กรุงเทพฯ--22 พ.ย.--กระทรวงสาธารณสุข
คณะอนุกรรมการศึกษาวิจัยเกี่ยวกับการควบคุมอันตรายในการใช้ยา มีมติเพิกถอนยาที่มีส่วนผสมของพีพีเอทั้ง ๔๙๓ ตำรับ ออกจากสูตรตำรับยา และเตรียมออกประกาศเตือนแจ้งสาธารณสุขจังหวัดทั่วประเทศวันนี้ (๒๒ พ.ย.) คาดว่า จะยกเลิกการวางจำหน่ายยาทั้งหมดนี้ในท้องตลาดได้ภายใน ๖ เดือน หลังรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ลงนามเพิกถอน พร้อมกันนี้ได้แนะให้ทานยาเดี่ยวหากต้องลดอาการหวัดและไข้
น.พ.วิชัย โชควิวัฒน เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการศึกษาวิจัยเกี่ยวกับการควบคุมอันตรายในการใช้ยา แถลงผลการประชุมเพื่อพิจารณายาแก้หวัดคัดจมูกและแก้ไข้ ที่มีส่วนผสมของเฟนิลโปรปาโนลามีน หรือชื่อย่อว่า พีพีเอ ซึ่งองค์การอาหารและยาประเทศสหรัฐอเมริกา ได้ออกข่าวเตือนผู้บริโภคให้หลีกเลี่ยงยาที่มีส่วนผสมตัวยาดังกล่าว เนื่องจากทำให้เกิดอาการเลือดออกในสมอง ซึ่งมีขึ้นทะเบียนกับสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) จำนวน ๔๙๓ ตำรับ ว่าที่ประชุมมีมติเป็นเอกฉันท์ว่าตัวยาพีพีเอมีความไม่ปลอด ภัย หรือมีความเสี่ยงที่อาจเกิดอาการข้างเคียงที่รุนแรงและเป็นความรุนแรงที่ไม่สามารถกลับคืนเหมือนเดิมได้ และไม่สามารถคาดคะเนได้ว่าจะเกิดขึ้นกับใคร ไม่สามารถบอกปัจจัยเสี่ยงต่าง ๆ เช่น คนที่เป็นความดันโลหิตสูงหรือไม่ ในทางการแพทย์เรียกว่าไม่มีอะไรคาดคะเนได้ว่าจะเกิดขึ้นกับใครเมื่อไร จึงเห็นสมควรเพิกถอนทั้งหมด และขั้นตอนต่อจากนี้จะส่งมตินี้ให้คณะกรรมการยา ซึ่งมีปลัดกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานพิจาร- ณาก่อนจะส่งให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นผู้ลงนามเพิกถอน
น.พ.วิชัย กล่าวว่า จะประสานขอเร่งให้มีการประชุมคณะกรรมการยาให้เร็วขึ้น จากปกติประชุมวันที่ ๑๕ ธันวาคมนี้ ซึ่งคงจะไม่ทันใจในการแสดงความห่วงใยความปลอดภัยของประชาชน คาดว่าอาจจะมีการประ ชุมเป็นเฉพาะเรื่องนี้เป็นกรณีพิเศษได้ในสัปดาห์หน้า ดังนั้น น่าจะลงนามเพิกถอนได้ในรัฐบาลนี้ ระหว่างที่ยังไม่มีการเพิกถอนอย่างเป็นทางการ ยาแก้หวัดคัดจมูกและแก้ไข้ที่มีส่วนผสมของพีพีเอยังมีวางขายในท้องตลาดได้ แต่ในวันนี้ (๒๒ พ.ย.) อย.จะออกประกาศคำเตือนแจ้งเรื่องนี้ไปทั่วประเทศโดยผ่านทางสาธารณสุขจังหวัด และหากมีการลงนามแล้ว คาดว่าระยะเวลาที่จะมีการปรับเปลี่ยนตำรับยาน่าจะใช้เวลา ๖ เดือน ซึ่งหลังจากนั้นแล้วตำรับยาที่มีส่วนผสมพีพีเอทั้ง ๔๙๓ ตำรับนี้ จะไม่มีวางขาย ในท้องตลาดอีกต่อไป เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา กล่าวอีกว่า อีกเหตุผลหนึ่งที่คณะอนุกรรมการฯพิจารณาเพิกถอนตำรับยาทั้งหมดนี้ เนื่องจากเห็นว่ายาพีพีเอไม่ได้อยู่ในบัญชียาหลักแห่งชาติ เพราะเป็นเพียงตัวยาที่ใช้บรร เทาอาการ ไม่ใช่ยาแบบช่วยชีวิตหรือถ้าไม่มีแล้วจะทำให้ประชาชนเกิดอันตราย ขณะเดียวกันก็มียาสูตรตำรับอื่นให้เลือกใช้แก้หวัดได้อีก ๗๔๗ ตำรับ ในตลาด และขอแนะนำให้ใช้ยาเดี่ยวบรรเทาอาการหวัดจะดีกว่าคือ คลอเฟนนิรามีน ถ้าเป็นไข้ก็ทานยาแอสไพริน ทั้งสองชนิดจะเป็นยาที่ค่อนข้างปลอดภัย
สำหรับข้อสังเกตว่า ยาที่ทานมีส่วนผสมยาพีพีเอหรือไม่ สามารถตรวจสอบได้จากส่วนประกอบของยาที่มีอยู่บนฉลากหรือแผงบรรจุ ถ้าไม่มั่นใจให้สอบถามได้โดยตรงที่ อย. หมายเลข๕๙๐-๗๓๕๔ และ ๕๙๐-๗๑๖๒ หรือโทรสอบถามที่สายด่วนผู้บริโภค--จบ--
-สส-