กรุงเทพฯ--21 ธ.ค.--ปภ.
สำนักเลขาธิการป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ขอรายงานสถานการณ์อุทกภัย อันเนื่องมาจาก ลมมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือกำลังแรงพัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้ ทำให้ภาคใต้ฝั่งตะวันออกมีฝนตกหนัก ตั้งแต่ วันที่ 14 ธันวาคม 2548 ดังนี้.-
1. สถานการณ์อุทกภัย (ระหว่างวันที่ 14 - 20 ธันวาคม 2548)
1.1 พื้นที่ประสบภัย รวม 8 จังหวัด 93 อำเภอ 2 กิ่งอำเภอ 582 ตำบล 2,891 หมู่บ้าน ได้แก่ จังหวัดสงขลา นครศรีธรรมราช ปัตตานี นราธิวาส พัทลุง ตรัง ยะลา และสตูล
1.2 ความเสียหาย
1) ด้านชีวิต ประชาชนเดือดร้อน 179,991 ครัวเรือน 671,347 คน มีผู้เสียชีวิต 16 ราย (จังหวัดสงขลา 8 ราย พัทลุง 2 ราย ตรัง 2 ราย ปัตตานี 1 ราย และยะลา 3 ราย) สูญหาย 3 ราย (จังหวัดนครศรีธรรมราช ยะลา และพัทลุง)
2) ด้านทรัพย์สิน ในเบื้องต้นได้รับรายงาน บ้านเรือนเสียหายทั้งหลัง 3 หลัง เสียหายบางส่วน 225 หลัง ถนน 463 สาย สะพาน 14 แห่ง พื้นที่การเกษตร 85,562 ไร่ ปศุสัตว์ 34,542 ตัว บ่อปลา 1,759 บ่อ
1.3 มูลค่าความเสียหายเบื้องต้น อยู่ระหว่างการสำรวจ
2. พื้นที่สถานการณ์อุทกภัยคลี่คลายแล้ว 2 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดนราธิวาส และสตูล
3. พื้นที่ที่ยังคงมีสถานการณ์ รวม 6 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดสงขลา นครศรีธรรมราช ปัตตานี พัทลุง ตรัง และ ยะลา
3.1 จังหวัดสงขลา มีพื้นที่ประสบภัย 12 อำเภอ ได้แก่ อำเภอหาดใหญ่ สทิงพระ ระโนด
สิงหนคร กระแสสินธุ์ รัตภูมิ บางกล่ำ ควนเนียง สะบ้าย้อย เทพา นาทวี และนาหม่อม
สถานการณ์ปัจจุบัน ยังมีน้ำท่วมขัง จำนวน 12 อำเภอ ดังนี้
1) อำเภอหาดใหญ่ ระดับน้ำในเขตเทศบาลนครหาดใหญ่ในพื้นที่เศรษฐกิจเข้าสู่สภาวะปกติไม่มีน้ำท่วมขัง ยกเว้นบริเวณพื้นที่ระหว่างฝั่งซ้ายของคลองอู่ตะเภา และคลอง ร.1 กับรอบนอกเทศบาล นครหาดใหญ่ ยังคงมีน้ำท่วมขังระดับสูงประมาณ 0.20-0.30 เมตร โดยน้ำลดลงตามลำดับเนื่องจากได้เปิดช่องทางระบายน้ำทางรถไฟที่ขวางคลอง ร.1 แล้ว ปัจจุบันถนนราษฎร์อุทิศ ชมสาคร และถนนเพชรเกษม ระดับน้ำลดลงเหลือประมาณ 0.10 เมตร คาดว่าสถานการณ์จะคลี่คลายในวันพรุ่งนี้
- ถนนหาดใหญ่-ยะลา-ปัตตานี บริเวณอำเภอเทพา ระดับน้ำสูงประมาณ 0.30 เมตร รถเล็กสามารถสัญจรได้แล้ว
- ระดับน้ำในคลอง ร.1 คลองอู่ตะเภา คลอง 30 เมตร และคลองเตย ระดับน้ำมีแนวโน้มลดลง โดยอยู่ระดับตลิ่งแล้ว เทศบาลนครหาดใหญ่และชลประทานกำลังเร่งสูบน้ำออก
2) อำเภอสทิงพระ มีน้ำท่วมขัง 3 ตำบล ได้แก่ ตำบลคูขุด ท่าหิน และคลองรี ระดับน้ำเริ่มลดลงสูงประมาณ 0.60-0.80 เมตร อำเภอได้อพยพประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัยของตำบลคูขุด ไปอยู่ที่ศาลาประชาคม โรงเรียนสทิงพระวิทยา และบางส่วนอพยพไปอยู่ที่บ้านญาติ จำนวน 700 ครัวเรือน 2,800 คน
3) อำเภอระโนด มีน้ำท่วมขังในพื้นที่ 12 ตำบล 2 เทศบาลตำบล เทศบาลตำบลระโนด เทศบาลตำบลบ่อตรุ และหน้าที่ว่าการอำเภอ ระดับน้ำสูงประมาณ 0.7-1.20 เมตร ถนนสายระโนด-สงขลามีน้ำท่วมบางจุดรถยังสามารถสัญจรได้ ประชาชนได้อพยพปศุสัตว์ไว้บนถนน
4) อำเภอสิงหนคร มีน้ำท่วมขังในพื้นที่ 11 ตำบล ถนนสายรองมีน้ำท่วมเกือบทุกสาย โดยเฉพาะที่ตำบลรำแดง ทำนบ และสะทิงหม้อ ระดับน้ำสูงประมาณ 0.80 เมตร เพราะว่าน้ำในคลองสะทิงหม้อ ไม่สามารถระบายลงสู่ทะเลสาบสงขลาได้เนื่องจากน้ำทะเลหนุน การสัญจรไม่สะดวก บางพื้นที่ถูกตัดขาดไม่สามารถสัญจรได้
5) อำเภอกระแสสินธุ์ เกิดน้ำท่วมขัง 4 ตำบล ได้แก่ ตำบลโรง เชิงแส เกาะใหญ่ และกระแสสินธุ์ ระดับน้ำสูงประมาณ 0.30 เมตร ถนนสายหลักของตำบลเชิงแส มีน้ำท่วมเป็นช่วง ๆ น้ำจากเขาเกาะใหญ่ มีศัตรูพืชระบาด (เพลี้ย) ระบาดมากที่หมู่ 1 ตำบลโรง พื้นที่เสียหายประมาณ 450 ไร่ ขณะนี้ปริมาณน้ำท่วมยังคงอยู่ ปริมาณน้ำสูงประมาณ 1.00 เมตร เนื่องจากน้ำในทะเลสาบสงขลาหนุน ทำให้ระดับน้ำ ในพื้นที่อำเภอกระแสสินธุ์ สูงขึ้นกว่าเดิม ประกอบกับมีฝนตกหนักทำให้ถนนขาดการสัญจรไปมาของราษฎรไม่สะดวก
6) อำเภอบางกล่ำ ยังมีน้ำท่วม ริมคลอง ร.1 ที่ตำบลท่าช้าง โดยเฉพาะในหมู่ที่ 5 ได้มีการอพยพราษฎรไปอยู่ในที่ปลอดภัยแล้ว ระดับน้ำสูงประมาณ 0.90 เมตร และมีน้ำท่วมขังไหลผ่านถนนเป็นช่วง ๆ ประชาชนไม่สามารถสัญจรไปมาได้ และมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นเนื่องจากมีฝนตกเพิ่มลงมาอีก
7) อำเภอรัตภูมิ ยังคงมีน้ำท่วมขัง 5 ตำบล ได้แก่ ตำบลเขาพระ ท่าชะมวง กำแพงเพชร คูหาใต้ ควนรู ระดับน้ำสูงประมาณ 0.70 เมตร ถนนสายเอเชีย (หาดใหญ่-พัทลุง) ที่ถูกน้ำท่วมช่วงอำเภอรัตภูมิบริเวณบ้านคูหา รถสามารถสัญจรได้ตามปกติ
8) อำเภอควนเนียง เกิดน้ำท่วมขัง 4 ตำบล 1 เทศบาล ได้แก่ ตำบลรัตภูมิ ห้วยลึก บางเหรียง ควนโส และเทศบาลตำบลควนเนียง ระดับน้ำสูงประมาณ 0.30 เมตร
9) อำเภอสะบ้าย้อย เกิดน้ำท่วมไหลหลากทุกตำบล เนื่องจากฝนตกหนักไหลลงมาจากตำบลเขาแดง และตำบลบาโหย ระดับน้ำลดลง สูงประมาณ 0.80 เมตร เส้นทางสัญจรไป-มา ระหว่างสะบ้าย้อยไปยะลาและปัตตานี ไม่สามารถสัญจรได้ ได้อพยพประชาชน จำนวน 50 ครัวเรือน ไปไว้ที่ศาลาประชาคม
10) อำเภอเทพา เกิดน้ำท่วมทุกตำบลของอำเภอ
- ถนนหน้าที่ว่าการอำเภอเทพา ระดับน้ำสูงประมาณ 0.70-1.20 เมตร รถทุกชนิด ไม่สามารถสัญจรไปมาได้
