กรุงเทพฯ--2 ต.ค.--กลุ่มสารนิเทศการคลัง กระทรวงการคลัง
EXIM BANK เปิดบริการใหม่ "สินเชื่อส่งออกทันใจ" เป็นสินเชื่อหมุนเวียนในช่วงก่อนและหลังการส่งออก อัตราดอกเบี้ยต่ำ 3.5% ต่อปี ใช้เพียงบุคคลค้ำประกัน อนุมัติเร็วภายใน 7 วันทำการ วงเงินสูงสุด 500,000 บาท เพื่อช่วยเสริมสภาพคล่องให้กับผู้ส่งออก SMEs ขับเคลื่อนการเติบโตของภาคการส่งออกไทยในไตรมาสสุดท้ายปี 2559
นายพิศิษฐ์ เสรีวิวัฒนา กรรมการผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK) เปิดเผยว่า เนื่องจากไตรมาสที่ 4 เป็นช่วงเวลาที่ผู้ส่งออกไทยจะได้รับคำสั่งซื้อเข้ามาเป็นจำนวนมาก เพื่อรองรับความต้องการสินค้าอุปโภคบริโภคและของขวัญในช่วงเทศกาลตั้งแต่ปลายปีจนถึงต้นปีหน้า EXIM BANK จึงได้พัฒนาบริการสินเชื่อเพื่อช่วยเหลือให้ผู้ส่งออกไทยให้มีเงินทุนหมุนเวียนในช่วงก่อนและหลังการส่งออกเพิ่มมากขึ้น เรียกว่า สินเชื่อส่งออกทันใจ (EXIM Instant Credit) เป็นสินเชื่อหมุนเวียนระยะเวลาไม่เกิน 6 เดือน พร้อมบริการรับซื้อตั๋วส่งออก อัตราดอกเบี้ยต่ำ 3.5% ต่อปี ใช้เพียงบุคคลค้ำประกัน อนุมัติเร็วภายใน 7 วันทำการ และมีวงเงินสูงสุด 500,000 บาทต่อราย คาดว่าจะช่วยให้ผู้ประกอบการไทย โดยเฉพาะ SMEs สามารถเริ่มต้นหรือขยายธุรกิจส่งออกได้มากขึ้น
กรรมการผู้จัดการ EXIM BANK เปิดเผยต่อไปว่า เพื่อตอบสนองนโยบายรัฐบาลในการสนับสนุน SMEs ซึ่งเป็นกลุ่มผู้ประกอบการส่วนใหญ่ของประเทศที่มีจำนวนกว่า 2 ล้านราย โดยปัจจุบันมีผู้ประกอบการที่มีศักยภาพเป็นผู้ส่งออก SMEs ประมาณ 24,000 ราย หรือประมาณ 10% ของผู้ประกอบการ SMEs รวมทั้งหมด แม้ว่าภาคการส่งออกของไทยจะเริ่มมีทิศทางที่ดีขึ้น แต่ผู้ส่งออกยังคงต้องเผชิญความเสี่ยงจากปัจจัยแวดล้อมทางธุรกิจทั้งภายในและภายนอก อาทิ การขาดสภาพคล่อง เข้าไม่ถึงแหล่งเงินทุน ความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน ราคาสินค้าโภคภัณฑ์อยู่ในระดับต่ำ เป็นต้น EXIM BANK จึงมีนโยบายพัฒนาบริการที่มีเงื่อนไขผ่อนปรนเพื่อสนับสนุนผู้ส่งออก SMEs ของไทยให้สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุน มีความพร้อมในการขยายธุรกิจได้มากขึ้น
"ผู้ส่งออก SMEs เป็นกลไกสำคัญที่ช่วยผลักดันให้การส่งออกขยายตัวมากขึ้น EXIM BANK จึงได้พัฒนาบริการสินเชื่อ ควบคู่ไปกับเครื่องมือบริหารจัดการความเสี่ยงทางการค้าระหว่างประเทศให้แก่ผู้ส่งออก SMEs โดยเน้นความรวดเร็วและความสะดวกในการเข้าถึงบริการของ SMEs โดยสินเชื่อส่งออกทันใจเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ที่เกิดขึ้น เพื่อช่วยอัดฉีดเงินเข้าสู่ระบบและขับเคลื่อนการเติบโตของภาคการส่งออกไทยในไตรมาสสุดท้าย" นายพิศิษฐ์กล่าว