กรุงเทพฯ--19 ก.ค.--เอ็ม ดี เค คอนซัลแทนต์
(กรุงเทพฯ, 19 กรกฎาคม 2543)—เอเจเอฟ ตอกย้ำความเป็นผู้นำในการประกอบธุรกิจด้านการจัดการกองทุนรวม ประกาศเพิ่มสองพันธมิตรธนาคารชั้นนำของไทย ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด นครธน และธนาคารดอยช์แบงก์ ร่วมเสริมทัพเป็นตัวแทนการขายและรับซื้อคืนให้กับกองทุนรวมของ เอเจเอฟ เพิ่มจากตัวแทนปัจจุบันที่นำทีมโดยธนาคารกรุงศรีอยุธยา ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด และบริษัทหลักทรัพย์ชั้นนำอื่น ๆ เพื่อรองรับแผนการเพิ่มศักยภาพและเครือข่ายบริการเข้าถึงกลุ่มผู้ลงทุน มั่นใจการลงทุนผ่านกองทุนรวมจะเป็นทางเลือกใหม่ที่ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากกลุ่มลูกค้าเงินฝากของแบงก์ซึ่งปัจจุบันกำลังมองหาลู่ทางการลงทุนใหม่ๆ เพราะการลงทุนกับกองทุนรวมจะให้ผลตอบแทนที่คุ้มค่าน่าพอใจกว่า
นายเรืองวิทย์ นันทาภิวัฒน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม อยุธยาจาร์ดีนเฟลมมิ่ง จำกัด (เอเจเอฟ) เปิดเผยว่า “จากสภาพเศรษฐกิจในปัจจุบัน นักลงทุนและผู้มีเงินฝากในธนาคารต่างมองหาทางเลือกใหม่ ๆ ในการลงทุน นอกเหนือไปจากการฝากเงินกับธนาคารเพียงอย่างเดียว ซึ่งการลงทุนผ่านกองทุนรวมนับเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่กำลังได้รับความสนใจเพิ่มขึ้น เนื่องจากเป็นทางเลือกใหม่ที่สอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจปัจจุบัน ซึ่งให้ผลตอบแทนที่เหมาะสมและน่าพอใจกว่า”
นายเรืองวิทย์กล่าวต่อไปว่า ปัจจัยสำคัญที่มีผลต่อการตัดสินใจเข้าร่วมเป็นพันธมิตรกับเอเจเอฟจากกลุ่มสถาบันการเงินชั้นนำต่างๆ ก็คือ ความน่าเชื่อถือทั้งในเรื่องของทีมผู้บริหาร กลุ่มผู้ถือหุ้น และผลการดำเนินงานที่โดดเด่นของบริษัท โดยเอเจเอฟเป็นบริษัทจัดการกองทุนรวมที่มีอัตราการเติบโตเร็วที่สุดในช่วงระยะเวลาสองปีที่ผ่านมา ซึ่งจะเห็นได้จากขนาดของกองทุนที่มีมูลค่าเพิ่มขึ้นจาก 1.4 พันล้านบาท ณ เดือนกรกฎาคม 2540 เป็น 44.5 พันล้านบาท ณ ปลายปี 2542
นอกจากนั้น การเข้าร่วมเป็นพันธมิตรกับเอเจเอฟของธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ดนครธน จำกัด (มหาชน) และธนาคารดอยช์แบงก์ สาขากรุงเทพฯ ในฐานะตัวแทนสนับสนุนการขายและรับซื้อคืนแก่กลุ่มลูกค้าของธนาคารนั้น ถือว่าเป็นโอกาสอันดีในการเพิ่มบริการแบบใหม่ที่จะช่วยสร้างแรงจูงใจให้กับลูกค้าเงินฝากของธนาคารเอง อีกทั้งยังเป็นการรักษาฐานลูกค้าเดิมและขยายฐานลูกค้าใหม่ของธนาคารอีกด้วย
