"ลูเซนท์ เทคโนโลยี่ส์" แตกหน่วยธุรกิจ "ไมโครอีเล็คทรอนิคส์" เร่งแผนเสนอขายหุ้นสู่สาธารณชน

ข่าวเทคโนโลยี Wednesday July 26, 2000 10:05 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--26 ก.ค.--อาซิแอม เบอร์สัน-มาร์สเตลเลอร์
"ลูเซนท์ เทคโนโลยี่ส์" แตกหน่วยธุรกิจ "ไมโครอีเล็คทรอนิคส์" เร่งแผนเสนอขายหุ้นสู่สาธารณชน พร้อมก้าวขึ้นเป็นผู้นำด้านการผลิตเซมิคอนดักเตอร์เพื่อการสื่อสารชั้นนำของโลก
(กรุงเทพฯ 25 กรกฎาคม 2543) -- วันนี้ บริษัท ลูเซนท์ เทคโนโลยี่ส์ (หรือมีชื่อในตลาดหุ้นนิวยอร์กว่า LU) ประกาศแยกธุรกิจในกลุ่มไมโครอีเล็คทรอนิคส์ ซึ่งประกอบด้วย แผนกอุปกรณ์อ็อพโตอีเล็คทรอนิคส์ และแผนกแผงวงจรรวม (ไอซี) เพื่อตั้งเป็นบริษัทใหม่ โดยจะมีการประกาศชื่อบริษัทใหม่ในเร็ววันนี้ พร้อมมุ่งมั่นที่จะก้าวขึ้นเป็นผู้นำด้านการจำหน่ายชิ้นส่วนอุปกรณ์เซมิคอนดักเตอร์เพื่อการสื่อสารชั้นนำของโลกด้วยยอดรายได้มากกว่า 4,000 ล้านเหรียญสหรัฐตลอดไตรมาสที่ผ่านมา
ลูเซนท์กำลังวางแผนที่จะนำหุ้นไม่เกินร้อยละ 20 ของบริษัทใหม่นี้ออกจำหน่ายแก่ประชาชนทั่วไป (ไอพีโอ) และตั้งเป้าที่จะกระจายหุ้นที่เหลือในรูปของตราสารปลอดภาษี โดยคาดว่าจะสามารถดำเนินการจำหน่ายหุ้นแก่ประชาชนทั่วไปภายในไตรมาสแรกของปี 2544 และคาดว่า การดำเนินการแยกเป็นบริษัทใหม่จะแล้วเสร็จภายในกลางปี 2544
ธุรกิจไมโครอีเล็คทรอนิคส์ของลูเซนท์ ดำเนินการผลิตชิพซิลิกอน และชิ้นส่วนอุปกรณ์อ็อพโตอีเล็คทรอนิคส์ อาทิ เลเซอร์ ซึ่งเป็นอุปกรณ์พื้นฐานของระบบการสื่อสารสำคัญ ได้แก่ โทรศัพท์มือถือ อุปกรณ์เชื่อมโยงระบบอินเตอร์เน็ตและระบบเครือข่ายแบบอ็อพติก โดยกลุ่มธุรกิจการสื่อสารนี้มีอัตราการเติบโตรวดเร็วที่สุดประเภทหนึ่งในตลาดเซมิคอนดักเตอร์
นายริชาร์ด แม็คกินน์ ประธานกรรมการและประธานบริหารของบริษัทลูเซนท์ เทคโนโลยี่ส์ กล่าวว่า "เรากำลังสร้างบริษัทแห่งใหม่ที่มีรากฐานและมีฐานะเป็นผู้นำของตลาดหลัก 2 ประเภทในอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ที่มีอัตราการเติบโตเร็วที่สุด นั่นคืออุตสาหกรรมการผลิตอุปกรณ์อ็อพโตอีเล็คทรอนิคส์ และแผงวงจรรวมเพื่อใช้ในระบบสื่อสาร บริษัทใหม่นี้จะเป็นผู้ผลิตชิ้นส่วนที่มีความสามารถในการดำเนินธุรกิจร่วมกับบริษัทชั้นนำทางด้านการผลิตชิพซิลิกอนและอุปกรณ์ด้านอ็อพติกอื่นๆในโลกได้อย่างอิสระ"
