กรุงเทพฯ--15 ก.ย.--AU Communication
กองทัพเรือโดยฐานทัพเรือสัตหีบ แจ้งความดำเนินคดีอาญาต่อผู้บุกรุกที่ดินแสมสารแล้ว ๕๕ ราย และจะฟ้องคดีแพ่งควบคู่ไปด้วยอีก ๕๕ รายรวมถึงรายอื่นต่อไปอีก จนกว่าจะแก้ปัญหาให้แล้วเสร็จ มีทั้งกลุ่มนายทุนท้องถิ่น บริษัทมหาชน และหน่วยงานส่วนท้องถิ่น ระบุความผิดชัดทั้งบุกรุกภูเขา ถมทะเล ทำรีสอร์ท ร้านอาหาร และสำนักงาน เดินหน้าจัดระเบียบที่ดินตามนโยบาย คสช. ย้ำกองทัพเรือมีนโยบายดูแลชาวบ้านตัวจริงที่เดือดร้อน พร้อมให้เช่าที่กับธนารักษ์ตามเงื่อนไขของรัฐ แต่จะไม่อ่อนข้อต่อผู้บุกรุกในทุกกรณี
ตามที่ฐานทัพเรือสัตหีบ ซึ่งได้รับการมอบอำนาจจากกองทัพเรือ ให้ดำเนินการแจ้งความคดีอาญากรณีการบุกรุกที่ดินของรัฐ บริเวณพื้นที่ตำบลแสมสาร อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี โดยมีการแจ้งความคดีอาญาที่สถานีตำรวจภูธรสัตหีบ ตั้งแต่วันที่ ๒๒ มกราคม ๒๕๕๙ เป็นจำนวนถึง ๕๕ ราย ประกอบไปด้วย รีสอร์ทและร้านอาหารจำนวนมาก ที่เปิดกิจการอยู่ในพื้นที่แสมสาร มาเป็นเวลานาน เป็นประเด็นปัญหายืดเยื้อมานานหลายสิบปี
สำหรับ ๕๕ รายชื่อ ผู้บุกรุกที่ดินของแสมสารที่กองทัพเรือแจ้งความครั้งนี้ มีทั้งเอกชนที่นำที่ดินของรัฐไปประกอบธุรกิจรีสอร์ท และร้านอาหาร ทั้งกลุ่มนายทุนท้องถิ่นและผู้มีอิทธิพลต่างๆ รวมทั้งยังมีนักธุรกิจเอกชนที่เป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ มีการจัดตั้งที่ทำการและสำนักงานถาวรอยู่ในที่ดินของกองทัพเรือ นอกจากนั้น ยังมีการแจ้งความต่อองค์กรบริหารส่วนตำบลแสมสาร ในหลายกรณี ทั้งเรื่องการไม่ขออนุญาตกองทัพเรือในการใช้เป็นที่ตั้งที่ทำการของ อบต.แสมสาร การใช้งบประมาณของรัฐในการทำโครงการโดยไม่ขออนุญาตหน่วยปกครอง และการดำเนินโครงการที่ทำลายทรัพยากรธรรมชาติ โดยทำการขุดภูเขาเพื่อทำบ่อทิ้งขยะ และถมทะเลเพื่อทำที่จอดรถ
สำหรับการแจ้งความคดีอาญาครั้งนี้ นับเป็นส่วนหนึ่งในกระบวนการจัดระเบียบที่ดินแสมสาร ซึ่งฐานทัพเรือสัตหีบได้ดำเนินการมาแล้วหลายครั้งในอดีต แต่ก็มักจะติดขัดเรื่องการไม่ให้ความร่วมมือจากประชาชนในพื้นที่ เพราะมีความเข้าใจผิดว่าจะสามารถผลักดันให้มีการออกเอกสารสิทธิ์ได้ในอนาคต กระทั่งล่าสุด ฐานทัพเรือสัตหีบได้ดำเนินการจัดระเบียบที่ดินแสมสารอีกครั้ง เมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา ตามนโยบายแก้ปัญหาการบุกรุกที่ดินภาครัฐของ คสช. โดยมีการประกาศเชิญชวนให้ประชาชนที่เดือดร้อนที่อยู่อาศัย มาติดต่อขอทำการเช่าที่ดินกับกรมธนารักษ์ได้ โดยมีเงื่อนไขว่าเช่าเพื่อใช้เป็นที่อยู่อาศัย ไม่ให้กรรมสิทฺธิ์ เพราะผิดระเบียบของทางราชการ ซึ่งที่ผ่านมามีประชาชนมาลงทะเบียนราว ๔๐๐ ราย ขณะนี้อยู่ในระหว่างดำเนินการ
ที่ดินแสมสารในปัจจุบัน เป็นทำเลที่ตั้งที่มีอนาคตมากมีมูลค่านับหมื่นล้านบาท จึงมีความพยายามต่อสู้โดยกลุ่มผู้เสียผลประโยชน์มาอย่างยาวนาน เพื่อพยายามผลักดันให้มีการออกเอกสารสิทธิ์ จนเกิดการเรียกร้องให้มีการพิสูจน์สิทธิ์ในที่ดินมาตลอดเวลาหลายสิบปีที่ผ่านมา ล่าสุดเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา ศาลปกครองสูงสุดได้มีคำตัดสินแล้วว่าที่ดินแสมสารเป็นส่วนหนึ่งของที่สงวนหวงห้ามตามกฎหมาย ต้องห้ามมิให้ออกโฉนดที่ดินแก่บุคคลหนึ่งบุคคลใดตามมาตรา ๕๖ แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน ประกอบกับกฎกระทรวง ฉบับที่ ๔๓ (พ.ศ. ๒๕๓๗) ออกตามความในพระราชบัญญัติให้ใช้ประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ.๒๔๙๗ ฉะนั้นราษฎรผู้อาศัยจึงไม่สามารถครอบครองกรรมสิทธิ์ใดๆ ในที่ดินได้ตามกฎหมาย
ความเป็นมาของที่ดินแสมสาร เดิมคือ พื้นที่ของฐานทัพเรือสัตหีบเดิมเป็นพื้นที่เขตทรงสงวนตามพระบรมราชโองการในพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ที่กองทัพเรือเป็นผู้รับผิดชอบ เป็นที่ตั้งของท่าเรือน้ำลึก คลังเชื้อเพลิง และที่ตั้งหน่วยทหาร พื้นที่ฝึกและพื้นที่สำคัญทางยุทธศาสตร์ ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีความอ่อนไหวในเรื่องความมั่นคงแห่งชาติทางทะเล และภาพลักษณ์ของกองกำลังรักษาประเทศ อยู่ภายใต้ พรบ. ว่าด้วยเขตปลอดภัยในราชการทหาร การดำเนินการก่อสร้างใดๆ ในพื้นที่นี้จึงต้องได้รับอนุญาตจากกองทัพเรือเสียก่อนให้ถูกต้อง