครึ่งปีแรกของปี 2559 บริษัทฯ มีกำไรสุทธิรวมทั้งสิ้น 135 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 136% เมื่อเทียบกับกำไรสุทธิ 57 ล้านบาท ในช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน สาเหตุที่รายได้และกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยยะมาจากงานขุด-ขนดินและถ่านหินในโครงการเหมืองหงสา และโครงการเหมืองแม่เมาะ โครงการที่ 8 ที่ทางบริษัทได้เริ่มงานตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว ส่งผลให้ทยอยรับรู้รายได้ในปีนี้มากขึ้น ซึ่งทั้ง 2 โครงการดังกล่าว บมจ.สหกลอิควิปเมนท์ เป็นผู้รับเหมาเพียงรายเดียว ส่วนโครงการเหมืองแม่เมาะ โครงการที่ 7 ซึ่งเป็นการร่วมทุนระหว่าง SQ และพันธมิตร ยังทยอยรับรู้รายได้อย่างต่อเนื่อง จากเหตุผลที่กล่าวมาส่งผลให้บริษัทฯ มีรายได้จากการให้บริการเพิ่มขึ้น ทั้งในประเทศไทย และสปป.ลาว โดยครึ่งปีแรกของปี 2559 บริษัทฯ มีรายได้จากการให้บริการในประเทศคิดเป็นสัดส่วน 76% ของรายได้ทั้งหมด และรายได้จากต่างประเทศคิดเป็นสัดส่วน 23% ทั้งนี้รายได้จากต่างประเทศในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2558 คิดเป็นสัดส่วนเพียง 2% เมื่อเทียบครึ่งปีแรกของปี 2559 ซึ่งถือว่าเป็นนิมิตรหมายอันดีสำหรับบริษัทฯ ในการขยายการรับเหมางานเหมืองในต่างประเทศ"
นายศาศวัต กล่าวต่อว่า "ปัจจุบัน บริษัทฯ รับเหมางานเหมืองถ่านหินสำหรับโรงไฟฟ้าแม่เมาะ โดยให้บริการงานขุด-ขนดินและถ่านหิน ณ เหมืองถ่านหินแม่เมาะ อำเภอแม่เมาะ จังหวัดลำปาง รวม 2 โครงการได้แก่ โครงการเหมืองแม่เมาะ โครงการที่ 7 ระยะเวลาดำเนินงาน 12 ปี ตั้งแต่ปีพ.ศ. 2551-2563 มูลค่าโครงการรวม 21,906 ล้านบาท โครงการเหมืองแม่เมาะ โครงการที่ 8 ระยะเวลาดำเนินงาน 10 ปี ตั้งแต่ปีพ.ศ. 2559-2568 มูลค่าโครงการรวม 22,871 ล้านบาท และโครงการเหมืองหงสา ภายใต้บริษัท หงสาเพาเวอร์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทฯที่ดำเนินธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานถ่านหินขนาด 1,878 เมกะวัตต์ ที่เมืองหงสา สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ตั้งแต่ปีพ.ศ. 2558-2569 ระยะเวลาดำเนินงาน 12 ปี มูลค่าโครงการรวม 11,743 ล้านบาท ทั้งนี้ ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2559 บริษัทฯ มีปริมาณงานคงเหลือในมือจากทั้ง 3 โครงการรวม 36,442 ล้านบาท
ทั้งนี้ รายได้หลักของบริษัทฯ มาจากงาน 2 ส่วน คืองานขุดดินเพื่อเปิดหน้าเหมือง โดยทางผู้ว่าจ้างจะวัดจำนวนดินที่ทางบริษัทฯ ขุดได้ว่ามีจำนวนกี่ลูกบาศก์เมตรแน่น เพื่อนำมาคำนวณรายได้ ส่วนที่สองคืองานขนถ่านหินให้กับโรงไฟฟ้า ซึ่งวัดปริมาณถ่านเป็นจำนวนตัน เพื่อนำมาคำนวณรายได้"
นายศาศวัต กล่าวทิ้งท้ายว่า "จะเห็นได้ว่าบริษัทฯ มีความมั่นคงทางรายได้อย่างสูง พิจารณาจากงานในมือที่ยังไม่รับรู้รายได้ (backlog) อันมาจากงานทั้ง 3 โครงการที่สร้างรายได้ให้บริษัทฯ อย่างต่อเนื่อง อีกทั้งลูกค้าหลักของบริษัทฯ ไม่ว่าจะเป็นการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย และบริษัท หงสาเพาเวอร์ จำกัด (รัฐบาลของประเทศลาว ร่วมทุนกับบริษัท บ้านปูเพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) และบริษัท ผลิตไฟฟ้าราชบุรีโฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน)) ล้วนแล้วแต่เป็นบริษัทฯ ที่มีชื่อเสียง จึงอาจกล่าวได้ว่า บมจ.สหกลอิควิปเมนท์ เป็นบริษัทฯ ในกลุ่มรับเหมาที่พิเศษแตกต่างจากบริษัทฯ อื่นในกลุ่มธุรกิจเดียวกัน เพราะอายุสัญญาของงานแต่ละโครงการไม่น้อยกว่า 10 ปี
ผลประกอบการครึ่งปีแรกของบริษัทฯ สะท้อนให้เห็นถึงวิสัยทัศน์ของผู้บริหาร ในการมุ่งเน้นธุรกิจที่มีความเชี่ยวชาญชำนาญ แม้บริษัทฯ จะมีความสามารถในการรับเหมางานก่อสร้างอื่นๆ แต่บริษัทฯ เลือกที่จะโฟกัสการรับเหมางานเหมืองเพราะเล็งเห็นว่าอายุสัญญาแต่ละโครงการยาวนาน ทำให้บริษัทฯ มีรายได้ต่อเนื่อง รวมถึงมีผลกำไรสม่ำเสมอ และสามารถเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง"
บริษัท สหกลอิควิปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ SQ มีแผนจะเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนแก่ประชาชนทั่วไป (IPO) จำนวนไม่เกิน 380 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (ราคาพาร์) 1 บาทต่อหุ้น คิดเป็น 33.63% ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมดของบริษัทฯ ภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนครั้งนี้ หรือร้อยละ 33.04 ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและเรียกชำระแล้ว ภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนครั้งนี้และการใช้สิทธิตามใบสำคัญแสดงสิทธิที่ออกให้แก่กรรมการและพนักงาน และบริษัทฯ มีนโยบายจ่ายเงินปันผลไม่น้อยกว่าร้อยละ 40 ของกำไรสุทธิหลังหักภาษีและหักสำรองตามกฎหมาย
ในการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนครั้งนี้ มีบริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) และ ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน.