กรุงเทพฯ--4 ต.ค.--IR network
บมจ.กันกุลเอ็นจิเนียริ่ง (GUNKUL) ได้ฤกษ์ไฟเขียวออกหุ้นกู้วงเงินไม่เกิน 1,500 ล้านบาท อายุ 3 ปี อัตราดอกเบี้ย 3.5% ต่อปี เสนอขายนักลงทุนสถาบัน หรือผู้ลงทุนรายใหญ่ นำเงินลุยโครงการโซลาร์ฟาร์มทั้งในและต่างประเทศ "โศภชา ดำรงปิยวุฒิ์" มั่นใจกระแสตอบรับจากนักลงทุนสถาบันคึกคัก เดินหน้าปั๊มกำลังการผลิตปี"60 โตตามเป้า 500 เมกะวัตต์
นางสาวโศภชา ดำรงปิยวุฒิ์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท กันกุลเอ็นจิเนียริ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ GUNKUL เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯมีมติอนุมัติให้ออกและเสนอขายหุ้นกู้วงเงินไม่เกิน 1,500 ล้านบาท อายุไม่เกิน 3 ปี ประเภทไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีประกัน และไม่มีผู้แทนผู้ถือหุ้น เพื่อเสนอขายให้กับนักลงทุนสถาบัน และ/ หรือ ผู้ลงทุนรายใหญ่ กำหนดอัตราดอกเบี้ยคงที่ 3.50% ต่อปี โดยจ่ายทุก 3 เดือน เริ่มตั้งแต่วันที่ 7 มกราคม, 7 เมษายน,7 กรกฎาคม และ 7 ตุลาคมของทุกปี ตลอดอายุหุ้นกู้ โดยผู้จัดการจัดจำหน่ายหุ้นกู้คือ ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน)
สำหรับวัตถุประสงค์ของการออกหุ้นกู้ของบริษัทฯ ในครั้งนี้ เพื่อใช้ลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าโซลาร์ฟาร์มทั้งในและต่างประเทศ เพื่อผลักดันให้ธุรกิจพลังงานทดแทนของกลุ่มบริษัทฯ เติบโตได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ คือ จะมีกำลังการผลิตไม่ต่ำกว่า 500 เมกะวัตต์ จากปัจจุบันมีอยู่ในมือแล้ว 403 เมกะวัตต์
ทั้งนี้ การออกและเสนอขายหุ้นกู้ในครั้งนี้ เป็นไปตามมติที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นปี 2558 ที่อนุมัติให้บริษัทฯ ออกและเสนอขายหุ้นกู้วงเงินรวมกันไม่เกิน 3,000 ล้านบาท อายุไม่เกิน 7 ปี เสนอขายในประเทศ และ/หรือต่างประเทศ ให้แก่ประชาชนทั่วไป และ/หรือผู้ลงทุนสถาบัน และ/หรือผู้ลงทุนรายใหญ่ และ/หรือผู้ลงทุนโดยเฉพาะเจาะจง โดยเดือนตุลาคมปี 2558 ที่ผ่านมาบริษัทฯ ได้ออกหุ้นกู้ไปแล้ววงเงิน 300 ล้านบาท
"ปัจจุบัน GUNKUL มีโครงการพลังงานแสงอาทิตย์อยู่ในระหว่างก่อสร้าง 150 เมกะวัตต์ มูลค่าโครงการประมาณ 15,000 ล้านบาท และยังมีโครงการพลังงานลมอีก 2 โครงการภายในประเทศ กำลังการผลิต 60 เมกะวัตต์ และ 50 เมกะวัตต์ มูลค่าโครงการประมาณ 12,000 ล้านบาท ซึ่งบริษัทเชื่อว่าการออกหุ้นกู้ในครั้งนี้จะได้รับความสนใจจากนักลงทุนสถาบัน และที่สำคัญจะเป็นส่วนหนึ่งในการเข้ามาต่อยอดในการผลักดันโครงการโรงไฟฟ้าโซลาร์ฟาร์มทั้งในและต่างประเทศของกลุ่มบริษัทฯ ให้สามารถขับเคลื่อนไปข้างหน้าได้อย่างมีศักยภาพมากยิ่งขึ้น"นางสาวโศภชากล่าวในที่สุด