กรุงเทพฯ--20 ก.ย.--เค พลัส พีอาร์
EXIM BANK ไว้วางใจกลุ่ม CHOW สนับสนุนทางการเงินเพิ่มอีกจำนวน 3,360 ล้านบาท เพื่อก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในญี่ปุ่น หลังเข้าเยี่ยมชมโครงการที่อนุมัติวงเงินสนับสนุนรอบแรก "อนาวิล จิรธรรมศิริ" เผยหนุน CHOW ขยายฐานธุรกิจพลังงานคล่องตัวขึ้น หลังลงทุนต่อเนื่อง 2 ปีขายไฟแล้ว 23.5 เมกะวัตต์
นายอนาวิล จิรธรรมศิริ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เชาว์ สตีล อินดัสทรี้ จำกัด (มหาชน) หรือCHOW ผู้ประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์เหล็กแท่งยาว (Steel Billet) รายใหญ่ของประเทศที่มีคุณภาพเป็นที่ยอมรับในระดับสากล และธุรกิจพลังงาน ประเภทโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ ทั้งในและต่างประเทศ เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้รับการสนับสนุนทางการเงินจากธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย หรือ EXIM BANKเพิ่มอีกจำนวน 9,880 ล้านเยน หรือ จำนวน 3,360 ล้านบาท สำหรับโครงการก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในประเทศญี่ปุ่น หลังจากที่คณะผู้บริหารจากธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย ได้เข้าเยี่ยมชมโครงการที่ได้รับการสนับสนุนทางการเงินชุดแรก ทำให้มั่นใจในการทำงานของ CHOW GROUP และได้อนุมัติวงเงินชุดใหม่ซึ่งจะทำให้ธุรกิจพลังงานภายใต้การบริหารจัดการของบริษัทย่อย บริษัท เชาว์ เอ็นเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) ขยายธุรกิจตามแผนงานได้อย่างคล่องตัวมากยิ่งขึ้น
"ปัจจุบันประเทศญี่ปุ่นอยู่ในช่วงเร่งขยายการผลิตไฟฟ้าด้วยพลังงานหมุนเวียน โดยได้อนุมัติรับซื้อไฟจากพลังงานหมุนเวียนแล้วถึง 75,000 เมกะวัตต์ จึงเป็นโอกาสที่ดีที่กลุ่ม CHOW เร่งจะขยายการลงทุนด้านพลังงานในประเทศญี่ปุ่น ประกอบกับเราถือเป็นกลุ่มนักลงทุนไทยรายแรกๆ ที่เข้าไปลงทุนในธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ โดยปัจจุบันโครงการของบริษัทฯ ขายไฟในเชิงพาณิชย์แล้วถึง 23.5 เมกะวัตต์ และการลงทุนอย่างต่อเนื่องทำให้เราได้รับโอกาสทางธุรกิจเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ ทั้งจากความเชี่ยวชาญในธุรกิจ ความไว้วางใจจากคู่ค้าและสถาบันการเงินจนทำให้ต้นทุนทางการเงินเริ่มลดต่ำลงอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งการสนับสนุนวงเงินของ EXIM BANK ในครั้งนี้เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ CHOW GROUP ขยายธุรกิจด้านพลังงาน รองรับโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ ได้คล่องตัวยิ่งขึ้น โดยหลังจากนี้มั่นใจว่า CHOW จะสร้างการเติบโตให้กับธุรกิจพลังงานได้อย่างชัดเจน ตามเป้าหมายที่วางไว้"นายอนาวิลกล่าว
นายพิศิษฐ์ เสรีวิวัฒนา กรรมการผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK) กล่าวว่า จนถึงปัจจุบัน EXIM BANK สนับสนุนวงเงินสินเชื่อเพื่อใช้ในการขยายการลงทุนก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ของกลุ่มบริษัท เชาว์ สตีล รวมแล้วกว่า 47 MW ซึ่งเมื่อรวมกับกำลังการผลิตปัจจุบันที่ก่อสร้างเสร็จแล้ว จะทำให้กลุ่มบริษัท เชาว์ สตีล มีกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นเป็นกว่า 70 MW โดยสอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลญี่ปุ่นปัจจุบันที่ส่งเสริมการผลิตไฟฟ้าด้วยพลังงานหมุนเวียน เพื่อลดสัดส่วนการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานนิวเคลียร์ภายหลังจากโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ที่เมืองฟุกุชิมาได้รับความเสียหายจากเหตุการณ์แผ่นดินไหว โดยมีเป้าหมายเพิ่มสัดส่วนการใช้พลังงานหมุนเวียนเป็น 24% ของกำลังการผลิตไฟฟ้าภายในปี 2573 ทั้งนี้ ปัจจุบันสัดส่วนของพลังงานไฟฟ้าที่ผลิตจากพลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานลม พลังงานน้ำ ชีวมวล และความร้อนใต้พิภพยังอยู่ในระดับต่ำเพียง12% จึงเป็นโอกาสที่ดีของนักลงทุนไทยที่จะขยายการลงทุนด้านพลังงานในประเทศญี่ปุ่น ซึ่งกลุ่มบริษัท เชาว์ สตีล ถือเป็นกลุ่มนักลงทุนไทยรายแรกๆ ที่เข้าไปลงทุนในธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในญี่ปุ่นมานานกว่า 2 ปี และมีเป้าหมายขายไฟฟ้าให้แก่การไฟฟ้าของประเทศญี่ปุ่นเป็นระยะเวลา 20 ปี ขณะที่ EXIM BANK มีนโยบายส่งเสริมและสนับสนุนให้นักลงทุนไทยขยายฐานการลงทุนไปยังต่างประเทศ รวมทั้งส่งเสริมการพัฒนาพลังงานทดแทน เพื่อการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมโลกอย่างยั่งยืน