- ถนนเทพา-สะบ้าย้อย ระดับน้ำสูง ประมาณ 0.80 เมตร รถไม่สามารถสัญจรไปมาได้
11) อำเภอนาทวี น้ำยังคงท่วมขังในพื้นที่หมูที่ 4 ตำบลฉาง หมู่ที่ 5 ตำบลสะท้อน หมู่ที่ 5 ตำบลนาทวี หมู่ 5 ตำบลทับช้าง และหมูที่ 9 ตำบลคลองกวาง ระดับน้ำสูงประมาณ 0.40 เมตร
12) อำเภอนาหม่อม พื้นที่ได้รับผลกระทบ จำนวน 4 ตำบล คือ ตำบลทุ่งขมิ้น หมู่ 1-7 ตำบลนาหม่อม หมู่ 1-10 ตำบลพิจิตร หมู่ 1-6 และตำบลคลองหรัง หมู่ 1-6 ฝนตกหนักน้ำไหลหลากเข้าท่วมขังในพื้นที่ดังกล่าวข้างต้น สูงประมาณ 0.60 เมตร ความเสียหายอยู่ระหว่างดำเนินการสำรวจ
การให้ความช่วยเหลือ
(1) กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจัดส่งสะพานแบลีย์ไปช่วย 4 แห่ง ได้แก่ อบต.ท่าหมอไทร บ้านโคกเมาตำบลท่าช้าง บ้านท่าข้าม ตำบลน้ำน้อย บ้านควนจง ตำบลท่าล้อ รวมระยะทางประมาณ 57 เมตร (2) สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดสงขลา และกองเรือภาค 2 จัดส่งเรือท้องแบนจำนวน 12 ลำ ไปช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ที่ประสบภัย
(3) จังหวัด อำเภอ สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดสงขลา พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและมูลนิธิเพื่อการกุศล มอบถุงยังชีพช่วยเหลือผู้ประสบภัย จำนวน 20,000 ชุด
(4) สำนักงานชลประทานที่ 16 สนับสนุนเครื่องสูบน้ำ จำนวน 16 เครื่อง
ระดับน้ำในลุ่มน้ำคลองอู่ตะเภา อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา เมื่อเวลา 17.00 น. วันนี้ (20 ธ.ค.48) ดังนี้
- จุดวัดน้ำบ้านคลองแงะ (X173) วัดได้ 17.64 เมตร (ระดับตลิ่ง 18.00 เมตร) ต่ำกว่าระดับตลิ่ง 0.36 เมตร
- จุดวัดน้ำบ้านบางศาลา (X90) วัดได้ 8.60 เมตร (ระดับตลิ่ง 9.00 เมตร) ต่ำกว่าระดับตลิ่ง 0.40 เมตร
- จุดวัดน้ำบ้านหาดใหญ่ใน (X44) วัดได้ 7.01 เมตร (ระดับตลิ่ง 6.50 เมตร) สูงกว่าระดับตลิ่ง 0.51 เมตร
ปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำลุ่มน้ำคลองอู่ตะเภา อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา เวลา 17.00 น. วันนี้ (20 ธ.ค.48)
จากการตรวจสอบระดับน้ำในอ่างเก็บน้ำลุ่มน้ำคลองอู่ตะเภา มีอ่างเก็บน้ำ 3 แห่ง ได้แก่ อ่างเก็บน้ำคลองสะเดา ซึ่งอยู่ในพื้นที่อำเภอสะเดา เป็นที่ต้นน้ำมีปริมาณน้ำ 64.107 (ความจุ 56.74 ล้าน ลบ.ม.) ระดับน้ำเกินความจุ 7.367 ล้าน ลบ.ม. อ่างเก็บน้ำคลองหลา มีปริมาณน้ำ 25.36 ล้าน ลบ.ม. (ความจุ 25 ล้าน ลบ.ม.) ระดับน้ำเกินความจุ 0.36 ล้าน ลบ.ม. อ่างเก็บน้ำคลองจำไหร มีปริมาณน้ำ 6.04 ล้าน ลบ.ม. (ความจุ 6 ล้าน ลบ.ม.) ระดับน้ำเกินความจุ 0.04 ล้าน ลบ.ม.