ปัจจุบัน กลุ่มไมโครอีเล็คทรอนิคส์ของลูเซนท์มียอดขายมากกว่าร้อยละ 75 ซึ่งจำหน่ายให้กับบริษัทคู่แข่งของลูเซนท์ นายแม็คกินน์กล่าวว่า "บริษัทแห่งใหม่นี้จะเร่งสร้างความเจริญเติบโตต่อไปในอนาคต เนื่องจากสามารถดำเนินกิจการได้อย่างอิสระโดยไม่มีข้อขัดแย้งกับกลยุทธ์ดังกล่าวแต่อย่างใด นอกจากนี้ ความเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้ยังเอื้อประโยชน์ให้กับผู้ถือหุ้นในกลุ่มไมโครอีเล็คทรอนิคส์ของลูเซนท์ ซึ่งความสำเร็จของบริษัทไมโครอีเล็คทรอนิคส์แห่งใหม่นี้จะได้รับการยอมรับมากขึ้นว่า เป็นผลจากการประกอบธุรกิจของบริษัทเอง มิใช่จากธุรกิจระบบเครือข่ายการสื่อสารของลูเซนท์อีกต่อไป
นายแม็คกินน์กล่าวเสริมว่า "ในขณะเดียวกัน ลูเซนท์จะสามารถมุ่งเน้นในการดำเนินธุรกิจสร้างระบบเครือข่ายขนาดใหญ่ที่สุดในโลกได้อย่างเต็มที่มากขึ้น โดยมีมูลค่าตลาดบรอดเเบนด์และโครงสร้างอินเตอร์เน็ตทั่วโลกสูงถึง 225,000 ล้านเหรียญสหรัฐและคาดว่าจะเพิ่มขึ้นอีกเท่าตัวภายใน 5 ปีข้างหน้า เราจะมุ่งเน้นด้านการลงทุน การพัฒนาทรัพยากร และการบริหารทางด้านการนำเสนอโซลูชั่นผลิตภัณฑ์อ็อพติก ข้อมูลและการสื่อสารไร้สายตลอดจนดำเนินการออกแบบเครือข่าย ให้คำปรึกษา และให้บริการแบบครบวงจรอย่างเต็มที่"
"ตลาดโครงสร้างเครือข่ายการสื่อสารและเซมิคอนดักเตอร์กลายเป็นตลาดใหญ่ ที่มีการเติบโตรวดเร็วมาก อีกทั้งมีการแข่งขันสูง จุดนี้เองจึงเป็นเวลาที่ดีที่เราได้ดำเนินการแบ่งแยกกิจการให้เป็นอิสระเพื่อก้าวให้ทันกับกระแสการเติบโตอย่างรวดเร็วในขณะนี้ และแนวทางที่ดีที่สุดในการก้าวขึ้นเป็นผู้นำในตลาดเหล่านี้ คือ การแยกกิจการออกเป็นสองบริษัทที่มีจุดมุ่งหมายในการทำธุรกิจที่ชัดเจน และฉับไว โดยแต่ละบริษัทจะมีปณิธานในการดำเนินธุรกิจอันเด่นชัดของตนเอง ทั้งยังสามารถใช้ทรัพยากรให้สอดคล้องกับธุรกิจของตน และมีศักยภาพในการทำงานที่เพิ่มขึ้น และด้วยการปรับตัวในครั้งนี้จะส่งผลให้ทั้งสองบริษัทสามารถเติบโตได้รวดเร็วขึ้นกว่าเดิม"
ทั้งนี้ ก้าวต่อไปของลูเซนท์ คือ การเสริมสร้างความแข็งแกร่งของระบบเครือข่ายอินเตอร์เน็ตในยุคหน้า ซึ่งในปีที่ผ่านมา ลูเซนท์ ได้เข้าซื้อบริษัทที่ทำธุรกิจประเภทเครือข่ายและผู้ให้บริการระดับมืออาชีพถึง 10 แห่ง รวมทั้ง บริษัทโครมาทิส ซึ่งเป็นผู้นำด้านระบบเครือข่าย metro optical ที่เติบโตเร็วที่สุดในตลาดเครือข่ายอ็อพติก
บริษัทไมโครอีเล็คทรอนิคส์ใหม่
