กรุงเทพฯ--28 ก.ย.--มีเดีย แพลนเนอร์ คอนซัลแทนท์
บล.โกลเบล็ก มองหุ้นไทยได้แรงหนุนจากตัวเลขส่งออกเดือนส.ค. พลิกเป็นบวก 6.5% ครั้งแรกในรอบ 5 เดือน และ BOJเดินหน้ามาตรการทางการเงินต่อ หวังลดระดับเงินเฟ้อให้อยู่ที่ 2% ให้กรอบดัชนี 1,480 - 1,505 จุด แนะซื้อสะสมหุ้นกลุ่มโรงพยาบาล-สื่อสาร-ปิโตรเคมี คาดมีโอกาสทำ Window dressing ด้วยราคาที่ต่ำว่า SET ด้านราคาทองคำอยู่ในช่วงพักฐาน หลังจากปรับขึ้นแรง รับปัจจัยเฟดยังไม่ขึ้นดอกเบี้ย มีแนวรับ 1,310-1,305 เหรียญต่อทรอยออนซ์ และแนวต้าน 1,360-1,365 เหรียญต่อทรอยออนซ์
น.ส.วิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด หรือ GBS ประเมินว่าทิศทางตลาดหุ้นไทยได้รับปัจจัยบวกจากแนวโน้มจีดีพีปีนี้ที่น่าจะขยายตัวดีกว่าคาดการณ์เมื่อต้นปี เห็นได้จากหลายสำนักทยอยปรับเพิ่มคาดการณ์จีดีพีไทยปีนี้ ประกอบกับตัวเลขการส่งออกเดือนส.ค. 59 ที่เพิ่มขึ้น 6.5% พลิกเป็นบวกครั้งแรกในรอบ 5 เดือน และมีการขยายตัวสูงสุดในรอบ 6 เดือนส่งให้การส่งออกในช่วง 8 เดือนแรกของปีนี้หดตัวน้อยลงเหลือ 1.2% จากที่หดตัว 2% ในช่วง 7 เดือนแรกของปี รวมถึงการที่ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ยืนยันเดินหน้าผ่อนคลายการเงินต่อไปหากจำเป็นเพื่อบรรลุเป้าหมายเงินเฟ้อที่ระดับ 2% และการทำ Window Dressing ปิดงบไตรมาส 3/2559 ช่วงปลายเดือนกันยายน
อย่างไรก็ดี กรณีธนาคารดอยซ์แบงก์ถูกรัฐบาลเยอรมนีปฏิเสธการให้ความช่วยเหลือค่าปรับ 1.4 หมื่นล้านดอลลาร์ ที่สหรัฐฯเรียกร้อง และกระแสคาดการณ์ว่าการประชุมนอกรอบของกลุ่มผู้ผลิตน้ำมันจะไม่ได้ข้อตกลงการตรึงกำลังการผลิตเป็นปัจจัยลบต่อตลาดหุ้นไทยได้ ทั้งนี้มีปัจจัยสำคัญที่ต้องจับตาในวันที่ 26 – 28 ก.ย. กลุ่มโอเปกเตรียมจัดการประชุมอย่างไม่เป็นทางการเพื่อหารือถึงวิธีสร้างเสถียรภาพของราคาน้ำมัน และวันที่ 30 ก.ย. ธปท.รายงานภาวะเศรษฐกิจไทย
ด้านนายชัยยศ จิวางกูร ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บล.โกลเบล็ก กล่าวว่า ภาวะตลาดหุ้นไทยขาดปัจจัยใหม่กระตุ้นการลงทุนหลังทราบผลการประชุมธนาคารกลางสหรัฐและธนาคารกลางญี่ปุ่น ประกาศคงอัตราดอกเบี้ยไปแล้ว อย่างไรก็ตาม การทำ Window Dressing เพื่อปิด NAV ในช่วงไตรมาส 3/2559 รวมถึงการประชุมนอกรอบของกลุ่มผู้ผลิตน้ำมันในวันที่ 26 – 28 ก.ย. น่าจะช่วยหนุนSentiment ตลาดได้
ดังนั้นประเมินว่า SET แกว่งตัวในกรอบ 1,480 - 1,505 จุด ทั้งนี้แนะนำซื้อแบบ Selective Buy ได้แก่กลุ่ม HEALTH ICT PETRO คาดว่าเป็น sector ที่มีโอกาสทำ Window dressing เนื่องจาก Underperform SET กลุ่มน้ำตาล ได้รับอานิสงส์ราคาน้ำตาลพุ่งทำHigh ในรอบ 4 ปี กลุ่มเดินเรือ ได้รับประโยชน์จากค่าระวางทำ High ในรอบปี แนะนำ TTA PSL รวมถึง BANPU ที่ได้รับอานิสงส์จากราคาถ่านหินปรับขึ้นทำ High ในรอบ 2 ปี
สำหรับแนวทางการลงทุนในทองคำ นายสุทธิพงษ์ ศรีพรประเสริฐ นักวิเคราะห์การลงทุน บล.โกลเบล็ก เปิดเผยว่า ราคาทองคำปรับขึ้นมาแรงในสัปดาห์ที่ผ่านมาขานรับข่าวคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีมติในการประชุมช่วงวันที่ 20-21 ก.ย.ที่ผ่านมา โดยให้คงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นอยู่ในช่วง 0.25-0.50% ตามที่ตลาดการเงินคาดการณ์ไว้
อย่างไรก็ตามราคาทองคำเริ่มมีการพักตัวในกรอบแคบหลังจากขึ้นแรงจากแรงกดดันที่ว่าประธานเฟดสาขาบอสตันออกมาให้ความเห็นว่าเฟดควรปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไปในขณะนี้ ขณะที่นักลงทุนเชื่อว่าเฟดอาจขึ้นดอกเบี้ย 0.50-0.75% ในการประชุม FOMC เดือนธ.ค.นี้ โดยความเป็นไปได้ในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนพ.ย. อยู่ที่ 12% เดือนธ.ค.อยู่ที่ 54% และเดือนก.พ. อยู่ที่ 57%
ทั้งนี้ ปัจจัยที่ต้องจับตาได้แก่สถานะทางการเงินของดอยซ์แบงก์หลังสหรัฐเรียกร้องให้ดอยซ์แบงก์จ่ายค่าปรับเป็นเงิน 1.4 หมื่นล้านดอลลาร์ เพื่อยุติการสอบสวนในคดีที่เกี่ยวข้องกับการจำหน่ายหลักทรัพย์ที่มีสัญญาจำนองค้ำประกัน (MBS) ขณะที่รัฐบาลเยอรมนีเมินให้ความช่วยเหลือด้านการเงินต่อดอยซ์แบงก์
สำหรับแนวโน้มราคาทองโลกด้านเทคนิค ราคาพักตัวออกข้างที่อยู่ในแนวแขนรูปแบบ BULLISH FLAG ระยะสั้น ที่ซ้อนอยู่ในแนวขึ้นรูปแบบ DOUBLE BOTTOM ขณะที่มีแนวรับหนุนจากสัญญาณบวก GOLDEN CROSS ทำให้ราคาแนวโน้มพักตัวเพื่อปรับขึ้นต่อ โดยมีแนวรับ 1,310-1,305 เหรียญต่อทรอยออนซ์ และแนวต้าน 1,360-1,365 เหรียญต่อทรอยออนซ์