3.2 จังหวัดนครศรีธรรมราช มีพื้นที่ประสบภัย จำนวน 20 อำเภอ 1 กิ่งอำเภอ ได้แก่ อำเภอบางขัน หัวไทร นบพิตำ ร่อนพิบูลย์ สิชล พระพรหม เมือง ขนอม พิปูน เฉลิมพระเกียรติ ทุ่งสง ถ้ำพรรณรา ชะอวด ทุ่งศาลา ทุ่งใหญ่ ปากพนัง พรหมคีรี จุฬาภรณ์ ลานสกา เชียรใหญ่ และกิ่งอำเภอช้างกลาง
สถานการณ์ปัจจุบัน ยังมีน้ำท่วม จำนวน 5 อำเภอ ได้แก่ อำเภอชะอวด เฉลิมพระเกียรติ เชียรใหญ่ หัวไทร และปากพนัง ในขณะนี้ระดับน้ำได้ลดลง ยังมีน้ำท่วมขังบางพื้นที่เป็นบริเวณกว้าง โดยในที่ลุ่มมีระดับน้ำสูงประมาณ 0.80-1.00 เมตร
การให้ความช่วยเหลือ
- สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัด อำเภอ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งดำเนินการช่วยเหลือผู้ประสบภัยในเบื้องต้นแล้ว
- กรมปศุสัตว์ได้จัดส่งหญ้าแห้ง สำหรับเลี้ยงสัตว์ จำนวน 5 คันรถ ไปสนับสนุนช่วยเหลือผู้ประสบภัยในพื้นที่จังหวัดนครศรีธรรมราชแล้ว
3.3 จังหวัดปัตตานี ขณะนี้ไม่มีฝนตก ปริมาณน้ำจากจังหวัดยะลาได้ไหลมาถึงจังหวัดปัตตานีทำให้ระดับน้ำในเขตเทศบาลเมืองปัตตานีสูงประมาณ 0.20 เมตร สำหรับพื้นที่รอบนอกยังคงมีน้ำท่วมขังในพื้นที่ 5 อำเภอ ได้แก่ อำเภอแม่ลาน หนองจิก ยะรัง เมือง และทุ่งยางแดง ระดับน้ำสูงประมาณ 1.20 เมตร
การให้ความช่วยเหลือ
1) จังหวัด เทศบาลเมืองปัตตานี และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้จัดเรือท้องแบน จำนวน 35 ลำ และเรือบรรทุกขนาดใหญ่จำนวน 2 ลำ เข้าช่วยเหลือราษฎรที่ประสบภัยแล้ว
2) เทศบาลเมืองปัตตานี มอบถุงยังชีพ จำนวน 5,800 ชุด และวางกระสอบทรายในเขตเทศบาลเพื่อเสริมแนวกั้นน้ำเพิ่มเติม และใช้เครื่องสูบน้ำขนาด 30 นิ้ว จำนวน 2 เครื่อง เร่งระบายน้ำตลอด 24 ชั่วโมง
3) อำเภอหนองจิกได้อพยพราษฎรบ้านควนดิน จำนวน 40 ครัวเรือน ไปอยู่ที่ถนนสาย 42 (หนองจิก-โคกโพธิ์) และเร่งรัดให้ความช่วยเหลือในเบื้องต้น
4) เขื่อนปัตตานี นำรถแบคโฮ จำนวน 2 คัน ไปทำการขุดลอกทางระบายน้ำที่ตำบลเมาะมาวี และ บริเวณ กม.7-8 ตำบลกอลำ อำเภอยะรัง เพื่อเร่งระบายน้ำ
3.4 จังหวัดพัทลุง ขณะนี้ฝนหยุดตก แต่ยังคงมีน้ำท่วมขังในพื้นที่อำเภอเขาชัยสน บางแก้ว ปากพะยูน ยังคงมีน้ำท่วมขัง เนื่องจากเป็นพื้นที่ติดทะเลสาบ น้ำทะเลหนุน ระดับน้ำทรงตัวสูงประมาณ 0.50-0.90 เมตร สำหรับอำเภอเมือง ยังคงมีน้ำท่วมขังบางพื้นที่ของตำบลลำปำ พญาขัน ชัยบุรี น้ำสูงประมาณ 0.50 เมตร
การให้ความช่วยเหลือ
จังหวัดและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ช่วยเหลือผู้ประสบภัยในเบื้องต้นดังนี้
1) นำเรือท้องแบนจำนวน 20 ลำ แจกจ่ายถุงยังชีพ จำนวน 11,540 ชุด
2) อพยพประชาชน จำนวน 1677 ครัวเรือน 6,000 คน
3.5 จังหวัดตรัง ขณะนี้ฝนหยุดตกแล้ว แต่ยังคงมีน้ำท่วมขังในบางพื้นที่ เพราะว่าไม่สามารถระบายน้ำได้ เนื่องจากน้ำทะเลหนุน ประกอบกับน้ำที่ไหลมาสมทบจากจังหวัดนครศรีธรรมราช และจังหวัดพัทลุง เฉลี่ยระดับโดยทั่วไปสูงประมาณ 0.20 เมตร
