กรุงเทพฯ--27 ก.ย.--คอร์แอนด์พีค
ปัจจุบันประเทศไทยมีแนวโน้มผู้สูงอายุเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ เนื่องจากประชาชนส่วนใหญ่เริ่มที่จะดูแลสุขภาพร่างกายกันมากขึ้น จากข้อมูลตัวเลขสถิติจำนวนประชากรผู้สูงอายุในบริเวณเขตกรุงเทพมหานครในเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2559 อ้างอิงจากสำนักงานปกครองและทะเบียน สำนักปลัดกรุงเทพมหานคร (กทม.) พบว่ามีผู้สูงอายุจำนวนมากขึ้น โดยผู้ที่มีอายุ 100 ปี มีจำนวนถึง 601 คน แบ่งเป็นเพศชาย 279 คน เพศหญิง 322 คน และประชากรที่มีอายุมากกว่า 100 ปี มีจำนวนถึง 4,146 คน แบ่งเป็นเพศชาย 1,825 คน และเพศหญิง 2,321 คน ซึ่งจากสถิติในปัจจุบันทำให้พบว่าเมื่อมีจำนวนผู้สูงอายุเพิ่มมากขึ้น ปัญหาในเรื่องของการดูแลผู้สูงอายุกับกลายเป็นปัญหาใหญ่ที่สำคัญในสังคมไทยยุคปัจจุบัน การที่สังคมไทยเป็นสังคมเดี่ยวมากขึ้น ทำให้หลาย ๆ ครอบครัวทำงานกันหมด ทำให้บางครอบครัวไม่มีเวลาดูแลผู้สูงอายุ หลาย ๆ บ้านจึงตัดสินใจส่งผู้สูงอายุไปที่บ้านพักคนชรา เพื่อตัดปัญหาการดูแลผู้สูงอายุ กรณีผู้สูงอายุอยู่บ้านคนเดียว เพื่อความปลอดภัยของผู้สูงอายุด้วย
ด้วยเหตุนี้ทำให้โรงเรียนสารสาสน์เอกตรา เห็นความสำคัญในการให้เยาวชนได้พัฒนาสังคม การพัฒนาทักษะ เพื่อให้เห็นถึงความสำคัญของผู้สูงอายุ และต้องการสอนให้นักเรียนสารสาสน์เอกตราเป็นผู้กล้าที่จะสร้างสรรค์แสดงออกถึงความสามารถ โดยยึดหลักคุณธรรม จริยธรรมในการดำเนินชีวิต คิดดี ทำดี นำความรู้มาประยุกต์ใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดเพื่อตนเองและส่วนรวม ซึ่งการปฏิบัติตนตามหน้าที่ ที่ได้รับมอบหมายจะทำให้เป็นผู้ที่มีสุขภาพกาย สุขภาพจิตที่ดี สร้างสรรค์สังคมให้น่าอยู่โดยใช้ความรู้ที่ได้มาให้เป็นประโยชน์แก่ชุมชน การแสดงออกที่ดีในด้านต่าง ๆ จะช่วยให้เยาวชนเป็นผู้ใหญ่ที่ดีในอนาคตและเป็นแบบอย่างที่ดีแก่เยาวชนในชาติ
โรงเรียนสารสาสน์เอกตรา ได้มุ่งจัดกิจกรรมพัฒนาศักยภาพความเป็นผู้นำขึ้น เพื่อเป็นการหล่อหลอมและปลูกฝังรากฐานที่แข็งแรงให้กับนักเรียนผู้นำ และต้องการที่จะให้เยาวชนเอกตราได้เติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่สมบูรณ์ในภายหน้า โดยกิจกรรมในครั้งนี้เป็นการจัดกิจกรรมภายนอกที่บ้านผู้สูงอายุคามิลเลียน พัฒนาการ เพื่อปลูกฝังให้นักเรียนได้รู้จักการช่วยเหลือ แบ่งปันพร้อมทั้งเสียสละให้ผู้อื่นซึ่งเป็นผู้ที่อยู่ร่วมในสังคมกับนักเรียน โดยกิจกรรมแรก นักเรียนได้ไปตามบ้านพักผู้ป่วยต่าง ๆ โดยแบ่งกลุ่มนักเรียนเป็น 6 กลุ่มเพื่อไปดูแลผู้สูงอายุ 6 หลัง