นายแม็กกินน์กล่าวว่า นายจอห์น ดิกสัน รองประธานบริหารและหัวหน้าฝ่ายบริหาร ของกลุ่มลูเซนท์ ไมโครอีเล็คทรอนิคส์ แอนด์ คอมมูนิเคชั่น เทคโนโลยี่ส์ จะเป็นแกนนำในการก่อตั้งบริษัทแห่งใหม่นี้ โดยจะเปิดเผยรายชื่อคณะผู้บริหารระดับอาวุโสให้ทราบในภายหน้า
บริษัทใหม่นี้คือผู้นำด้านในตลาดอุปกรณ์ด้านการสื่อสารที่เติบโตเร็วที่สุดของโลก โดยตลอด 18 เดือนที่ผ่านมา บริษัทได้ลงทุนคิดเป็นมูลค่าประมาณ 1,000 ล้านเหรียญสหรัฐในการขยายกำลังการผลิต และได้ลงทุนอีกเกือบ 4,000 ล้านเหรียญในการเข้าซื้อกิจการอื่นๆ เพื่อรองรับความต้องการอุปกรณ์การสื่อสารที่เพิ่มขึ้น
นอกจากนี้ ในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา บริษัทยังได้เข้าซื้อบริษัท เฮอร์แมนน์ เทคโนโลยี และบริษัทออร์เทล ซึ่งเป็นบริษัทที่ทำธุรกิจประเภทอุปกรณ์อ็อพโตอีเล็คทรอนิคส์ และบริษัท Agere พร้อมด้วยฝ่ายออกแบบ การตลาด และฝ่ายขาย วีทีซีที่ทำธุรกิจด้านแผงวงจรไอซี
บริษัทใหม่นี้จะกลายเป็นบริษัทชั้นนำของโลกที่ประกอบธุรกิจเซมิคอนดักเตอร์อย่างเป็นเอกเทศ และเป็นผู้นำที่มีความเชี่ยวชาญทั้งด้านอุปกรณ์อ็อพโตอีเล็คทรอนิคส์และแผงวงจรไอซี เพื่อแข่งขันกับบริษัทคู่แข่งที่ประกอบธุรกิจด้านอุปกรณ์อ็อพโตอีเล็คทรอนิคส์ เช่น บริษัท เจเอสดี ยูนิเฟส และบริษัทผู้ผลิตแผงวงจรรวม เช่น บริษัท เท็กซัส อินสทรูเม้นท์ บริษัท บรอดคอม และบริษัท เอสที ไมโครอีเล็คทรอนิคส์
ทั้งนี้ บริษัทใหม่นี้จะเป็นบริษัทผู้ผลิตอุปกรณ์สื่อสารเซมิคอนดักเตอร์อันดับหนึ่งของโลก ทั้งในด้านการผลิตโปรเซสเซอร์ที่ส่งสัญญาณด้วยระบบดิจิตอล (digital signal processor หรือ DSP) สำหรับใช้ในการวางโครงสร้างเครือข่ายไร้สาย แผงวงจรรวมสำหรับระบบเครือข่าย SONET และ SDH แผงรวมสำหรับการต่อสัญญาณการสื่อสาร (wired communications ICs) โมเด็มสำหรับเครื่องโน้ตบุ๊คและโซลูชั่นระบบต่างๆ บนชิพ นอกจากนี้ ยังเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมอ็อพโตอีเล็คทรอนิคส์ โดยเป็นผู้ผลิตโมดูเลเตอร์อัตโนมัติบนระบบเครือข่ายอ็อพติกขนาด 10 และ 40GB ต่อวินาที อุปกรณ์อ็อพโตอีเล็คทรอนิคส์สำหรับเรือดำน้ำ และเลเซอร์ชนิดต่างๆที่ใช้ในระบบการสื่อสาร "ลูเซนท์ เทคโนโลยี่ส์" แตกหน่วยธุรกิจ "ไมโครอีเล็คทรอนิคส์"
ธุรกิจอุปกรณ์อ็อพโตอีเล็คทรอนิคส์ของลูเซนท์ มีการเติบโตเพิ่มขึ้นมากกว่าร้อยละ 80 หรือเติบโตสูงกว่าอัตราการเติบโตโดยเฉลี่ยของอุตสาหกรรมถึง 2 เท่าในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา โดยบริษัทได้ดำเนินการขยายโรงงานผลิตอ็อพโตอีเล็คทรอนิคส์ ซึ่งตั้งอยู่ในมลรัฐเพนซิลวาเนีย แล้วเสร็จเมื่อเร็วๆนี้ ซึ่งส่งผลให้บริษัทจะมีกำลัง