การให้ความช่วยเหลือ
- จังหวัดและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พร้อมด้วยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้เร่งรัดดำเนินการช่วยเหลือผู้ประสบภัยในเบื้องต้น
3.6 จังหวัดยะลา ขณะนี้สภาพทั่วไปไม่มีฝนตก ยังคงมีน้ำท่วมขังเป็นบริเวณกว้าง อำเภอ รอบนอก ได้แก่ อำเภอยะหา บันนังสตา กรงปินัง รามัน ระดับน้ำเริ่มลดลง
- จังหวัดยะลา รายงานว่าเมื่อ 17 ธันวาคม 2548 ได้เกิดน้ำป่าไหลหลากดินโคลนถล่มที่บ้านกาลังใน หมู่ 6 ตำบลตาเนาะปูเต๊ะ อำเภอบันนังสตา ทำให้บ้านเรือนเสียหายทั้งหลัง จำนวน 8 หลัง และบางส่วน 10 หลัง แต่ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิตแต่อย่างไร
การให้ความช่วยเหลือ
- จังหวัดได้นำเครื่องอุปโภคบริโภคและน้ำดื่มไปช่วยเหลือราษฎรที่ประสบภัยโดยทางเฮลิคอปเตอร์ ซึ่งได้รับการสนับสนุนจาก ทภ.4 และเครื่องจักรกลหนักช่วยเหลือในเบื้องต้น จำนวน 2 คัน
- สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดยะลาได้จัดเรือท้องแบนจำนวน 3 ลำ ให้การช่วยเหลือ
4. การดำเนินการของกระทรวงมหาดไทย
4.1 ในวันนี้ (20 ธันวาคม 2548) รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย (นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช) พร้อมคณะผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช ได้เดินทางไปที่ อำเภอปากพนัง และชะอวด เพื่อเยี่ยมผู้ประสบภัยและแจกถุงยังชีพ จำนวน 800 ชุด
4.2 ในวันนี้ (20 ธันวาคม 2548) กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ได้จัดถุงยังชีพ จำนวน 25,000 ถุง อาหารกระป๋องพร้อมรับประทาน(ฮาราล) จำนวน 80,000 กระป๋อง เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยภาคใต้
4.3 กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยได้สั่งการให้ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เขต 1 ปทุมธานี ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขต 2 สุพรรณบุรี, เขต 3 ปราจีนบุรี, เขต 4 ประจวบคีรีขันธ์ เขต 5 นครราชสีมา, เขต 6 ขอนแก่น และเขต 8 กำแพงเพชร จัดส่งเรือท้องแบนจำนวน 60 ลำ พร้อมเจ้าหน้าที่ ไปสนับสนุนและช่วยเหลือผู้ประสบภัย ในพื้นที่จังหวัดตรัง พัทลุง นครศรีธรรมราช และสงขลา ตั้งแต่วันที่ 17 ธันวาคม 2548 แล้ว
4.4 กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ได้จัดส่งถุงยังชีพ จำนวน 30,000 ชุด ไปช่วยเหลือจังหวัดสงขลา นครศรีธรรมราช และพัทลุง และได้จัดซื้ออีกจำนวน 25,000 ชุด สำหรับไปสนับสนุนแจกจ่ายให้ผู้ประสบอุทกภัย โดยจะส่งถึงพื้นที่ในวันที่ 21 ธันวาคม 2548
