กรุงเทพฯ--22 ก.ย.--ZOOM PR
นับจากนี้ไปเราคงต้องหันกลับมาทบทวนเกี่ยวกับเรื่องของพลังงาน โดยเฉพาะเรื่อง "น้ำมัน" กันอีกรอบ หลังจากที่ถูกให้ปักใจเชื่อว่ามันเป็นทรัพยากรธรรมชาติที่จะต้องหมดไปในระยะเวลาอันสั้น ทำให้หลายประเทศทั่วโลกในอดีตต่างใช้น้ำมันกันแบบจำกัด บ้างก็กักตุนสำรองล่วงหน้ากันเป็นราย 5 ปี หรือ 10 ปีกันเลยทีเดียว ตามแต่งบประมาณของแต่ละประเทศจะเอื้ออำนวย เพราะว่ากันว่า "พลังงานจากซากฟอสซิล" "ทองคำดำ" นั้นมันจะหมดโลกไปจริงๆ
ราคาน้ำมันในห้วงช่วงที่เศรษฐกิจจีนร้อนแรง ปาเข้าไป 100-120 เหรียญต่อบาร์เรล แต่พอมีการขุดค้นพบแหล่งน้ำมันใหม่เพิ่มขึ้น โดยสหรัฐอเมริกา (เชลล์แก๊ส) จากชั้นใต้หินดินดานออกมาใช้มากขึ้นๆ จนปัจจุบันนั้นมีความคุ้มค่าต่อต้นทุนการผลิต ราคาก็ต่ำกว่าการนำเข้าจากกลุ่มโอเปคแถบตะวันออกกลาง แถมเป็นการทำให้คู่แข่งอย่างรัสเซียที่มีรายได้จากการขายก๊าซและพลังงานเป็นหลักมีรายได้ลดลง จากราคาน้ำมันในตลาดโลกที่ลดน้อยถอยลงเหลืองเพียง 25-30 เหรียญต่อบาร์เรลในขณะนี้ หลายสิ่งหลายอย่างจึงแปรเปลี่ยนไป
ความต้องการน้ำมันที่น้อยลงโดยจีนเป็นผู้นำ เพราะเศรษฐกิจของจีนที่ชะลอตัว ไม่ร้อนแรงหวือหวาเหมือนช่วงที่กำลังเร่งเครื่องปั๊มตัวเลขทางเศรษฐกิจให้โตแบบก้าวกระโดด ปัจจัยพื้นฐานทั้ง ข้าว อ้อย ปาล์ม ยางพารา แร่ธาตุ พลังงาน ก๊าซ น้ำมัน จีนก็ค่อยๆนำเข้าน้อยลง ผนวกกับเศรษฐกิจยุโรป อเมริกาก็แย่พอๆ กัน ซ้ำเติมให้ความต้องการใช้น้ำมันจึงยิ่งน้อยลงไปอีก
ความต้องการใช้น้ำมันน้อยลง และแหล่งผลิตน้ำมันมีเพิ่มมากขึ้นโดยอเมริกา ราคาน้ำมันโลกจึงถดถอย พ่อค้าขายน้ำมันแถบตะวันออกกลางที่เคยร่ำรวยก็ยากจนลง เคยล่ำซำจากการขายน้ำมันที่ 100-120 เหรียญต่อบาร์เรล เหลือ 25-30 เหรียญต่อบาร์เรล นึกภาพตามนะครับว่า ปกติเราเคยมีรายได้วันละ 100 บาท แล้วจู่ลดลงเหลือเพียงวันละ 25 -30 บาท เราจะกินอยู่อย่างฟุ่มเฟือยอีกได้หรือไม่ ในเมื่อไม่ได้ประเทศที่ร่ำรวยจากการขายน้ำมันก็หยุดนำเข้าสินค้าอุปโภคบริโภคต่างๆ นานา ซึ่งส่วนใหญ่ก็มาจากฝั่งบ้านเรา ทำให้ราคาสินค้าโดยเฉพาะภาคการเกษตรทรุดตัวลงต่ำดังที่เห็น จะปิดประเทศก็ใช่ที่ ขนาดจีน เมียนมา ที่ว่าแน่ๆ ยังต้องเปิดประเทศสร้าง 1 ประเทศ 2 ระบบ มีแมวดำ แมวขาว ที่จับหนูเป็นให้เห็นมาก็หลายปีแล้ว จนประเทศจีนเกือบจะแซงอเมริกาด้วยซ้ำในด้านเศรษฐกิจ ขนาดเปิดประเทศได้เพียงไม่กี่ปี เมียนมาเองก็กำลังตามมาติดๆเช่นเดียวกัน
ในเมื่อโลกภายนอกเราก็ต้องฝ่า โลกภายในก็ต้องสู้ จึงไม่ควรอยู่อย่างกล้าๆ กลัวๆ รีบนำศาสตร์ของพระราชา " หลักเศรษฐกิจพอเพียง " มาปรับใช้ ด้วยการทำโซนพอเพียงให้แก่ตนเอง เอาไว้สร้างความสุขในทุกวินาทีที่มีลมหายใจ ในโซนพื้นที่พอเพียงสัก 1 ไร่ (จะมี 100 ไร่ 1,000 ไร่ไม่สำคัญของเพียง 1 ไร่) มีนาข้าว 30% มีสระน้ำ 30% มีป่า 3 อย่างประโยชน์ 4 อย่าง 30% มีที่พักอาศัยอีก 10% หิวก็กินข้าว กินผักผลไม้ที่ปลูก กินไข่ กินไก่ กินปลา กุ้งฝอย ฯลฯ โดยไม่ต้องใช้เงิน เมื่อมีพื้นฐานที่แข็งแรงแล้ว ค่อยทำเกษตรเชิงเดี่ยวตามนโยบายรัฐบาลที่ส่งเสริมให้ปลูกอ้อย ปลูกมัน ปาล์ม ข้าวโพด ฯลฯ ว่ากันไปตามนโยบาย แต่หากพลาดพลั้งเราก็ยังมีโซนพอเพียงนี้ เพราะโซนนี้เป็นพื้นที่ที่มีความสุขทุกวินาทีได้โดยไม่ต้องใช้เงิน
สำหรับผู้ที่มีข้อสงสัยหรือต้องการคำปรึกษา สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้โดยตรงที่ 02 986 1680-2
สนับสนุนบทความโดยนายมนตรี บุญจรัส
กรรมการผู้จัดการบริษัท ไทยกรีน อะโกร จำกัด (ชมรมเกษตรปลอดสารพิษ)
สอบถามข้อมูลข่าวได้ที่ฝ่ายประชาสัมพันธ์ โทรศัพท์ 0 2000 8499 , 081 732 7889