การผลิตเพิ่มขึ้นถึง 4 เท่าตัวภายในสิ้นปีนี้ และในเดือนเมษายนที่ผ่านมา บริษัทได้เข้าซื้อบริษัท ออร์เทล ซึ่งเป็นซัพพลายเออร์อุปกรณ์อ็อพโตอีเล็คทรอนิคส์ให้กับผู้ผลิตสายเคเบิลโมเด็ม และเมื่อเร็วๆ นี้ บริษัทยังได้ประกาศขยายกำลังการผลิตของโรงงานออร์เทล ซึ่งตั้งอยู่ทางใต้ของมลรัฐแคลิฟอร์เนียอีกด้วย
นายดิกสันกล่าวว่า "ไม่มีบริษัทผู้ผลิตเซมิคอนดักเตอร์รายใดที่มีขีดความสามารถในการประกอบธุรกิจอย่างครบวงจรเทียบเท่ากับธุรกิจของเราได้ เพราะเราคือผู้นำในด้านการผลิตอุปกรณ์สื่อสารผ่านสายจนถึงแบบไร้สาย การส่งสัญญาณเสียงเป็นข้อมูล (voice to data) และการส่งสัญญาณภาพผ่านสายทองแดง บริษัทแห่งใหม่นี้จะกลายเป็นบริษัทที่ประกอบธุรกิจด้านเซมิคอนดักเตอร์เพื่อการสื่อสารโดยเฉพาะ ซึ่งนับเป็นตลาดที่มีอัตราการเติบโตมากกว่าร้อยละ 20"
ทั้งนี้ บริษัทแห่งใหม่นี้จะยังคงทำธุรกิจร่วมกับลูกค้าและซัพพลายเออร์ที่มีอยู่ในปัจจุบัน โดยลูกค้าส่วนใหญ่จะมาจากประเทศอื่นๆ นอกสหรัฐอเมริกา ลูกค้าที่สำคัญได้แก่ ผู้ผลิตอุปกรณ์ระบบเครือข่ายชั้นนำของโลกเกือบทุกราย รวมทั้งบริษัทผู้ผลิตเครื่องพีซี 10 อันดับแรกของโลก โดยลูเซนท์ จะยังคงเป็นลูกค้ารายสำคัญในกลุ่มธุรกิจไมโครอีเล็คทรอนิคส์อย่างต่อเนื่องต่อไป
บริษัทไมโครอีเล็คทรอนิคส์มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่เมืองอัลเลนทาวน์ มลรัฐเพนซิลวาเนีย สหรัฐอเมริกา มีพนักงานมากกว่า 16,000 คนใน 105 ประเทศทั่วโลก ทั้งยังมีฝ่ายวิจัยและพัฒนา และโรงงานที่เมืองอัลเลนทาวน์ เมืองเรดดิ้ง และเมืองไบรนิกส์วิลล์ มลรัฐเพนซิลวาเนีย เมืองออร์แลนโด มลรัฐฟลอริดา เมืองอัลแฮมบรา มลรัฐแคลิฟอร์เนีย เมืองเตรสแคนโทส ประเทศสเปน กรุงเทพฯ ประเทศไทย เมืองมาตาโมรอส ประเทศเม็กซิโก และสิงคโปร์
วิสัยทัศน์อันเฉียบคมของลูเซนท์ เทคโนโลยี่ส์ ภายใต้การสนับสนุนด้วยนวัตกรรมใหม่ๆจากศูนย์ปฏิบัติการค้นคว้าและวิจัยเบลล์ (เบลล์ แลบส์) ลูเซนท์ จะมุ่งเน้นในการทำธุรกิจด้านอุตสาหกรรมเครือข่ายการสื่อสารที่มีโอกาสในการเติบโตที่รวดเร็ว ไม่ว่าจะเป็นด้านระบบโครงสร้างอินเตอร์เน็ตที่ใช้ระบบเครือข่ายอ็อพติก ระบบเครือข่ายข้อมูลและระบบเครือข่ายไร้สาย "ลูเซนท์ เทคโนโลยี่ส์" แตกหน่วยธุรกิจ "ไมโครอีเล็คทรอนิคส์"
