แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ แจ้งกำไรปี 2543 มูลค่า 216 ล้านบาท ปี 2544 วางเป้ายอดจองบ้านเดี่ยวขยายตัวเพิ่มขึ้น 30 %

ข่าวทั่วไป Monday March 5, 2001 15:18 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--5 มี.ค.--แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์
นายอนันต์ อัศวโภคิน ประธานกรรมการและกรรมการผู้จัดการ บริษัท แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด(มหาชน) ได้เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานของบริษัทฯ ในปี 2543 ว่ามียอดโอนบ้านรวมทั้งสิ้น 6,556 ล้านบาท คิดเป็นบ้านเดี่ยวประมาณ 1,500 ยูนิต ซึ่งเท่ากับมีส่วนแบ่งตลาดบ้านเดี่ยวจากจัดสรรทั้งสิ้น 17 % ปัจจุบันนี้พฤติกรรมของผู้บริโภคจะซื้อบ้านเดี่ยวที่สร้างเสร็จแล้ว สามารถโอนกรรมสิทธิ์ได้ทันที ดังนั้นในปี 2544 นี้บริษัทฯ ได้เน้นบ้านใหม่สร้างเสร็จก่อนขายทุกโครงการ เพราะตลาดที่อยู่อาศัยประเภทบ้านเดี่ยวเป็นที่ต้องการเพิ่มขึ้นมาก แต่ที่สร้างเสร็จแล้วในตลาดกำลังหมดลง เนื่องด้วยเหลือผู้ประกอบการเพียงไม่กี่รายที่พัฒนาโครงการอยู่ ขณะนี้มีปัจจัยที่เอื้ออำนวยต่อการซื้อบ้านหลายๆ ด้าน เช่นการแข่งขันปล่อยสินเชื่อบ้านของสถาบันการเงิน, ดอกเบี้ยเงินกู้บ้านที่ต่ำมากและราคาบ้านที่ปรับตัวขึ้นเพียงเล็กน้อย ดังนั้นกลุ่มผู้บริโภคที่มีความพร้อม มีความมั่นคงทางการเงิน จะตัดสินใจซื้อบ้านในช่วงปี 2544 นี้มากขึ้น" ในปี 2543 บริษัทฯ มียอดการส่งมอบบ้านให้ลูกค้าเพิ่มขึ้น 23 % ของปี 2542 จึงมั่นใจว่านโยบายการสร้างเสร็จก่อนขายนั้นเป็นแนวทางที่ตรงใจผู้บริโภคที่สุด คาดว่าในปีนี้จะมียอดโอนบ้านสร้างเสร็จก่อนขายมากถึง 80 % ของยอดส่งมอบบ้านทั้งหมดโดยบริษัทฯ มีเป้าหมายการขยายตัวเพิ่มขึ้นอีก 30 % มุ่งเน้นประเภทบ้านเดี่ยวเป็นหลัก "
ด้านภาพรวมของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในปี 2544 นี้ นายอนันต์ ได้กล่าวเพิ่มเติมว่า มีความเชื่อมั่นธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ได้เริ่มฟื้นตัวแล้ว โดยเฉพาะในตลาดบ้านเดี่ยว ทาวน์เฮ้าส์ ที่เคยคงค้างอยู่ในตลาดเมื่อ 2 ปีก่อน ได้ลดลงไปมากจนที่อยู่อาศัยบางประเภท ในบางทำเลได้ขาดตลาดไปแล้ว ความต้องการที่อยู่อาศัยนั้นมีอยู่ตลอดเวลา แต่ยังคงขาดความมั่นใจในเรื่องเศรษฐกิจโดยรวม เมื่อผู้บริโภคมีความเชื่อมั่นในเศรษฐกิจมากขึ้น และได้ข้อเสนอราคาและเงื่อนไขที่ดีก็จะตัดสินใจซื้อ--จบ--
-อน-
2/3
นายอดิศร ธนนันท์นราพูล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ได้เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานประจำปี 2543 ว่า เป็นปีแรกที่บริษัทฯ เริ่มสามารถบันทึกผลกำไรหลังจากที่ขาดทุนติดต่อกันมาเป็นเวลา 3 ปี นับตั้งแต่เกิดวิกฤติการทางเศรษฐกิจ
นายอดิศรให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า ในปีที่ผ่านมาบริษัทฯ และบริษัทย่อยมีกำไรจากการดำเนินงานกว่า 800 ล้านบาท แต่จากการตั้งสำรองเผื่อการลดราคาของสินทรัพย์และหนี้สูญแล้ว คงเหลือเป็นกำไรสุทธิเพียง 216 ล้านบาท เท่านั้น ในขณะที่ปี 2542 บริษัทฯ มีผลขาดทุนสุทธิถึง 628 ล้านบาท ผลการดำเนินงานที่ดีขึ้นในปี 2543 เมื่อเทียบกับปี 2542 เกิดจากสาเหตุหลายประการดังต่อไปนี้ประการที่ 1 บริษัทฯ และบริษัทย่อยมียอดขายอันเกิดจากการโอนบ้านเพิ่มขึ้นกว่า 23% คือเพิ่มขึ้นจาก 5,295 ล้านบาท ในปี 2542 เป็น 6,556 ล้านบาท ในปี 2543ประการที่ 2 บริษัทฯ มีกำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วกว่า 8% คือเพิ่มขึ้นจาก 20.5% ในปี 2542 เป็น 28.8 % ในปี 2543 สาเหตุหลักมาจากการปรับราคาขายและจากการสร้างบ้านก่อนขายในปริมาณมากทำให้บริษัทฯ สามารถลดต้นทุนการผลิตจากการสั่งซื้อครั้งละมากๆ ได้