“การร่วมมือดังกล่าวนอกจากจะเป็นการขยายฐานลูกค้าและเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการแก่ ลูกค้าของสถาบันการเงินดังกล่าวแล้ว ยังเป็นการชี้ให้เห็นถึงกระแสการเติบโตของการลงทุนผ่านกองทุนรวมซึ่งได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากกลุ่มนักลงทุนในปัจจุบัน ซึ่งเอเจเอฟเองก็รู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่สามารถให้การบริการข้ามกลุ่มที่จะทำให้กองทุนรวมของเอเจเอฟเข้าถึงกลุ่มผู้ลงทุนได้อย่างหลากหลายและกว้างขวางยิ่งขึ้น” นายเรืองวิทย์กล่าว
บลจ. เอเจเอฟ เป็นบริษัทที่มีผู้ถือหุ้นใหญ่คือ กลุ่มจาร์ดีนเฟลมมิ่ง จากประเทศฮ่องกง และธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) โดยในปัจจุบันเอเจเอฟมีกองทุนทั้งสิ้น 5 กองทุนที่เสนอขายแก่ประชาชนทั่วไป โดยแบ่งตามความเสี่ยงที่ผู้ลงทุนสามารถรับได้ คือ กองทุนเปิดอยุธยาตราสารปันผล กองทุนเปิดอยุธยาตราสารเพิ่มทรัพย์ กองทุนเปิดอยุธยาตราสารเจริญทรัพย์ กองทุนเปิดอยุธยาทุนทวี ปันผล และล่าสุดกองทุนเปิดอยุธยาเทคโนโลยี
ข้อมูลสำหรับกองบรรณาธิการ :
อยุธยาจาร์ดีนเฟลมมิ่ง (เอเจเอฟ) เป็นบริษัทที่ประกอบธุรกิจทางด้านการจัดการกองทุนรวม โดยมีธนาคาร กรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นธนาคารขนาดใหญ่อันดับที่ 5 ของประเทศ และกลุ่มจาร์ดีนเฟลมมิ่ง จากประเทศฮ่องกง ซึ่งเป็นบริษัทจัดการการลงทุนขนาดใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในเอเชียเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ เอเจเอฟก่อตั้งขึ้นในปี 2539 และเริ่มเสนอขายหน่วยลงทุนเป็นครั้งแรกเมื่อกลางปี 2540
แม้จะเริ่มต้นการทำธุรกิจในช่วงภาวะเศรษฐกิจถดถอย เอเจเอฟสามารถพิสูจน์ให้เห็นว่ามีความสามารถในการบริหารเงินลงทุนของประชาชนให้ได้ผลตอบแทนที่ดี และมีส่วนช่วยบรรเทาผลกระทบทางเศรษฐกิจต่อฐานะทางการเงินส่วนตัวได้อีกทางหนึ่ง ทำให้ประชาชนและผู้ลงทุนนิติบุคคลเชื่อมั่นและทยอยลงทุนในกองทุนรวมของเอเจเอฟเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ดังจะเห็นได้จากขนาดของกองทุนที่มีมูลค่าเพิ่มขึ้นจาก 1.4 พันล้านบาท ณ เดือนกรกฎาคม 2540 เป็น 44.5 พันล้านบาท ณ ปลายปี 2542 ด้วยเหตุนี้เองเอเจเอฟจึงเป็นบริษัทจัดการกองทุนรวมที่มีอัตราการเติบโตเร็วที่สุดในช่วงระยะเวลาสองปีที่ผ่านมา (วัดจากมูลค่าทรัพย์สินของกองทุนรวมภายใต้การจัดการของ 14 บริษัท ในช่วงระหว่างวันที่ 26 กันยายน 2540 ถึง วันที่ 30 ธันวาคม 2542 --- ที่มา : สมาคมบริษัทจัดการลงทุน)--จบ--
-อน-