NASSET:บลจ.ธนชาติคาดตลาดหุ้นปี 43 อยู่ในขาขึ้นแต่ผันผวนแนะนำรายย่อยลงทุนผ่านกองทุนรวมปลอดภัยกว่า

ข่าวทั่วไป Thursday January 13, 2000 11:51 —ThaiPR.net

กรุงเทพ--13 ม.ค.--บลจ.ธนชาติ
ม.ล.ผกาแก้ว วิเคราะห์ทางเลือกของผู้ลงทุนในปี 2543 ชี้แนวโน้มตลาดหุ้นจะมีทิศทางขาขึ้น แต่ยังคงมีความผันผวนสูงเพราะปัจจัยพื้นฐานรองรับต่างๆ ยังไม่ชัดเจน เตือนผู้ลงทุนต้องติดตามข้อมูลให้ดี ระวังซื้อขายผิดจังหวะ เชื่อว่าการลงทุนในตลาดหุ้นตอนนี้ยังไม่ใช่เรื่องง่ายของรายย่อย แนะผู้ลงทุนรายย่อยให้หันมาสนใจกองทุนรวมที่ลงทุนในหุ้นเพราะมีความเสี่ยงน้อยกว่าการลงทุนซื้อหุ้นด้วยตัวเอง
ม.ล.ผกาแก้ว บุญเลี้ยง กรรมการผู้อำนวยการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม ธนชาติ จำกัด (บลจ.ธนชาติ) กล่าวถึงแนวโน้มตลาดหุ้นปีนี้ว่า มีแนวโน้มที่ตลาดจะดีขึ้นต่อจากนี้ แต่จะเป็นไปในลักษณะผันผวนเพราะตัวเลขทางด้านเศรษฐกิจต่างๆ ยังไม่มีความชัดเจนเพียงพอ โดยเฉพาะปัญหา NPL ที่ยังแก้ไม่ตก และความไม่แน่นอนทางการเมืองที่อาจมีหลังการเลือกตั้งตามรัฐธรรมนูญใหม่ในปีนี้ อย่างไรก็ดี เมื่อใดที่มีสัญญาณแน่นอนให้ต่างชาติมั่นใจในการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของไทยได้แล้ว ทุนต่างชาติน่าจะกลับเข้ามาลงทุนเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน เพราะปีที่ผ่านมา ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ของไทยปรับตัวขึ้นน้อยกว่าตลาดอื่นๆ ในภูมิภาคนี้เกือบ 50% ตลาดหุ้นของไทยจึงยังน่าสนใจอยู่ และถ้าทุนต่างชาติเข้ามาแล้ว ตลาดบ้านเราซึ่งเป็นตลาดเล็กจะปรับตัวขึ้นได้ไม่ยาก "สภาพการลงทุนในตลาดหุ้นปี 2543 นี้ ผู้ลงทุนคงคาดหวังผลตอบแทนได้เพียงระดับเดียวกับตลาดหุ้นเท่านั้น เพราะการจะทำกำไรให้ได้มากกว่าตลาดในระยะต่อจากนี้ เป็นเรื่องที่ทำได้ยากมาก เพราะสภาพตลาดยังที่ไม่มีปัจจัยพื้นฐานที่ชัดเจนรองรับ ถ้าตัดสินใจผิดจังหวะ แล้วซื้อขายสวนทางกับตลาดก็จะทำให้ขาดทุนได้ง่าย สำหรับผู้ลงทุนประเภทสถาบันที่มีการศึกษาข้อมูลตลอดเวลา ก็สามารถลดความเสี่ยงจากการลงทุนได้ โดยคัดเลือกหลักทรัพย์จากความสามารถในการทำกำไร หรือมีโอกาสที่กิจการจะฟื้นตัวเป็นสำคัญ" ม.ล. ผกาแก้ว กล่าว
ต่อข้อถามถึงเรื่องโอกาสทองของรายย่อย ม.ล.ผกาแก้ว กล่าวว่า ตลาดหุ้นตอนนี้ไม่น่าจะเหมาะสำหรับรายย่อย แม้ว่าทิศทางของตลาดโดยรวมจะอยู่ในขาขึ้นก็ตาม เพราะเชื่อว่าตลาดหุ้นปีนี้จะมีความผันผวนอยู่มาก จึงขอให้ผู้ลงทุนระวังเรื่องจังหวะการซื้อขายและต้องติดตามข้อมูลข่าวสารโดยตลอดมีการวิเคราะห์ที่ดี
ม.ล.ผกาแก้ว กล่าวเพิ่มเติมว่า หากผู้ลงทุนรายย่อยต้องการเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นปีนี้ แต่ไม่มีความมั่นใจหรือไม่มีเวลาที่จะดูพอร์ตด้วยตนเอง ก็อาจเลือกที่จะลงทุนในกองทุนรวมประเภทที่มีนโยบายลงทุนในตลาดหุ้นแทนก็ได้ เพราะกองทุนประเภทนี้สามารถกระจายการลงทุนในหุ้นชั้นนำได้หลายๆ กลุ่มซึ่งถือเป็นการลดความเสี่ยงของการลงทุนไปในตัว
อย่างไรก็ตาม ม.ล.ผกาแก้ว กล่าวแสดงความเห็นว่า สำหรับผู้ลงทุนที่ต้องการหนีดอกเบี้ยเงินฝากต่ำแต่ไม่อยากเสี่ยงกับความผันผวนของตลาดหุ้นในตอนนี้ ช่องทางการลงทุนที่ดีที่สุดในขณะนี้ คือ ตลาดตราสารหนี้ แต่การพิจารณาคัดเลือกตราสารหนี้ที่จะลงทุนก็ต้องกระทำด้วยความระมัดระวัง ต้องดูที่ความมั่นคงและความสามารถในการทำกำไรและการชำระคืนเงินตามเงื่อนไขของตราสารหนี้นั้นเป็นหลัก ถ้าหากผู้ลงทุนไม่มั่นใจ ก็อาจตัดสินใจเลือกลงทุนผ่านทาง "กองทุนรวมตราสารหนี้" ก็ได้ เพราะกองทุนจะสามารถเลือกสรรตราสารหนี้ที่จะลงทุนตามหลักการที่ดี และสามารถกระจายการลงทุนในตราสารหนี้ได้หลาย ๆ ตัว ซึ่งเป็นการลดความเสี่ยงได้มากขึ้น และในปัจจุบันก็ยังมีให้เลือกหลากหลาย ทั้งกองทุนที่เน้นการลงทุนในพันธบัตรและกองทุนที่เน้นการลงทุนในหุ้นกู้เอกชน ซึ่งผลตอบแทนก็น่าสนใจมากในขณะนี้--จบ--

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