กรุงเทพฯ--26 ก.ย.--กลุ่มประชาสัมพันธ์ กระทรวงวัฒนธรรม
นายวีระ โรจน์พจนรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม (รมว.วธ.) เปิดเผยว่า จากการเข้าร่วมประชุมโต๊ะกลมระดับรัฐมนตรีวัฒนธรรม ภายใต้หัวข้อ "การยืนหยัดเพื่อสันติภาพและความร่วมมือในการจัดตั้งกลไกใหม่ทางด้านวัฒนธรรมระหว่างประเทศตามแนวเส้นทางสายไหม ณ เมืองตุนหวง มณฑลกานซู สาธารณรัฐประชาชนจีน ตามคำเชิญของคณะกรรมการจัดงานเมืองตุนหวง มณฑลกานซู และนาย Luo Shugang รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม สาธารณรัฐประชาชนจีน โดยในการประชุมครั้งนี้ มีระดับรองนายกประเทศต่างๆ รัฐมนตรีวัฒนธรรม รัฐมนตรีช่วย ผู้แทนและผู้แทนองค์การต่างๆ กว่า 85 ประเทศ ได้แก่ จอร์แดน อิหร่าน มาซิโดเนีย ตูนิเซีย ไทย ยูเครน ศรีลังกา โครเอเชีย บังกลาเทศ มอลโดวา มอนเตเนโกร ทาจิกิสถาน แอลเบเนีย เบลารุส เนปาล บัลแกเรีย และสเปน เวียดนาม คาซัคสถาน เกาหลีใต้ มาเลเซีย บอสเนียและเฮอร์เซโกวีนา สิงคโปร์ ซึ่งเป็นประเทศที่มีความเชื่อมโยงและมีประวัติเกี่ยวกับเส้นทางสายไหม โดยการประชุมครั้งนี้มุ่งเน้นไปที่การแลกเปลี่ยนความร่วมมือทางวัฒนธรรมระหว่างประเทศและภูมิภาคตามแนวคิด "Belt and Road" หรือเส้นทางสายไหมของจีนในศตวรรษที่ 21 รวมทั้งใช้วัฒนธรรมยกระดับความสัมพันธ์ในมิติต่างๆ
นายวีระ กล่าวต่อว่า ได้นำเสนอต่อที่ประชุมเกี่ยวกับความเชื่อมโยงของเส้นทางสายไหมของจีนกับประเทศไทย ความสำคัญของเส้นทางสายไหมซึ่งเกิดขึ้นมาตั้งแต่อดีตที่ผ่านมา ในการค้าขายสินค้า แลกเปลี่ยนองค์ความรู้ การแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมและประเพณี และได้พูดถึงการพัฒนาความร่วมมือด้านวัฒนธรรมระหว่างไทย-จีน รวมถึงการเสริมสร้างภาพลักษณ์ การนำมิติศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรม สร้างสัมพันธไมตรี สร้างความเชื่อมระหว่างกันมากขึ้น โดยเฉพาะประเด็นความเชื่อมโยงและพัฒนาความร่วมมือในการที่ประเทศไทยพร้อมเป็นประตูในการแลกเปลี่ยนทางด้านวัฒนธรรม องค์ความรู้ ด้านต่างๆ สู่ประชาคมอาเซียน ซึ่งในปีงบประมาณ 2560 วธ. ได้ให้ความสำคัญกับนำมิติศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรม เสริมสร้างสัมพันธไมตรีระหว่างนานาชาติ เพื่อเสริมสร้างภาพลักษณ์ และเกียรติภูมิของไทยในเวทีโลก เพื่อนำความเป็นไทยสู่สากล
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ได้ร่วมงานมหกรรมท่องเที่ยวนานาชาติเสฉวน ครั้งที่ 3 ณ เมืองเล่อซาน มณฑลเสฉวน สาธารณรัฐประชาชนจีน ซึ่งประเทศไทยเป็นประเทศแรกที่ได้รับเชิญเป็นประเทศเกียรติยศ Guest of Honorทั้งนี้จากการเข้าร่วมงานได้ทราบถึงแนวทางในการส่งเสริมอุตสาหกรรมท่องเที่ยวโดยใช้ศาสนา ศิลปะ วัฒนธรรม เป็นปัจจัยสำคัญในการสร้างสินค้าและมูลค่าด้านการท่องเที่ยว ซึ่งถือว่าสอดคล้องกับนโยบายของกระทรวงวัฒนธรรม เนื่องจากในปีงบประมาณ 2560 วธ.จะให้ความสำคัญกับการเชื่อมโยงเรื่องวัฒนธรรมกับเศรษฐกิจสร้างสรรค์ โดยการนำทุนที่เป็นมรดกทางวัฒนธรรมมาใช้ในการพัฒนานวัตกรรมและต่อยอดเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มแก่การท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมของไทยเพื่อสร้างรายได้เข้าประเทศ ซึ่งการเปลี่ยนองค์ความรู้กับเมืองเล่อซาน มณฑล จะเป็นประโยชน์ในการปรับใช้กับการส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมของประเทศไทยต่อไป