กรุงเทพฯ--23 ก.ย.--ทิสโก้ไฟแนนเชียลกรุ๊ป
ทิสโก้มอง BoJ กำหนดเป้าหมายอัตราดอกเบี้ยระยะยาว (Yield Curve Control) ช่วยหนุนกำไรของภาคธนาคารและส่งผลให้ดัชนี Nikkei225 ฟื้นตัว พร้อมเปิดทางให้ BoJ ลดดอกเบี้ยได้อีก ลดแรงกดดันจากค่าเงินเยนแข็งค่า และช่วยกระตุ้นการฟื้นตัวของเศรษฐกิจต่อไป
นายคมศร ประกอบผล หัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจและกลยุทธ์ทิสโก้(Mr. Komsorn Prakobpol, Head of Strategy Unit, TISCO Economic Strategy Unit: TISCO ESU)ในการประชุมเมื่อวันที่ 21 ก.ย. ที่ผ่านมา ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BoJ) มีมติให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ -0.1%และคงเป้าหมายการขยายฐานเงินที่ 80 ล้านล้านเยนต่อปี นอกจากนั้น BoJ ยังได้กำหนดเป้าหมายอัตราดอกเบี้ยระยะยาว (Yield Curve Control) เพื่อควบคุมให้ Yield พันธบัตรอายุ 10 ปีทรงตัวอยู่ที่ระดับปัจจุบันที่ประมาณ0%
โดยวัตถุประสงค์ของการตั้งเป้าหมายดอกเบี้ยระยะยาวนั้นก็เพื่อลดผลกระทบต่อผลกำไรของภาคธนาคารที่มีแนวโน้มลดลงหลังประกาศนโยบายอัตราดอกเบี้ยติดลบซึ่งเป็นความเสี่ยงต่อเสถียรภาพของภาคการเงิน และอาจเป็นอุปสรรคต่อการปล่อยสินเชื่อในอนาคต
ก่อนหน้านี้ อัตราดอกเบี้ยระยะยาวได้ลดลงอย่างต่อเนื่องหลัง BoJ ประกาศอัตราดอกเบี้ยติดลบในเดือน ม.ค. และผลโหวต Brexit ซึ่งทำให้ตลาดคาดว่าดอกเบี้ยจะอยู่ในระดับต่ำต่อเนื่องเป็นเวลานาน ซึ่ง Yield ของพันธบัตรระยะยาวที่ลดลงอยู่ในระดับต่ำได้ส่งผลกระทบเชิงลบต่ออัตรากำไรของภาคธนาคาร เนื่องจากต้นทุนดอกเบี้ยเงินฝากของธนาคารซึ่งอ้างอิงกับอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นไม่สามารถลดลงต่ำกว่า 0% (ได้สำหรับบัญชีเงินฝากทั่วไป) ในขณะที่รายรับจากอัตราดอกเบี้ยเงินกู้นั้นลดลงตามดอกเบี้ยระยะยาว ซึ่งทำให้ส่วนต่างดอกเบี้ยระหว่างเงินกู้-ฝาก แคบลง กดดันผลกำไรของธนาคารพาณิชย์
เรามองว่าการกำหนดเป้าหมายอัตราดอกเบี้ยระยะยาวดังกล่าว นอกจากจะช่วยหนุนกำไรของภาคธนาคารและส่งผลให้ดัชนี Nikkei225 ปรับตัวขึ้น 2% หลังการประชุมแล้ว ยังเป็นการเปิดทางให้ BoJ สามารถลดดอกเบี้ยได้เพิ่มเติมอีกในการประชุมครั้งถัดๆ ไป ซึ่งจะช่วยลดแรงกดดันจากค่าเงินเยนแข็งค่า และช่วยกระตุ้นการฟื้นตัวของเศรษฐกิจต่อไป