ที่จำเป็นต้องมีการสนับสนุนทั้งด้านการบริการและซอฟต์แวร์ระดับมืออาชีพ ทั้งนี้ ลูเซนท์ สามารถทำรายได้ตลอด 4 ไตรมาสที่ผ่านมาคิดเป็นมูลค่าสูงถึง 25,000 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยไม่รวมรายได้จากธุรกิจไมโครอีเล็คทรอนิคส์ เครือข่ายระดับองค์กร และธุรกิจพลังงาน
ลูเซนท์ จะยังคงรักษาความเป็นผู้นำด้านระบบเครือข่ายการสื่อสารชั้นนำของโลก ที่มีความแข็งแกร่งในตลาดด้านการวางโครงสร้างอินเตอร์เน็ต ระบบเครือข่ายอ็อพติก และระบบไร้สาย ทั้งยังเป็นบริษัทที่มีความเชี่ยวชาญพร้อมด้วยทีมที่ปรึกษาขนาดใหญ่ที่สุดและมีประสบการณ์มากที่สุดทางด้านการให้คำปรึกษา ออกแบบ และให้บริการระบบเครือข่ายแบบครบวงจร นอกจากนี้ ลูเซนท์ ยังมีศูนย์ปฏิบัติการค้นคว้าและวิจัยเบลล์ซึ่งเป็นสถาบันวิจัยและพัฒนาด้านการสื่อสารชั้นนำของโลก
ภายหลังจากที่มีการแยกบริษัทเรียบร้อยแล้ว บริษัทแต่ละแห่งจะมีตราผลิตภัณฑ์ คณะกรรมการบริหาร และฝ่ายวิจัยและพัฒนาของตนเอง ลูเซนท์ คาดว่าจะดำเนินการปรับโครงสร้างบริษัทและปรับรูปแบบธุรกิจไปพร้อมกัน
ลูเซนท์ เทคโนโลยี่ส์เป็นผู้ออกแบบและพัฒนาระบบ ซอฟต์แวร์ ซิลิกอนและการบริการสำหรับเครือข่าย การสื่อสารยุคใหม่สำหรับกลุ่มเซอร์วิส โพรวายเดอร์และองค์กรธุรกิจต่างๆ บริษัทฯ มีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่เมือง เมอร์เรย์ ฮิลล์ มลรัฐนิวเจอร์ซี่ สหรัฐอเมริกา นอกจากนี้ ด้วยการสนับสนุนของศูนย์ปฏิบัติการค้นคว้าและวิจัยเบลล์ (Bell Labs) ลูเซนท์มุ่งเน้นการดำเนินธุรกิจที่มีอัตราการเติบโตสูง เช่น เครือข่ายใยแก้วนำแสงและเครือข่ายไร้สาย อินเตอร์เน็ตและระบบอินฟราสตรัคเจอร์ ซอฟต์แวร์ด้านการสื่อสาร เซมิคอนดัคเตอร์ และอ็อพโตอีเล็คทรอนิคส์ด้านการสื่อสาร โซลูชั่นเอ็นเตอร์ไพรส์ในรูปแบบของเว็บ ซึ่งเชื่อมต่อเครือข่ายส่วนตัวและเครือข่ายสาธารณะเข้าด้วยกัน และการออกแบบเครือข่ายและการให้บริการคำปรึกษาระดับมืออาชีพ หากต้องการรับทราบข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับลูเซนท์ เทคโนโลยี่ส์ กรุณาแวะไปที่เว็บไซต์ http://www.lucent.com
ข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาติดต่อ: สิริพร ศุภรัชตการ / สาธิดา ศรีธัญญาธรณ์ อาซิแอม เบอร์สัน-มาร์สเตลเลอร์ โทร. 252-9871-7 อีเมล์ S_Siriporn@bm.com-- จบ--
-อน-

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