กรุงเทพฯ--19 ก.ย.--กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย
กระทรวงมหาดไทย โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) รายงานเกิดน้ำไหลหลากในพื้นที่ภาคเหนือ 5 จังหวัด รวม 15 อำเภอ 34 ตำบล ปัจจุบันระดับน้ำลดลงแล้ว แต่ยังคงมีน้ำท่วมขังในที่ลุ่มต่ำในพื้นที่อำเภอ สันกำแพง จังหวัดเชียงใหม่และจังหวัดพะเยา พร้อมเตือน 7 จังหวัดภาคกลาง ได้แก่ อุทัยธานี ชัยนาท สิงห์บุรี ลพบุรี อ่างทอง พระนครศรีอยุธยา และสุพรรณบุรี เตรียมพร้อมรับมือน้ำเอ่อล้นตลิ่งเนื่องจากระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยา เพิ่มสูงขึ้น พร้อมกำชับ ศูนย์ ปภ.เขต และสำนักงาน ปภ.จังหวัดในพื้นที่ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องติดตาม เฝ้าระวังสถานการณ์ และเตรียมความพร้อมปฏิบัติการให้ความช่วยเหลือประชาชนตลอด 24 ชั่วโมง
นายฉัตรชัย พรหมเลิศ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เปิดเผยว่า ภาวะฝนตกหนักในระยะนี้ ส่งผลให้เกิดน้ำไหลหลากและดินสไลด์ใน 5 จังหวัด รวม 15 อำเภอ 34 ตำบล แยกเป็น สุโขทัย น้ำจากแม่น้ำยมล้นตลิ่ง เข้าท่วมพื้นที่อำเภอเมืองสุโขทัย ประชาชนได้รับผลกระทบ 500 ครัวเรือน อพยพ 4 ครัวเรือน พื้นที่การเกษตรเสียหาย 49,203 ไร่ เชียงใหม่ เกิดน้ำป่าไหลหลากในพื้นที่ 5 อำเภอ ได้แก่ อำเภอแม่ออน อำเภอเชียงดาว อำเภอแม่แตง อำเภอเวียงแหง และอำเภอสันกำแพง บ้านเรือนประชาชนได้รับผลกระทบเป็นจำนวนมาก พะเยา เกิดน้ำท่วมในพื้นที่ 3 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมืองพะเยา อำเภอดอกคำใต้ และอำเภอภูกามยาว แม่ฮ่องสอน เกิดน้ำป่าไหลหลากในพื้นที่ 3 อำเภอ ได้แก่ อำเภอปางมะผ้า อำเภอเมืองแม่ฮ่องสอน และอำเภอปาย แพร่ เกิดน้ำป่าไหลหลากในพื้นที่ 3 อำเภอ ได้แก่ อำเภอลอง อำเภอร้องกวาง และอำเภอเด่นชัย สำหรับสถานการณ์ในภาพรวมทั้ง 5 จังหวัด ปัจจุบันระดับน้ำลดลงแล้ว แต่ยังคงมีมีน้ำท่วมขังในที่ลุ่มต่ำในพื้นที่อำเภอสันกำแพง จังหวัดเชียงใหม่และจังหวัดพะเยา ทั้งนี้ สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดที่ประสบภัย ได้ร่วมกับหน่วยทหารและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นสำรวจความเสียหายและให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยในเบื้องต้นแล้ว อย่างไรก็ตาม จากการติดตามสถานการณ์น้ำกับสำนักชลประทานที่ 12 คาดว่าสถานการณ์น้ำที่ไหลผ่านเขื่อนเจ้าพระยา มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น อาจส่งผลให้พื้นที่ริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยามีระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้น ตั้งแต่บริเวณท้ายเขื่อนเจ้าพระยา อำเภอสรรพยา จังหวัดชัยนาท ถึงบริเวณตำบลบางหลวงโดด อำเภอบางบาล และตำบลบ้านกระทุ่ม ตำบลหัวเวียง อำเภอเสนา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา รวมถึงบริเวณท้ายแม่น้ำน้อย กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) จึงได้ประสาน 7 จังหวัดภาคกลาง ได้แก่ อุทัยธานี ชัยนาท สิงห์บุรี ลพบุรี อ่างทอง พระนครศรีอยุธยา และสุพรรณบุรี รวมถึงศูนย์ป้องกันและบรรเทา สาธารณภัยเขตในพื้นที่เสี่ยงภัยแจ้งเตือนประชาชนที่อาศัยอยู่บริเวณพื้นที่ลุ่มริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา เกษตรกร ผู้ประกอบการร้านค้า เรือโดยสาร ประชาชนที่สัญจรทางน้ำ นักท่องเที่ยว รวมถึงผู้รับเหมาก่อสร้างงานโครงสร้างหรือเขื่อนป้องกันตลิ่งบริเวณริมแม่น้ำเจ้าพระยาให้ติดตามสถานการณ์และประกาศแจ้งเตือนจากหน่วยงานราชการอย่างใกล้ชิด รวมถึงเตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์น้ำเอ่อล้น โดยจัดเก็บและขนย้ายสิ่งของขึ้นที่สูงให้พ้นจากแนวน้ำท่วม พร้อมเพิ่มความระมัดระวังในการเดินทางสัญจรทางน้ำ ทั้งนี้ ปภ.ได้สั่งกำชับให้ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขต สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดในพื้นที่เสี่ยงภัยประสานองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดเตรียมวัสดุอุปกรณ์ เครื่องจักรกล ด้านสาธารณภัย และกำลังเจ้าหน้าที่ อาสาสมัครป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน (อปพร.) และทีมกู้ชีพกู้ภัยประจำตำบลติดตาม เฝ้าระวังสถานการณ์ และเตรียมความพร้อมปฏิบัติการให้ความช่วยเหลือประชาชนตลอด 24 ชั่วโมง รวมถึงจัดวาง แนวกระสอบทรายและติดตั้งเครื่องสูบน้ำป้องกันพื้นที่เศรษฐกิจของจังหวัดได้รับผลกระทบจากสถานการณ์น้ำเอ่อล้นท่วม พื้นที่ริมฝั่งแม่น้ำ ท้ายนี้ ประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากสถานการณ์ภัย สามารถติดต่อขอความช่วยเหลือได้ทางสายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อประสานให้การช่วยเหลือโดยด่วนต่อไป