กรุงเทพฯ--3 ต.ค.--Worklink da Agency
FPI จับมือพันธมิตรร่วมจรดปากกาเซ็น MOU ศึกษาความเป็นไปได้ในการเข้าลงทุน 3 โครงการ โรงไฟฟ้าชีวมวล ภาคอีสาน-ใต้ ขนาดกำลังการผลิตรวม 27.3 เมกะวัตต์ บิ๊กบอส "สมพล ธนาดำรงศักดิ์"คาดได้ข้อสรุปภายในปีนี้ หนุนธุรกิจเติบโตอย่างแกร่ง สร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหุ้นในอนาคต
นายสมพล ธนาดำรงศักดิ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฟอร์จูน พาร์ท อินดัสตรี้ จำกัด (มหาชน) (FPI) เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 30 กันยายน 2559 ที่ผ่านมา บริษัท ฟอร์จูน พาร์ท อินดัสตรี้ จำกัด (มหาชน) (FPI) , บริษัท อีสต์โคสท์เฟอร์นิเทค จำกัด (มหาชน) (ECF) และบริษัท วิชญ์ อุตสาหกรรม จำกัด (WIT) ได้เข้าลงนามในบันทึกความเข้าใจ (MOU) โดยความร่วมมือ บริษัท ศรีวัฒนา กรีน เพาเวอร์ จำกัด (SGP), บริษัท ศรีเจริญไบโอเพาเวอร์ จำกัด (SBP) และบริษัท ไพร์ซ ออฟ วู้ด กรีน เอนเนอร์จี จำกัด (Prize) เพื่อร่วมศึกษาความเป็นไปได้ ในการเข้าลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานชีวมวล โดย SGP และ SBP เป็นบริษัทที่ดำเนินโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานชีวมวล ในจังหวัดบุรีรัมย์ ที่มีขนาดกำลังการผลิตโรงละ 9.9 เมกะวัตต์ รวม 19.8 เมกะวัตต์ และ Prize เป็นบริษัทที่ดำเนินโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานชีวมวล ในจังหวัดนราธิวาส ที่มีขนาดกำลังการผลิตโรงละ 7.5 เมกะวัตต์
โดยทุกฝ่ายจะร่วมมือกันเพื่อให้การศึกษาความเป็นไปได้ในการเข้าลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานชีวมวลของ SGP, SBP และ Prize สำเร็จลุล่วง และเป็นไปเพื่อผลประโยชน์ร่วมกันของทุกฝ่าย โดยคาดว่า จะได้ข้อสรุปภายในปลายปีนี้ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฟอร์จูน พาร์ท อินดัสตรี้ จำกัด (มหาชน)(FPI) กล่าวอีกว่ามั่นใจว่า การขยายการลงทุนเข้าสู่ธุรกิจพลังงานทดแทน ถือเป็นการกระจายความเสี่ยงการลงทุน ช่วยเพิ่มแหล่งที่มาของรายได้ประจำ (Recurring Income) ผลักดันให้ธุรกิจของบริษัทฯเติบโตอย่างมั่นคงและแข็งแกร่ง สร้างผลตอบแทนที่ยั่งยืนให้กับผู้ถือหุ้นในอนาคต
นายอารักษ์ สุขสวัสดิ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อีสต์โคสท์เฟอร์นิเทค จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ความร่วมมือระหว่าง ECF FPI และบริษัท วิชญ์ อุตสาหกรรม จำกัด (WIT) เพื่อลงนามในบันทึกความเข้าใจ ("MOU") กับ บจ. ศรีวัฒนา กรีน เพาเวอร์ ("SGP") บจ. ศรีเจริญไบโอเพาเวอร์ ("SBP") และ บจ. ไพร์ซ ออฟ วู้ด กรีน เอนเนอร์จี ("Prize") เพื่อร่วมศึกษาความเป็นไปได้การเข้าลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานชีวมวลดังกล่าว เป็นไปตามแผนการดำเนินธุรกิจที่บริษัทวางไว้ คือการมองหาธุรกิจใหม่ๆ ที่สามารถสร้างรายได้ให้กับบริษัทอย่างสม่ำเสมอ เพื่อสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน
ทั้งนี้ธุรกิจโรงไฟฟ้าถือเป็นธุรกิจที่ให้ผลตอบแทนดี มีความมั่นคงในระยะยาว ซึ่งเป็นโอกาสที่ดีในการลงทุนเพื่อต่อยอดธุรกิจและเป้าหมายของบริษัท อย่างไรก็ตามECF มีแผนจะขยายธุรกิจออกไปอย่างต่อเนื่อง ทั้งในส่วนที่เกี่ยวเนื่องกับธุรกิจเฟอร์นิเจอร์และธุรกิจอื่นๆ
"การประกาศความร่วมมือในครั้งนี้ ถือเป็นการขยายธุรกิจครั้งสำคัญของบริษัท ผ่านความร่วมมือกับพันธมิตรที่มีความเชี่ยวชาญทางธุรกิจในด้านต่างๆอย่าง FPI , WIT, SGP, SBP และ Prize ซึ่งต้องขอขอบคุณคณะผู้บริหารของทุกบริษัท ตลอดจนทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ที่ได้ให้เกียรติร่วมกันผลักดันการดำเนินงานครั้งนี้ให้เกิดขึ้น มั่นใจว่าการร่วมมือในครั้งนี้จะเป็นประโยชน์ทางธุรกิจกับทุกฝ่าย"นายอารักษ์ กล่าว