ประการที่ 3 ค่าใช้จ่ายในการขาย (รวมภาษีธุรกิจเฉพาะ) ลดลงประมาณ 125 ล้านบาท เกิดจากมาตราการควบคุมค่าใช้จ่ายของบริษัทฯ ทีดำเนินการมาอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่เกิดวิกฤติ ประกอบกับการลดภาษีธุรกิจเฉพาะ จากมาตราการกระตุ้นธุรกิจภาคอสังหาริมทรัพย์ที่รัฐบาลที่แล้วที่ได้ประกาศในช่วงไตรมาสที่ 2 ของปี 2543
ประการที่ 4 ดอกเบี้ยจ่ายลดลงประมาณ 90 ล้านบาท จากการลดอัตราดอกเบี้ยและยอดเงินกู้ที่ลดลง
ทางด้านฐานะการเงินของบริษัทฯ นั้น บริษัทฯ ได้ทยอยลดยอดเงินกู้มาโดยตลอด โดยในปีที่ผ่านมาบริษัทฯ ได้ชำระคืนเงินกู้ธนาคารไปกว่า 1,700 ล้านบาท ทำให้ภาระดอกเบี้ยจ่ายลดลง ปัจจุบันบริษัทฯ มีอัตราส่วนของหนี้สินต่อทุนอยู่ที่ 1.2 : 1
3/3สำหรับปี 2544 บริษัทฯ คาดว่าอัตรากำไรขั้นต้นจะสูงขึ้นกว่าปี 2543 นอกจากนี้ ภาระดอกเบี้ยของบริษัทฯ จะยังคงลดลงอย่างต่อเนื่อง เพราะอัตราดอกเบี้ยของท้องตลาดมีแนวโน้มที่ลดลง ประกอบกับยอดเงินกู้ที่ลดลงจากการชำระคืนโดยกระแสเงินสดส่วนเกินของบริษัทฯ ซึ่งจะทำให้อัตราส่วนหนี้สินต่อทุนอยู่ในระดับต่ำกว่า 1 : 1 ณ. สิ้นปี 2544
ในส่วนของแผนการใช้จ่ายลงทุนและแหล่งเงินทุนสำหรับปี 2544 นี้ บริษัทฯ คาดว่า จะลงทุนซื้อที่ดินเพิ่มขึ้นเพื่อรองรับการเปิดโครงการใหม่อีกไม่ต่ำกว่า 1,000 ล้านบาท โดยจะใช้แหล่งเงินที่เหลือจากการดำเนินงานของบริษัทฯ ตลอดปี 2544
นายนพร สุนทรจิตต์เจริญ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ได้ชี้แจงถึงนโยบายการพัฒนาโครงการของบริษัทฯ ในปี 2544 นี้ว่า ปัจจุบันมีโครงการบ้านเดี่ยวที่อยู่ในระหว่างดำเนินงาน 29 โครงการ เป็นโครงการในกรุงเทพฯ 23 โครงการ เชียงใหม่ 2 โครงการ ขอนแก่น 2 โครงการ นครราชสีมา 1 โครงการ และภูเก็ต 1 โครงการ มีนโยบายเปิดโครงการใหม่ในกรุงเทพฯ 3 โครงการ เป็นโครงการบ้านเดี่ยวในทำเลปิ่นเกล้า ทำเลพระราม 9 และทำเลสุขุมวิท 77 แห่งละ1
จากทิศทางของตลาดที่อยู่อาศัยในปัจจุบันได้เปลี่ยนแปลงไป เนื่องจากพฤติกรรมผู้บริโภคมีความต้องการแต่บ้านที่สร้างเสร็จพร้อมโอนกรรมสิทธิ์ ดังนั้นนโยบายบ้านสร้างเสร็จก่อนขายของบริษัทฯ จึงสอดคล้องต่อภาวะการณ์ของตลาด และเพื่อให้การดำเนินงานได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ บริษัทฯ จึงได้เตรียมแผนงานรองรับไว้ 2 เรื่องด้วยกันคือ เรื่องที่ 1. มุ่งเน้นทำการศึกษา วิจัยข้อมูลพฤติกรรมผู้บริโภคอย่างสม่ำเสมอในทุกๆ ด้าน ทั้งในเชิงกว้างและเชิงลึกของกลุ่มพฤติกรรมลูกค้าในแต่ละทำเล ในเรื่องที่ 2 คือ บริษัทฯ ได้พัฒนาระบบ Online Project Management System ซึ่งเป็นระบบบริหารงานก่อสร้างให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด สามารถช่วยควบคุมต้นทุนการผลิต ควบคุมระยะเวลาและคุณภาพในงานก่อสร้าง อีกทั้งระบบนี้จะมีการรวบรวมผลและเก็บข้อมูลของลูกค้าบริษัทฯ เพื่อนำไปสู่การวิเคราะห์ข้อมูลทางการตลาดได้อย่างต่อเนื่อง

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