4.5 กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยได้จัดส่งอาหาร (ข้าว) กระป๋อง พร้อมรับประทาน (ฮาราล) จำนวน 60,000 กระป๋อง โดยกองทัพอากาศได้สนับสนุนเครื่องบิน (C 130) เป็นพาหนะนำส่งไปที่จังหวัดปัตตานีแล้ว และได้เตรียมไว้สำหรับไปสนับสนุนแจกจ่ายแก่ผู้ประสบภัยอีก 340,000 กระป๋อง
4.6 กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยได้จัดส่งอาหาร (ข้าว) กระป๋อง พร้อมรับประทาน (ฮาราล) จำนวน 19,968 กระป๋อง น้ำดื่ม 6,000 ขวด โดยกองทัพอากาศได้สนับสนุนเครื่องบิน (C 130) เป็นพาหนะนำส่งไปที่อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา แล้ว
5. กรมอุตุนิยมวิทยาออกประกาศเตือน พยากรณ์อากาศ ประจำวันอังคารที่ 20 ธันวาคม 2548 เมื่อเวลา 17.00 น. สภาวะอากาศโดยทั่วไป พายุดีเปรสชันบริเวณทะเลจีนใต้ตอนล่างมีศูนย์กลางอยู่ห่างประมาณ 200 กิโลเมตรทางตะวันออกเฉียงใต้ของปลายแหลมญวน หรือที่ละติจูด 9.0 องศาเหนือ ลองจิจูด 109.0 องศาตะวันออก มีความเร็วลมสูงสุดใกล้ศูนย์กลางประมาณ 45 กิโลเมตรต่อชั่วโมง กำลังเคลื่อนตัวทางทิศตะวันตกอย่างช้าๆ คาดว่า พายุนี้จะเคลื่อนตัวขึ้นฝั่งบริเวณปลายแหลมญวนและมีกำลังอ่อนลง ในวันที่ 21 ธันวาคม 2548 และจะเคลื่อนตัวลงสู่อ่าวไทยในวันเดียวกัน พายุนี้จะมีผลกระทบต่อลักษณะอากาศของภาคใต้และอ่าวไทยในช่วงวันที่ 22-23 ธันวาคม 2548 โดยจะทำให้ภาคใต้ตั้งแต่จังหวัดนครศรีธรรมราชลงไปมีฝนตกเพิ่มมากขึ้น แต่เกณฑ์การกระจายและปริมาณน้อยกว่าที่ผ่านมา และทำให้คลื่นลมมีกำลังแรงขึ้นด้วย โดยจะมีคลื่นสูง 2-4 เมตร ขอให้ระมัดระวังในการเดินเรือ อนึ่ง ความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังแรงจากประเทศจีนจะแผ่ลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบนใน ช่วงวันที่ 21-24 ธันวาคม 2548 ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณดังกล่าวอุณหภูมิลดลง 2-4 องศา และลมแรง
6. ปริมาณน้ำฝน ตั้งแต่ 07.00 น วันที่ 19 ธ.ค.48 ถึง 07.00 น วันที่ 20 ธ.ค.48 วัดได้ ดังนี้
- จ.สงขลา (อ.จะนะ) 20.3 มม.
- จ.นราธิวาส (อ.สุคิริน) 10.5 มม.
- จ.ปัตตานี (อ.ยะหริ่ง) 8.0 มม.
7. จากการตรวจสอบสภาวะฝนจากสถานีเรดาร์กรมอุตุนิยมวิทยา ในวันที่ 20 ธ.ค.48 เวลา 18.00 น. พบว่า ไม่มีกลุ่มฝนในพื้นที่ภาคใต้ และอ่าวไทย
8. สำนักเลขาธิการป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ได้จัดเจ้าหน้าที่เฝ้าระวัง ติดตามสถานการณ์ และให้ความช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ต่าง ๆ อย่างต่อเนื่องแล้ว ทั้งนี้ หากมีสถานการณ์คืบหน้าประการใด จักได้ติดตามและรายงานให้ทราบต่อไป
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมติดต่อ
ศูนย์อำนวยการบรรเทาสาธารณภัย
กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย
กระทรวงมหาดไทย
โทร. 0-2241-7450 - 62, โทรสาร 0-2241-7450 - 6 สายด่วน 1784--จบ--