ช่วยป้อนอาหารเช้าที่บ้านพักและช่วยเข็นรถเข็นมายังห้องจัดกิจกรรมเพื่อทำการออกกำลังกายประจำวัน โดยมีเจ้าหน้าที่นักกายภาพบำบัดของทางบ้านพักคอยเป็นพี่เลี้ยงให้กับนักเรียนทุกช่วงเวลา กิจกรรมต่อมา นักเรียนโรงเรียนสารสาสน์เอกตราได้นำความสามารถของตนเอง อาทิ การแสดงมายากล การเล่นดนตรีบำบัด (ดนตรี การขับร้องแนวสุนทราภรณ์) และการตีขิม เพื่อเป็นการสร้างความสุขให้กับผู้สูงอายุภายในบ้านนั่นเอง
หลังจากนั้น นักเรียนได้พาผู้สูงอายุไปพักรับประทานอาหาร โดยนักเรียนสารสาสน์เอกตราคอยช่วยดูแลอยู่ไม่ห่าง ซึ่งตลอดทั้งวันกิจกรรมเหล่านี้ ได้สร้างความรู้สึกภาคภูมิใจที่ทางด้านคุณธรรมและจริยธรรมให้กับนักเรียน อีกทั้งยังได้สร้างรอยยิ้มและความสุขให้กับผู้สูงอายุ คามิลเลียน พัฒนาการ อีกด้วย
น.ส.จิราภา เผยศิริพัฒน์ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 บอกเล่าถึงความรู้สึกกับกิจกรรมครั้งนี้ว่า "รู้สึกมีความสุขที่ได้เข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการสร้างรอยยิ้มให้ผู้สูงอายุ อีกทั้งยังได้ทำความรู้จักกับเพื่อนๆ รุ่นน้องในสภาของโรงเรียน จึงทำให้ได้เรียนรู้ถึงการทำงานร่วมกันเป็นทีมมากขึ้น ทำให้เราได้ฝึกทำงานกับคนที่หลากหลาย และทำให้เราเรียนรู้การแบ่งปันน้ำใจให้กับผู้อื่นอีกด้วย"
ส่วนนายณัฐพล สรรพโชติ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 กล่าวว่า "การได้เข้าร่วมกิจกรรมในครั้งนี้ ทำให้เรารู้สึกว่าเราควรดูแลผู้สูงอายุในบ้านให้ดีกว่าเดิม เพราะเราไม่รู้ว่าการที่เราส่งผู้ใหญ่ในบ้านของเราไปที่บ้านพักในลักษณะนี้ เขาจะดูแลผู้ใหญ่ของเราอย่างไรบ้าง บางครั้งอาจจะดูแลไม่ดีพอ ทำให้คิดได้ว่าควรดูแลผู้ใหญ่เราให้มากๆ ครับ นอกจากนี้ยังได้รับประสบการณ์ในการดำเนินชีวิต ได้รับความสุขที่สะท้อนกลับจากผู้ป่วย และได้เรียนรู้สิ่งที่แตกต่างจากประสบการณ์จริงอีกด้วยครับ"
นางภัทรภร รัตนพล ผู้ช่วยผู้อำนวยการแผนกมัธยมโรงเรียนสารสาสน์เอกตรากล่าวว่า "การมุ่งพัฒนานักเรียนให้เป็นทรัพยากรบุคคลที่มีคุณภาพมีคุณงามความดี ทั้งทางกาย วาจา ใจ เป็นสิ่งที่จำเป็นสำหรับการดำเนินชีวิตของนักเรียนโรงเรียนสารสาสน์เอกตรา อีกทั้งการปลูกฝังให้เป็นคนดีมีความซื่อสัตย์ สุจริต มีความอดทน มีระเบียบวินัย มีความรับผิดชอบ มีความกตัญญูกตเวที และมีความเมตตากรุณา จะทำให้ผู้ปฏิบัติและสังคมเกิดความสงบสุข เมื่อนักเรียนได้ฝึกฝนตนเองจนเกิดคุณธรรมดังกล่าวแล้ว คุณธรรมเหล่านั้นก็จะเป็นสิ่งที่คอยควบคุมกำกับ และน้อมนำให้เป็นเมล็ดพันธุ์แห่งความดีที่ได้เติบโตอย่างมีประสิทธิภาพในสังคมต่อไป"